“เบสท์” ยกน้องชาย “โบ๊ท” เป็นเซฟโซน อัพเดตอาการป่วย “พ่อสมรักษ์”
“เบสท์” ยกน้องชาย “โบ๊ท” เป็นเซฟโซน อัพเดตอาการป่วย “พ่อสมรักษ์” เผยความสนิทพี่น้อง ปรึกษาเรื่องความรัก ดูแม่นยิ่งกว่าหมอดู
นางเอกสาวสายสตรอง เบสท์ คำสิงห์ ที่วันนี้ควงน้องชาย โบ๊ท คำสิงห์ ดีกรีนักฟุตบอลอาชีพ มาเปิดความสนิทฉบับพี่น้องเซฟโซน ปรึกษากันเรื่องความรัก พร้อมอัพเดตอาการป่วยของคุณพ่อ สมรักษ์ คำสิงห์ และเรื่องคดีความของคุณพ่อเป็นยังไงบ้าง ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มี อาจารย์เป็นหนึ่ง และบูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
น้องโบ๊ทสูงมาก แต่กว่าจะเป็นแบบนี้ นี่คือคนอยู่เบื้องหลัง?
เบสท์ : ชอบดูซีรีส์เยอะ ก็อยากให้น้องเป็นพระเอกซีรีส์ ก็เลยบอกน้องว่าสูงได้แล้ว แต่เหลือกล้าม ต้องไปเล่นฟิตเนสอีกหน่อย
โบ๊ท : ยังเล่นไม่ได้ครับ ผมแขนหักอยู่ ตอนซ้อมบอลให้ทีมดารา ผมตีลังกายิง
เบสท์ : ตอนนี้แขนกลับมาเป็นปกติแล้ว ถอดเฝือก แต่เขายังไม่ให้ยกของ
โบ๊ท : กระดูกยังไม่ติดกัน
เห็นว่ากินอะไรก็ไม่ล่ำ?
โบ๊ท : ใช่ครับ ระบบเผาผลาญผมมันดีด้วย ผมกินเยอะมาก แม่เอาอะไรให้ผม ผมก็กินๆ
ณ วันนี้พี่สาวพอใจหรือยัง?
เบสท์ : ยังค่ะ ต้องไปอีก ต้องหล่ออีก ต้องขัดผิว
คุณดูแลน้องยังไงบ้าง?
เบสท์ : ก็ให้ใช้ครีม เซรั่ม ขัดผิว เดี๋ยวนี้เป็นนักฟุตบอลก็ต้องทาครีมกันแดด แต่งหน้า
พี่สาวหวังอะไรจากน้อง?
เบสท์ : หวังให้เขาหล่อ เพราะว่าเราชอบผู้ชายหล่อ
ถ้าน้องเขาหล่อมากๆ มีคนมาดึงน้องออกไปจากชีวิตจะทำยังไง ?
เบสท์ : ยินดี หนูไม่หวงน้อง คือบ้านนี้เข้ามาบอกเลยจะไม่มีปัญหาแม่ผัว ลูกสะใภ้ พี่สาว น้องสะใภ้ ไม่มี
โบ๊ทเป็นกูรูให้คำปรึกษาเรื่องความรักให้พี่สาว?
โบ๊ท : ใช่ครับ
เบสท์ : คือเราไม่รู้ว่าผู้ชายที่เข้ามาเป็นยังไง คือเราไม่รู้เชิงผู้ชาย สมมติเขาพิมพ์มาแบบนี้เราไม่เข้าใจว่าเขาจีบเราหรือเปล่า ชอบเราหรือเปล่า มาแบบคุยๆ หายๆ นี่คืออะไร เราไม่เข้าใจเลยถามโบ๊ท แล้วโบ๊ทเคยวิเคราะห์ เหมือนเจอกันแล้วเขาทักมาตอนกลางคืนอีก แปลว่าเขาต้องชอบเบสท์แน่ๆ แล้วปรากฏว่าจริง
แล้วโบ๊ทรู้ได้ยังไง?
