โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

BIZ: AI ทำคนตกงานจริงไหม? หรือเป็นเพียงข้ออ้างขององค์กรที่ล้มเหลว แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า AI มาแย่งงานเราจริงๆ

BrandThink

เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว

นาทีนี้ที่เครื่องมือ AI พัฒนาระบบออกมาไม่เว้นวัน แถมยังมีคนแจก promt ใหม่ๆ กันทุกนาที เสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ว่า อีกไม่นาน AI จะเข้ามาแย่งงานจากคนหลากหลายอาชีพก็ยิ่งหนาหูขึ้นเรื่อยๆ

แถมยิ่งมีเรื่องที่บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งเริ่มประกาศแนวทางลดพนักงานแล้วหันมาใช้ AI ทดแทน ก็ยิ่งทำให้ใครบางคนคงเริ่มรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ และเสียวสันหลังกันไม่มากก็น้อย

จริงอยู่ว่า AI อาจทำงานแทนมนุษย์ได้ในบางเรื่อง หากองค์กรใดองค์กรหนึ่งต้องการให้เป็นอย่างนั้น แต่ในอีกด้าน เรื่องนี้ก็ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามันอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป

ฟาเบียน สเตฟานี (Fabian Stephany) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านปัญญาประดิษฐ์ สถาบันอินเทอร์เน็ตแห่งออกซ์ฟอร์ด เคยแสดงความเห็นว่า หากใครถูกปลดออกจากงานเพราะถูกแทนที่ด้วย AI ควรตั้งข้อสงสัยและตรวจสอบรายละเอียดของบริษัทอย่างรอบคอบเสียก่อน เพราะบางองค์กรอาจกำลังใช้ AI เป็นแพะรับบาปเพื่อปลดพนักงาน

เขากล่าวเสริมว่า มันอาจเกิดจากความผิดพลาดในเรื่องการจ้างงานในอดีต หรืออาจเป็นเพราะปัญหาเศรษฐกิจ แล้วองค์กรบริหารผิดพลาดจนขาดทุน จำเป็นต้องลดรายจ่าย เช่น ลดบุคลากรลง ซึ่งหากตรวจสอบแล้วว่าเป็นเพราะเรื่องนี้ สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็ไม่มีอะไรซับซ้อนเกินกว่าการหางานในตำแหน่งเดียวกันหรือใกล้เคียงกันในองค์กรใหม่ก็เท่านั้น หรือจะฟ้องร้องบริษัทต่อการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมก็ว่ากันไป

ส่วนว่าหากมันเป็นเพราะจะมีการนำ AI มาใช้ทดแทนจริงๆ นั่นก็เป็นเรื่องที่คนถูกปลดต้องไปอัปสกิลใหม่ เพื่อกลับมาแย่งจาก AI อีกหน

หรือหากมองกันในแง่ของสถิติ การศึกษาของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาก็ชี้ชัดว่าในปี 2025 มีบริษัทจำนวนมากรายงานการใช้ AI ในที่ทำงานเพิ่มมากขึ้นถึง 40 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เมื่อมองว่า AI เป็นสาเหตุของการเลิกจ้างงานจริงๆ กลับมีเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น ซึ่งก็คือบทบาทของ AI ที่เพิ่มมากขึ้นมาจากการเทรนนิงพนักงานในทักษะนี้ หาใช่การเลิกจ้างแต่อย่างใด

ต่อมา เป็นประเด็นสำคัญ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าที่เราถูกปลดเป็นเพราะ AI จริงๆ เรื่องนี้ก็พอจะตรวจสอบได้ด้วยข้อสังเกต 3 ข้อใหญ่ๆ

1 – เรื่องแรกต้องเช็กเลยว่า เอกสารเลิกจ้าง หรือคำชี้แจงจากนายจ้างมีรายละเอียดเชิงเทคนิคหรือไม่ เช่น มีฟังก์ชันไหนบ้างที่ถูกระบุว่าจะถูกแทนที่ด้วย AI อย่างชี้ชัด หรือกล่าวง่ายๆ ว่ามันมีแผนงานใหม่ที่แน่นอนแล้วว่างานส่วนนี้สามารถใช้ AI ทำแทนได้ด้วยวิธีการใด

2 – ตรวจสอบว่ามีการลงทุนใน AI สอดคล้องกับการลดคน เช่น ถ้ามีรายละเอียดงบประมาณ การสรรหาหรือตั้งทีม AI จริง ก็แสดงว่าบริษัทกำลังทำการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานใหม่จริง

3 – รายได้ของบริษัทเป็นอย่างไร เพราะหากบริษัทมีรายได้ลดลงหรือพยายามปรับโมเดลธุรกิจใหม่ การปลดคนก็อาจมาจากสาเหตุทางการเงิน มากกว่าเป็นเรื่องทางเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว

นอกจากเรื่องที่ว่ามาทั้งหมด ยังมีประเด็นเกี่ยวเนื่องที่ต้องสืบเสาะต่อ เช่น บางบริษัทอาจมีคำมั่นสัญญากับแหล่งทุนว่าจะปรับตัวให้เข้าสู่ยุค AI เพื่อให้แหล่งทุนเชื่อว่าบริษัทกำลังปรับตัวให้มีประสิทธิภาพ เป็นไปตามเทรนด์หรือการพัฒนาด้วยเครื่องมือใหม่ๆ ที่อาจบรรเทาการกดดันจากตลาดร่วมด้วย

หรือที่ติดตามได้ง่ายๆ อีกทางหนึ่ง และมันจะเป็นฟางเส้นสุดท้าย ก็มาจากเรื่องที่ว่าหลังจากเลิกจ้างเราแล้ว ก็ยังจ้างคนในตำแหน่งที่เราจากไปกลับมาอีกครั้ง ก็อาจสรุปได้ว่า มันไม่ใช่เพราะ AI แล้วล่ะ แต่อาจเป็นการอคติ (bias) บางอย่าง ที่อาจขยายความไปสู่เรื่องการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม

เหล่านี้เป็นเรื่องพื้นฐานที่ต้องตรวจสอบก่อนปักใจหลงเชื่อว่า AI จะเข้ามาแทนที่มนุษย์อย่างเราๆ ได้จริงๆ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...