โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

1O ปี ก่อนเกษียณ เตรียมตัวอย่างไรให้มีสุข

Wealth Me Up

อัพเดต 27 พ.ย. 2567 เวลา 14.16 น. • เผยแพร่ 27 พ.ย. 2567 เวลา 08.00 น. • Wealth Me Up

ใช้แรงทำเงิน& ให้เงินทำงาน กดSubscribe รอเลย…

Youtube | Facebook | TikTok | Instagram | Line

“เกษียณ” คำสั้นๆ ที่มีความหมายลึกซึ้งกว่าที่คิด เพราะไม่ใช่แค่การหยุดทำงาน แต่เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของชีวิต แต่ที่น่าแปลก คือ แม้ทุกคนจะรู้ว่าวันนั้นต้องมาถึง แต่คำถาม คือ เตรียมพร้อมรับมือให้พร้อมแล้วหรือยัง?

Wealth Me Up ชวนไปฟังมุมมอง “พี่ลูกหมู” คุณนฤมล บุญสนอง นักวางแผนการเงิน กับอีกมุมของวัยเกษียณว่าถ้าไม่ได้เตรียมแผนเกษียณเอาไว้ มีอะไรที่อาจจะต้องเจอบ้าง และในช่วงโค้งสุดท้าย (เช่น 10 ปี หรือ 5 ปีก่อนเกษียณ) ก่อนเข้าสู่บทใหม่ของชีวิต ควรเตรียมตัวเองอย่างไร?

“คนส่วนใหญ่คิดว่าเกษียณ เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่เร่งด่วน ดังนั้น แผนเกษียณก็จะมาอยู่ท้ายสุด แล้วจะนึกได้ก็ต่อเมื่ออายุราว 55 ปีว่าอีก 5 ปี นายจ้างจะไม่จ้างแล้ว” คุณนฤมล บอก

เท่าที่คุณนฤมลสัมผัส พบว่าปัญหาใหญ่ของคนเกษียณ คือ “เงินไม่พอใช้” ในขณะที่รายจ่ายยังคงปรับขึ้นตามค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่รายได้กลับหายไปเกือบหมด “นี่คือความเป็นจริงที่หลายคนไม่อยากเผชิญ”

ยิ่งเมื่อดูตัวเลขแรงงานไทยปี 2566 ยิ่งน่าเป็นห่วง จากประชากรวัยทำงาน 40 ล้านคน แบ่งเป็นภาคเกษตร 30% และนอกภาคเกษตร 70% แต่ที่น่าตกใจ คือ การกระจายตัวของรายได้ มีคนถึง 42.4% ที่มีรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือน 10,000 – 14,999 บาทต่อเดือน (สัดส่วน 20.9%), 15,000 – 29,999 บาทต่อเดือน (สัดส่วน 26.0%) และมีเพียง 10.1% ที่มีรายได้มากกว่า 30,000 บาท

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องท้อแท้ ตรงกันข้าม กลับเป็นสัญญาณเตือนให้ต้องเริ่มวางแผนตั้งแต่วันนี้ เพราะการจะมีชีวิตที่สุขสบายหลังเกษียณไม่ใช่เรื่องของโชคชะตา แต่เป็นเรื่องของการวางแผนและลงมือทำอย่างมีระบบ

คำถามสำคัญที่ต้องถามตัวเอง คือ อยากเกษียณแบบไหน? เกษียณสุขที่มีเงินใช้อย่างสบายใจ หรือเกษียณทุกข์ที่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายทุกวัน คำตอบอยู่ที่การเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้

3 ความท้าทายสำคัญในวัยเกษียณ: เมื่อรายได้น้อยกลายเป็นปัญหาใหญ่

เมื่อพูดถึงการเกษียณ คุณนฤมล ตั้งข้อสังเกตว่าหลายคนอาจนึกถึงภาพชีวิตที่สบาย ได้พักผ่อน ท่องเที่ยว หรือทำในสิ่งที่รัก แต่ความเป็นจริงกลับท้าทายกว่านั้นมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับ 3 ปัญหาใหญ่ที่คนส่วนใหญ่มองข้าม

  • วงจรแห่งการสร้าง: จากจุดเริ่มต้นถึงจุดเกษียณ

ชีวิตเหมือนการต่อจิ๊กซอว์ที่ไม่มีวันจบ เริ่มจากการสร้างตัว สร้างบ้าน ซื้อรถ แต่งงาน มีลูก ทุกอย่างต้องใช้เงินทั้งสิ้น และเมื่อถึงวัยราว 50 ปี เมื่อเริ่มจะมีความสุข มีเสถียรภาพ กลับพบว่าเวลาแห่งการทำงานเหลือน้อยลงทุกที จนกระทั่งถึงวัย 60 ปี วันที่บริษัทบอกลา นั่นคือ จุดเริ่มต้นของความท้าทายครั้งใหม่ หรือวัยเกษียณ

