รัฐสภาไฟเขียว! โหวต 315 เสียงผ่านสูตร “20 หยิบ 1” สรรหา กมธ.ยกร่างฯ เมินเสียงท้วง “จาตุรนต์” หวั่นล็อกสเปก–ประชาชนมีส่วนร่วมน้อย
มติรัฐสภา 315 เสียง ไฟเขียว ม.256/2 เคาะสูตรสรรหา กมธ.ยกร่างฯ “20 หยิบ 1” เมิน “จาตุรนต์” ท้วงหวั่นล็อกสเปก-ปชช.ร่วมน้อย
วันที่ 10 ธันวาคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ โดยมีนายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้มีการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ…. ในวาระสอง ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่การพิจารณาร่างมาตรา 256/2 ว่าด้วยขั้นตอนของการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) ร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งกมธ.เสียงข้างมากได้แก้ไขกำหนดให้ผู้ประสงค์จะสมัครต้องยื่นใบสมัครพร้อมหลักฐาน การแสดงวิสัยทัศน์ และต้องมีรายชื่อผู้สนับสนุนไม่น้อยกว่า 100 คน ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จากนั้นให้ยื่นรายชื่อเพื่อให้รัฐสภาดำเนินการเผยแพร่บัญชีผู้สมัครและหลักฐานให้ประชาชนตรวจสอบ ตามหลักเกณฑ์ที่ประธานรัฐสภากำหนด
บรรยากาศในการอภิปรายเป็นไปอย่างกว้างขวาง โดย กมธ.เสียงข้างน้อย ฝั่งพรรคเพื่อไทย นำโดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ ได้สงวนความเห็นขอให้แก้ไขร่างดังกล่าว เนื่องจากมีความกังวลว่าเงื่อนไขที่ กมธ.เสียงข้างมากกำหนดด้วยสูตร “20 หยิบ 1” นั้น อาจนำไปสู่ความล้มเหลวในการคัดเลือกบุคคลเข้ามาเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นายจาตุรนต์ ชี้ให้เห็นว่า แม้จะมีการคาดการณ์ว่าจะมีผู้สมัครนับหมื่นคน แต่ในทางปฏิบัติเชื่อว่าพรรคการเมืองหรือกลุ่ม สว. จะมีการเตรียมคนของตัวเองไว้แล้ว ซึ่งจะทำให้การสมัครซบเซา ประชาชนทั่วไปอาจมองว่าเสียเวลาหากไม่ได้รับการทาบทามมาก่อน นอกจากนี้ ยังกังวลเรื่องความรู้ความสามารถของผู้ร่างที่อาจกระจุกตัว ขาดความเชี่ยวชาญที่หลากหลาย จึงเสนอให้แบ่งที่มาผู้ร่างเป็น 2 ส่วน โดยให้รัฐสภาเลือกผู้เชี่ยวชาญตามคุณสมบัติที่กำหนดร่วมด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เสียงข้างมากในรัฐสภาเป็นผู้กำหนดทิศทางรัฐธรรมนูญได้ทั้งหมด
ทางด้านพรรคประชาชน น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กทม. อภิปรายไม่เห็นด้วยกับกลไกของ กมธ.เสียงข้างมากเช่นกัน โดยมองว่ามีข้อจำกัดเชิงหลักการและอาจขาดความชอบธรรม แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มสัดส่วนจากการแต่งตั้ง เพราะต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง ขณะที่นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ. ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า เนื้อหาที่ กมธ.พิจารณานั้นยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยกำหนดให้มีการตรวจสอบ แสดงวิสัยทัศน์ และเผยแพร่ประวัติ เหตุผลสำคัญที่ต้องกำหนดเช่นนี้เพื่อป้องกันการส่งตีความ ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาการแก้ไขรัฐธรรมนูญทอดยาวออกไปโดยไม่จำเป็น จึงจำเป็นต้องอิงตามแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไว้ก่อน
ในช่วงท้ายของการอภิปราย นายจาตุรนต์ ได้กล่าวพาดพิงถึงความชัดเจนในการยืนหยัดต่อหลักการเลือกตั้งโดยประชาชน ซึ่งนายณัฐวุฒิ ได้ชี้แจงกลับว่า ในฐานะประธานในที่ประชุม กมธ. ไม่สามารถแสดงความเห็นจำเพาะเจาะจงได้ แต่บทสรุปที่ออกมาเป็นไปตามมติของ กมธ. สอดคล้องกับที่นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน ยืนยันว่า พรรคประชาชนยังคงยึดมั่นในหลักการให้มีคูหาเลือกตั้งตามที่ได้สงวนความเห็นไว้ แต่ในชั้นกมธ.จำเป็นต้องโหวตยืนเนื้อหาเพื่อขับเคลื่อนกระบวนการต่อไป อย่างไรก็ตาม ภายหลังเสร็จสิ้นการอภิปราย ที่ประชุมรัฐสภาได้ลงมติตัดสิน โดยเสียงข้างมาก 315 เสียง เห็นด้วยกับการแก้ไขของ กมธ.เสียงข้างมาก ต่อเสียงไม่เห็นด้วย 255 เสียง ส่งผลให้มาตรา 256/2 ผ่านความเห็นชอบตามร่างของ กมธ.เสียงข้างมาก