โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เรื่องวาทกรรมยกนิ้วให้!'ฮุนมาเนต'ร้องไทยทำตัวเป็นชาติรักสงบดังปากพูด อดกลั้นไม่ใช้กำลังกับชาวกัมพูชา

Manager Online

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว • MGR Online

ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เรียกร้องไทย แสดงออกในสิ่งที่อ้างว่า "เป็นชาติรักสันติ" ด้วยการอดทนอดกลั้นจากการใช้กำลังกับพลเรือนกัมพูชาและคลี่คลายประเด็นชายแดนผ่านกลไกสันติวิธี ตามรายงานของขแมร์ไทม์สในวันอังคาร(9ธ.ค.)

ในข้อความที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ในช่วงเย็นวันจันทร์(8ธ.ค.) นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวว่าพวกผู้นำไทยเน้นย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งผ่านสื่อมวลชนและเวทีระหว่างประเทศ ว่าไทยเป็นชาติรักสงบที่เคารพกฎหมายระหว่างประเทศ

"เพราะฉะนั้น มันจึงเป็นเรื่องช็อคอย่างแท้จริงที่เห็นข่าวที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 1 ของไทย ประกาศจะใช้กำลังทวงคืนสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็นดินแดนอธิปไตยของไทย ในนั้นรวมถึงยิงปืนใหญ่และระดมกำลังทหารเข้าสู่หมู่บ้านเปรยจันและโจกเจย และที่ตั้งอื่นๆอีกหลายแห่ง ตามพื้นที่ชายแดนของบันทายมีชัย ตามแนวพื้นที่ชายแดน" เขากล่าว

"ถ้าไทยรักสันติจริงๆและให้ความสำคัญกับดินแดนของตนเองดังเช่นกัมพูชา เมื่อนั้นรัฐบาลไทยและกองทัพควรยึดมั่นในการหาทางออกในประเด็นชายแดนอย่างสันติ ใช้กลไกลที่เห็นพ้องต้องกัน ที่ปัจจุบันทั้ง 2 ฝ่ายกำลังบังคับใช้อยู่"

นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต กล่าวต่อว่า "ถ้าไทยเคารพกฎหมายระหว่างประเทศจริงๆ ไทยต้องไม่ใช้กำลังโจมตีพลเมืองภายใต้ข้ออ้างทวงคืนอธิปไตย กัมพูชายึดถืออย่างหนักแน่นและมาตลอดต่อหลักการเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศเพื่อนบ้าน แต่จะไม่ยอมให้ประเทศใดๆละเมิดอธิปไตยของตนเองและบูรณภาพแห่งดินแดนเช่นกัน ผมได้ยินพวกผู้นำไทยเคยประกาศท่าทีแบบเดียวกันนี้"

“ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองประเทศจึงได้จัดตั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC) ซึ่งดำเนินงานมานานกว่า 20 ปี โดยอาศัยเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมายซึ่งสืบทอดมาจากการปกครองอาณานิคมของฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่งบันทึกอย่างเป็นทางการ (Proc232;s Verbaux) ของคณะกรรมาธิการปักปันเขตแดนระหว่างอินโดจีนและสยาม ระหว่างปี 1908-1909 และคณะกรรมาธิการเพิกถอนเขตแดนระหว่างอินโดจีนและสยาม ระหว่างปี 1919-1920" ฮุน มาเนต กล่าว

"เมื่อเร็วๆ นี้ ตามกรอบเจตนารมณ์ของข้อตกลงระหว่างคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยของทั้งสองประเทศ ทั้งฝ่ายกัมพูชาและไทยเห็นพ้องที่จะส่งคณะสำรวจร่วมไปดำเนินการสำรวจและตั้งเครื่องหมายชั่วคราวตามแนวชายแดนระหว่างเสาหลักเขตหมายเลข 42-47 ในจังหวัดบันเตียเมียนเจย และเสาหลักหมายเลข 52-59 ในจังหวัดพระตะบอง" นายกรัฐมนตรีกัมพูชาระบุ

ผู้นำกัมพูชาบอกต่อว่า "งานนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่นด้วยความร่วมมือที่ดีระหว่างทีมช่างเทคนิคของทั้งสองประเทศ ส่งผลให้การสำรวจและตั้งเครื่องหมายชั่วคราวระหว่างเสาหลักเขตหมายเลข 52-59 ในจังหวัดพระตะบองเสร็จสมบูรณ์เกือบ 100% ขณะที่งานระหว่างเสาหลักเขตหมายเลข 42-47 มีความคืบหน้าเป็นอย่างดี ตามขั้นตอนทางเทคนิค สนธิสัญญา อนุสัญญา ข้อตกลง และเอกสารทางประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องตามกฎหมายที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้"

"เพราะฉะนั้น เมื่อกองทัพภาคที่ 1 ของไทยประกาศจะใช้กำลังคลี่คลายประเด็นชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทยในพื้นที่จังหวัดบันทายมีชัย(กัมพูชา)และจังหวัดสระแก้ว(ไทย) ในนั้นรวมถึงพื้นที่หนึ่งระหว่างเสาหลักเขตหมายเลข 42-47 มันจึงสวนทางโดยสิ้นเชิงกับจิตวิญญาณการหาทางออกในประเด็นชายแดนอย่างสันติผ่านการแบ่งเขตตามกฎหมายระหว่างประเทศ" ฮุน มาเนตกล่าว

“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าฝ่ายไทย ซึ่งประกาศตนเป็นประเทศที่รักสันติและเคารพกฎหมายระหว่างประเทศมาโดยตลอด จะยังคงใช้วิธีการที่สันติและถูกต้องตามกฎหมายในการสำรวจและกำหนดเขตแดนทางบกเพื่อกำหนดอธิปไตยของแต่ละประเทศต่อไป นี่เป็นวิธีที่ง่าย โปร่งใส และยุติธรรมที่สุด เพราะกัมพูชาไม่มีเจตนาที่จะละเมิดอำนาจอธิปไตยที่ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศเพื่อนบ้านใด ๆ ไม่ว่าผลการสำรวจจะเป็นอย่างไร กัมพูชาก็จะเคารพผลการสำรวจนั้น ข้าพเจ้าหวังว่าประเทศไทยจะมีความจริงใจที่จะทำเช่นเดียวกัน” นายกรัฐมนตรีกัมพูชาระบุปิดท้าย

(ที่มา:ขแมร์ไทม์ส)

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...