  • Sandwich Generation: เมื่อต้องแบกรับทั้งบนและล่าง

ลองนึกภาพการ์ตูนที่มีตัวละครถูกบีบอัดระหว่างขนมปังสองชิ้น นั่นคือสถานการณ์ของคนวัยทำงานยุคนี้ ด้านบน คือ พ่อแม่ที่ต้องการการดูแล ด้านล่าง คือ ลูกๆ ที่ต้องส่งเสียให้เรียน บางคนต้องให้เงินพ่อแม่เป็นรายเดือน ขณะเดียวกันก็ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ส่งลูกเรียน พอถึงวัย 45 – 50 ปี ภาระยิ่งหนักขึ้นเมื่อต้องดูแลพ่อแม่มากขึ้นเกี่ยวกับสุขภาพ ส่วนลูกที่เรียนจบแล้วแต่ยังหางานไม่ได้

  • สมการรายได้-รายจ่ายที่ไม่สมดุล

เปรียบเหมือนการวิ่งแข่งระหว่างรายได้กับรายจ่าย ตอนทำงานรายได้อาจจะนำหน้า แต่เมื่อเกษียณ รายได้กลับหยุดชะงัก ในขณะที่รายจ่ายยังคงวิ่งต่อไป ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล หรือค่าใช้จ่ายจิปาถะ ทุกอย่างมีแต่เพิ่มขึ้น

สิ่งที่น่าสนใจ คือ การเกษียณอย่างมีความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจะเกิดในครอบครัวแบบไหน แต่ขึ้นอยู่กับว่าบริหารชีวิตและการเงินอย่างไร “จากประสบการณ์ เห็นทั้งคนที่เกิดในครอบครัวร่ำรวยแต่เกษียณแบบลำบาก และคนที่เกิดในครอบครัวยากจนแต่เกษียณอย่างสบาย เพราะพวกเขารู้จักเก็บออมและให้คุณค่ากับเงิน” คุณนฤมล เล่า

ทั้งหมดนี้ คือ เกมแห่งชีวิตที่ทุกคนต้องเล่น “จะรอดหรือร่วง” อยู่ที่การวางแผนและเตรียมตัว ถึงจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่สามารถเลือกวิธีใช้ชีวิตได้ คำถามสำคัญ คือ ได้เตรียมพร้อมสำหรับการเกษียณดีแล้วหรือยัง

เรื่องน่าเศร้าในวัยเกษียณ: ความจริงที่ต้องเตรียมรับมือ

“ไม่เคยคิดว่าการเกษียณจะเป็นเรื่องท้าทายขนาดนี้” เป็นคำพูดที่ได้ยินบ่อยครั้งจากผู้เกษียณอายุ และจากการพูดคุยกับผู้เกษียณอายุ คุณนฤมลพบว่ามี 4 เรื่องน่าเศร้าที่มักเกิดขึ้น

  • เงินไม่พอใช้: วิกฤติที่มาพร้อมกับวัยเกษียณ

“แล้วเงินเท่าไรถึงจะพอ” เป็นคำถามได้ยินบ่อยที่สุด ลองมาคำนวณกันง่าย ๆ สมมติว่าต้องการใช้เงินเดือนละ 10,000 บาท หมายถึงต้องมีเงินปีละ 120,000 บาท

ถ้ามีอายุยืนถึง 90 ปี จะต้องมีเงินอย่างน้อย 4 ล้านบาท และถ้าอยู่ถึง 100 ปี ก็ต้องมีถึง 5 ล้านบาท แต่สมมติว่าเมื่อถึงวันเกษียณ มีเงินเก็บไม่ถึงครึ่งของจำนวนนี้ ก็ต้องลดค่าใช้จ่ายลง เช่น เหลือเพียงเดือนละ 5,000 บาท ขณะเดียวกันต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ให้ได้ อยู่ให้เป็น

  • สุขภาพไม่แข็งแรง: เมื่อโรคภัยมาเยือน

สุขภาพที่ดี คือ ลาภอันประเสริฐ คำโบราณนี้ยิ่งจริงในวัยเกษียณ เพราะเมื่อร่างกายไม่แข็งแรง ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง ยังกระทบกับเงินเก็บที่มีอยู่ด้วย เช่น วัยเกษียณที่มีเงินเก็บได้ 5 ล้านบาท แต่ต้องใช้ไปกับการรักษาสุขภาพในโรงพยาบาลเพียงปีเดียวถึง 1 ล้านบาท