โบ๊ท : เชิงเขาบอกครับ เป็นเซ้นส์ผู้ชาย
เห็นว่าไม่ใช่ครั้งเดียว?
เบสท์ : ใช่ ทุกครั้งเลย เขาบอกว่าเดี๋ยวคนนี้ต้องมากดไลก์หรืออะไรอย่างนี้ แสดงว่าเขาต้องชอบเราอยู่แน่ๆ แล้วเขาก็จะ DM มาแบบนี้ เป๊ะ แม่นมาก ไม่ต้องไปดูหมอดู
พี่สาวกว่าจะคบใครจะพามาให้โบ๊ทเป็นคนสกรีน?
เบสท์ : ไม่ถึงขนาดนั้น ไม่ได้พามาเจอ แต่โบ๊ทชอบแอบดู สมมติมีรถมาจอดหน้าบ้าน เขาก็จะแอบดูรถ
โบ๊ท : ผมก็เปิดประตูบ้านไปยืนดูเลย ผมเช็กก่อน
โบ๊ทดูยังไง ทำไมคนนี้ 2 เดือน คนนี้ 3 เดือน?
โบ๊ท : มันเป็นเซ้นต์ผู้ชายครับพี่ แล้วผมก็ถามพี่เบสท์ด้วยว่าเขาเป็นคนยังไง พอได้คำตอบปุ๊บ ผมก็มาคิดแล้วบอกเบสท์
ในความรู้สึกของเราลักษณะแบบไหนอยู่ได้ยาวๆ บ้าง?
โบ๊ท : ต้องนิสัยครับ แล้วก็เข้ากับครอบครัวได้ ต้องช่วยกันทำงาน อยู่บ้านต้องช่วยกันจ่ายค่านู้น ค่านี่ ซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน
เบสท์ยกให้โบ๊ทเป็นเซฟโซนด้วย?
เบสท์ : ใช่ หนูรู้สึกว่าบางครั้ง บางเรื่องเราก็ไม่กล้าเล่าให้เพื่อนรู้ เราไม่มั่นใจไง ถ้าวันนึงเราทะเลาะกับเพื่อนไป เพื่อนอาจจะมาแฉเราก็ได้ แต่ว่าโบ๊ทเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน เขาคงไม่ทำเราหรอก
เรารู้สึกยังไงที่พี่สาวยกให้เราเป็นเซฟโซน?
โบ๊ท : มีอะไรก็ปรึกษาผมได้ตลอด เล่าเยอะๆ ผมก็อยากรู้เรื่องเยอะๆ เหมือนกัน
แต่โบ๊ทเวลาอยากได้อะไรโทรหาพี่ แล้วพี่ก็เปย์ซะด้วย เรื่องเดียวที่โบ๊ทจะปรึกษาพี่คือ?
โบ๊ท : เรื่องเงินครับ ผมเป็นคนที่ใช้เงินเก่งมาก แต่ไม่ได้เก่งขนาดนั้น แล้วมันก็หมดครับ ผมก็เลยชอบโทรไปหาเบสท์ บอกว่า ขอใช้ชีวิต 2 พันหน่อย
เบสท์ : ไม่ได้ระบุว่าจะใช้อะไร กินอะไร มันเป็นค่าใช้ชีวิต
โบ๊ท : สั่งชานม ออกไปซื้อของเซเว่น
แล้วพอน้องขอปั๊บ คุณทำยังไง?
เบสท์ : โอนไปให้ 5 พันเลย กลัวไม่พอ หนูชอบคิดเผื่อว่ามันอยู่กับสาวหรือเปล่า ถ้าอยู่กับผู้หญิงมันจะไม่มีไม่ได้ ต้องมีเหลือ ไม่งั้นผู้หญิงจะมองและติดลบเรา แบบมาเดทกับผู้ชายคนนี้ทำไมดูติดๆ ขัดๆ ไม่ควักเลย เรากลัวน้องเราเป็นแบบนั้น เราเลยโอนเผื่อตลอด
เคยขอเยอะสุดเท่าไหร่?
