สธ.เร่งอพยพผู้ป่วยชายแดน 7 จังหวัด ส่ง 52 ทีมดูแลศูนย์พักพิง
วันนี้ (14 ธันวาคม 2568) ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิเผยภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีชายแดนไทย - กัมพูชา ซึ่งมี นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน และ นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์ ว่า ภาพรวมสถานบริการสาธารณสุขที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่เสี่ยง 7 จังหวัด ยังคงปิดให้บริการเท่าเดิม 12 แห่ง ส่วน รพ.สต.ปิดบริการเพิ่ม 7 แห่ง ใน จ.จันทบุรี และ จ.ตราด รวมปิดสะสม 212 แห่ง มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ปลอดภัยเพิ่มขึ้นเป็น 703 ราย
ส่วนการดูแลสุขภาพจิต มีการจัดระบบคัดกรองเชิงรุกด้วยแบบประเมินมาตรฐาน เพื่อค้นหาผู้ที่มีความเครียดและมีความเสี่ยงทำร้ายตนเอง จากการคัดกรองไปแล้ว 115,632 ราย พบเครียดสูงสะสม 996 ราย และเสี่ยงทำร้ายตนเองสะสม 147 ราย
ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์คัดกรอง 2,167 ราย พบเครียดสูงสะสม 42 ราย ทั้งหมดได้รับการปฐมพยาบาลทางจิตใจดูแลตามกระบวนการและติดตามอย่างต่อเนื่องจนกว่าอาการจะดีขึ้น
นพ.เอกชัย กล่าวต่อว่า ศูนย์พักพิงมีการเปิดเพิ่มขึ้นรวม 995 จุด มีผู้เข้าพักรวม 258,626 คน เป็นกลุ่มเปราะบาง 69,380 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและเด็กเล็ก 0 – 5 ปี มีการส่งต่อผู้พักพิงไปรักษาในโรงพยาบาลสะสม 546 ราย พร้อมดูแลเฝ้าระวังและควบคุมโรคในศูนย์พักพิง ทั้งโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ โรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร โรคติดเชื้อนำโดยแมลง การจัดการขยะ สุขาภิบาลอาหารและน้ำ และอนามัยสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ได้เตรียมบุคลากรทีม SRRT และ SEhRT รวม 52 ทีม ลงพื้นที่วันที่ 15 ธันวาคม นี้ เพื่อสนับสนุนการดูแลศูนย์พักพิงขนาดใหญ่ที่รองรับผู้พักพิงมากกว่า 1,000 คนขึ้นไป รวมทั้งได้ออกแนวทางและคำแนะนำในการดูแลผู้ป่วยโรคไตในศูนย์พักพิง โดยให้ผู้ป่วยเตรียมยาที่ต้องใช้พร้อมซองยาที่มีชื่อยาและวิธีใช้ ผลเลือดครั้งล่าสุด เบอร์ติดต่อศูนย์ฟอกเลือดล้างไต หากเป็นผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้อง ให้เตรียมอุปกรณ์การเปลี่ยนถ่ายน้ำยา น้ำยาล้างไตและอุปกรณ์ทำแผลไปด้วย เมื่อถึงศูนย์พักพิงให้แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าเป็นโรคไต แจ้งวิธีการรักษาและยาที่กิน
ขณะที่ศูนย์พักพิง ให้จัดสถานที่เก็บน้ำยาล้างไตที่แห้ง ไม่ตากแดด ปราศจากแมลงรบกวน โต๊ะเปลี่ยนถ่ายน้ำยาและกล่องหรือตู้เก็บอุปกรณ์อยู่ในที่สะอาดแยกจากของใช้ต่าง ๆ อ่างล้างมืออยู่ใกล้กับบริเวณเปลี่ยนถ่ายน้ำยา ส่วนที่เปลี่ยนถ่ายน้ำยาไม่ควรอยู่ในบริเวณที่มีลมพัดหรือพลุกพล่าน หากสถานที่พักพิงคับแคบ ขณะเปลี่ยนถ่ายน้ำยาหรือทำความสะอาดช่องทางออกของสาย ให้ใส่ผ้าปิดปากและจมูกทั้งผู้ป่วยและทุกคนที่อยู่ในระยะ 2-3 เมตร
"สถานการณ์ยังมีความเสี่ยงว่าจะรุนแรงมากขึ้น ทุกจังหวัดจึงได้เตรียมพร้อมแผนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกนอกพื้นที่ จัดเตรียมรถบัส/รถพยาบาล ประสานกองทัพเรือสนับสนุนเรือในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางทะเล วางเส้นทางหลักและเส้นทางสำรองกรณีเส้นทางหลักใช้ไม่ได้หรือไม่ปลอดภัย กำหนดจุดพักรถระหว่างเดินทาง รวมถึงจัดหาสถานที่ตั้งโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วยเพิ่มเติม ซึ่งหากเกิดสถานการณ์รุนแรงจริง มั่นใจว่าจะสามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทุกรายได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย" นพ.เอกชัย กล่าว