  • ไม่มีที่อยู่อาศัย: ความกังวลเรื่องบ้าน

บ้าน คือ ปัจจัยสี่ที่สำคัญ แต่น่าแปลกที่หลายคนมองข้ามการวางแผนเรื่องนี้ บางคนคิดว่ามีบ้านแล้ว แต่กลับเป็นบ้านที่ยังผ่อนไม่หมด หรือบางคนต้องขายบ้านเพื่อนำเงินมาใช้จ่าย สุดท้ายกลายเป็นผู้สูงอายุที่ไม่มีที่อยู่เป็นของตัวเอง

  • ภาระที่ต้องแบก: เมื่อต้องดูแลทั้งครอบครัว

“เกษียณ” ไม่ได้หมายความว่าภาระจะหมดไป หลายคนยังต้อง “แบกรับ” ภาระหลายอย่าง ทั้งการดูแลพ่อแม่ที่แก่ชรา ช่วยเหลือพี่น้องที่ลำบาก หรือส่งเสียลูกหลานที่ยังเรียนไม่จบ บางคนยังมีหนี้สินที่ต้องผ่อนชำระ ทำให้เงินเก็บที่มีอยู่ร่อยหรอลงอย่างรวดเร็ว

ทั้งหมดนี้ คือ ความท้าทายที่อาจทำให้วัยเกษียณกลายเป็น “วัยเศร้า” แทนที่จะเป็น “วัยสำราญ” อย่างที่หลายคนฝันไว้ อย่างไรก็ตาม ถ้ารู้และเข้าใจปัญหาเหล่านี้ตั้งแต่วันนี้ ก็ยังมีโอกาสเตรียมตัวและวางแผนเพื่อรับมือได้ทัน เพราะการเกษียณที่มีความสุขไม่ใช่เรื่องของโชคชะตา แต่เป็นเรื่องของการวางแผนและเตรียมพร้อม

วางแผนเกษียณ เริ่มตอนไหนดีที่สุด?

“ไม่มีใครแก่เกินเริ่ม แต่อาจสายเกินแก้” บทเรียนสำคัญที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้ที่เริ่มตื่นตัวเรื่องการเกษียณตอนอายุ 45 ปี และวางแผนว่าจะเกษียณอายุ 60 ปี เพราะมีเวลาเหลือแค่ 15 ปีก่อนเกษียณ แต่ต้องเตรียมเงินไว้ใช้อีกนานกว่า 30 ปีหรือมากกว่านั้น จึงเหมือนวิ่งมาราธอนที่ต้องวิ่งเร็วกว่าปกติสองเท่า

“ถามว่าช้าไปหรือไม่ คำตอบเมื่อรู้ตอนแรกก็คิดว่าช้า แต่ก็ต้องสู้ ลงมือทำ และดูว่าเงินที่จะต้องเตรียมใช้หลังเกษียณ จำนวนเท่าไร และวันนี้มีอยู่เท่าไร เช่น เมื่ออายุ 60 ปี ต้องการใช้เงิน 5 ล้านบาท แต่วันนี้มี 3 ล้านบาท หมายความว่า 15 ปีนับจากวันนี้จะต้องเก็บให้ได้อีก 2 ล้านบาท” คุณนฤมล เล่า

ด้วยเหตุนี้ คุณนฤมลแนะนำว่า “ถ้าเป็นไปได้ควรวางแผนเก็บออมเพื่อเกษียณตั้งแต่เนิ่นๆ” เพราะตัวเลขจากการศึกษาชี้ให้เห็นพลังมหัศจรรย์ของการเริ่มต้นเร็ว โดยแค่เก็บเงินเดือนละ 1,000 บาท ตั้งแต่อายุ 20 ปี เมื่อครบ 40 ปี เงินจะเพิ่มเป็น 724,824 บาท และถ้าได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5% ต่อปี จะกลายเป็น 1,449,579 บาท

สรุปง่ายๆ คือ ไม่ว่าจะอายุเท่าไร วันนี้ คือ วันที่ดีที่สุดที่จะเริ่มต้น อาจจะไม่สายเกินไปสำหรับคนอายุ 45 ปีหรือ 50 ปี แต่ต้องทุ่มเทมากกว่าเดิม ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ เริ่มเก็บเงินตั้งแต่อายุน้อยจะดีที่สุด เพราะเวลา คือ พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการสร้างความมั่งคั่ง

เตรียมตัว Landing สู่วัยเกษียณ: 3 ขั้นตอนสำคัญที่ห้ามพลาด

เปรียบเหมือนนักบินที่ต้องเตรียมตัวนำเครื่องบินลงจอด การ Landing สู่วัยเกษียณก็ต้องมีการวางแผนที่รอบคอบไม่ต่างกัน นี่คือ3 ขั้นตอนสำคัญที่คุณนฤมลแนะนำที่จะช่วยให้ Llanding สู่วัยเกษียณได้อย่างนุ่มนวลและปลอดภัย

1. สำรวจทรัพย์สิน - หนี้สิน: รู้ตัวตนทางการเงิน

เหมือนการตรวจสอบเครื่องบินก่อนบิน ต้องสำรวจสถานะการเงินของตัวเองให้ชัดเจน โดยสำรวจทรัพย์สินที่มีค่าและแปลงเป็นเงินสดได้ (เช่น เงินสดและเงินฝากธนาคาร เงินลงทุนในกองทุนรวมและพันธบัตรรัฐบาล กรมธรรม์ประกันชีวิต บ้าน ที่ดิน รถยนต์ ทองคำ) ขณะเดียวกันก็สำรวจหนี้สินว่าเหลืออยู่จำนวนเท่าไร

จากนั้นให้ตรวจสอบความมั่งคั่ง ด้วยการนำทรัพย์สินหักด้วยหนี้สิน ส่วนต่างที่ได้ คือ ความมั่งคั่งสุทธิ “เมื่อทราบความมั่งคั่งของตัวเอง ก็จะทราบว่าจะต้องเก็บออมอีกเท่าไรเพื่อให้ได้เงินเพื่อเกษียณตามเป้าหมายที่วางเอาไว้”

2. ปรับพฤติกรรมออม - ใช้จ่าย: เปลี่ยนนิสัยเพื่ออนาคต

เหมือนการปรับระดับการบินให้เหมาะสม ต้องปรับพฤติกรรมการเงินให้สอดคล้องกับเป้าหมาย โดยยึดหลักออมก่อน ใช้ทีหลัง หรือที่เรียกว่า Pay Yourself First

สูตรการจัดการเงินแบบใหม่

รายได้ - เงินออม = รายจ่าย (เหลือเก็บค่อยนำไปใช้จ่าย)

เป้าหมายขั้นต่ำเก็บออม: 10 - 20% ของรายได้ต่อเดือน

3. นำเงินไปลงทุน: สร้างผลตอบแทนระยะยาว

การลงทุนเพื่อวัยเกษียณอาจยึดหลัก 110 ลบด้วยอายุ (110 Age Rule) ซึ่งเป็นหลักการที่นักวางแผนการเงินทั่วโลกใช้กัน เช่น ถ้าอายุ 50 ปี ควรลงทุนในหุ้น 60% (110 - 50) และตราสารหนี้ 40% เพื่อสร้างสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยง

สำหรับการเลือกเครื่องมือลงทุน ควรเริ่มจากกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (SSF) ซึ่งนอกจากจะได้ผลตอบแทนแล้ว ยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย ที่สำคัญควรกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ

การเตรียมตัว Landing สู่วัยเกษียณอย่างมืออาชีพ เปรียบเสมือนนักบินที่ต้องนำเครื่องลงจอดอย่างนุ่มนวล การเตรียมตัวสู่วัยเกษียณก็ต้องวางแผนอย่างรอบคอบและทำอย่างเป็นระบบ เริ่มจากการสำรวจ “ระดับความสูง” ของตัวเองผ่านการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน เพื่อรู้ว่ายืนอยู่ ณ จุดไหนของเส้นทางการเงิน

จากนั้น “ปรับระดับการบิน” ด้วยการจัดสรรรายได้ใหม่ โดยยึดหลัก “ออมก่อน ใช้ทีหลัง” พร้อมกับ “เลือกเส้นทาง” การลงทุนที่เหมาะสมกับอายุและความเสี่ยงที่รับได้

สุดท้าย อย่าลืมว่าไม่มีใครแก่เกินเริ่ม แต่อาจสายเกินแก้ ยิ่งเริ่มเร็ว โอกาสประสบความสำเร็จยิ่งมากขึ้น แต่ถ้าเพิ่งเริ่มในวัย50 ปีก็ไม่ต้องท้อ เพียงต้องวางแผนให้รอบคอบและมีวินัยมากขึ้น เพราะการเกษียณอย่างมั่นคงไม่ใช่เรื่องของโชค แต่เป็นเรื่องของการวางแผนและลงมือทำอย่างจริงจัง

#WealthMeUp

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...