โบ๊ท : 5 พันแล้วเขาให้มา 1 หมื่น ตอนนั้นเอาไปซื้อของใช้ พวกเสื้อผ้า แฟชั่น ส่วนที่เหลือผมก็เก็บครับ ผมเป็นคนคิดว่า ใช้เงินแบบนี้ไปซื้ออันนั้น เอาเงินอันนี้ไว้ใช้ชีวิต เพราะต้องอยู่คนเดียว
คุณโสด?
เบสท์ : ค่ะโสดมา 2 ปีแล้ว ไม่มีคนเข้ามาเลย โสดแบบโสดสนิท
ไม่เหงาเหรอ?
เบสท์ : ตอนที่โสดแรกๆ เหงา เพิ่งได้เรียนรู้เหมือนกัน พอเราโสดไปนานๆ มันจะเริ่มหายากขึ้น เพราะว่าเราเสพติดกับการอยู่คนเดียว เคยชินกับการอยู่คนเดียว พอมีคนนึงเข้ามามันก็จะเป็นปัญหาล่ะว่าเราจะไม่ชินบ้าง หรือกังวล มันก็เลยโสดมา 2 ปี
พอมีบทเรียนเรื่องความรัก มันทำให้มุมมองความรักเราเปลี่ยนไปไหม?
เบสท์ : เปลี่ยน สเปคก็เปลี่ยน แต่ก่อนเราชอบแค่คนหล่อ ถ้าหล่อมาคือตอบโจทย์เลย แต่ตอนนี้เราไม่ได้มองคนหล่อแล้ว คนที่จะมาเป็นแฟนเราเราอยากได้แบบโตแล้ว ไม่ toxic ไม่สร้างปัญหา
แต่ก็มีข่าวเม้าธ์ว่ามีคนเข้ามา แต่ทำไมไม่เปิดใจคบ?
เบสท์ : คนที่ผ่านมาหนูว่ารู้จักกันดีแล้ว ดีแล้วที่ไม่ได้คบกัน เพราะถ้าคบกันมันอาจจะไม่รอดก็ได้
แบบมาแล้วพร้อมเปย์มีไหม?
เบสท์ : ไม่มี
แล้วถ้าคนต่อไปที่เขามาในชีวิตแล้วพร้อมเปย์เลย คิดว่ายังไง?
เบสท์ : หนูยังไม่มีใครเข้ามาแล้วเปย์หนูเลย ไม่เคยรับรู้โมเมนต์นั้น ถ้าถามตอนนี้ว่าเราอยากได้คนเปย์ไหม ก็เฉยๆ
ตอนนี้อาการคุณพ่อเป็นยังไงบ้าง เห็นว่าเป็นเส้นเดือดในสมองตีบ?
เบสท์ : ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว เพราะกินยามา 2 เดือนแล้ว ตอนแรกดีขี้นแบบเห็นได้ชัดเลย ปลายปีที่แล้วทุกคนเห็นว่ากลับมาปกติเลยก็คือพูดได้เดินได้ แล้วเขาออกกำลังกายด้วย มันก็เสริมให้ฟื้นตัวเร็ว
ย้อนกลับไปนิดตอนนั้นมันมีสัญญาณหรืออาการอะไรไหม?
เบสท์ : พ่อบอกว่าเขารู้สึกชาบริเวณแขนด้านซ้าย ชาเหมือนเหน็บกิน โทรศัพท์ก็ชาๆ ตึงๆ แต่ว่าเขาไม่บอกใครเขาก็ใช้ชีวิตของเขา จนตื่นขึ้นมาวันนึงก็ขยับไปได้ไปซีกนึงเลย
เห็นว่าตอนนั้น เราร้องไห้หนักมาก?
เบสท์ : ใช่ค่ะ คือหนูไม่เคยเห็นพ่อพูดไม่รู้เรื่องขนาดนี้ แล้วปากเบี้ยวด้วย หน้าก็เบี้ยวไปเลย พูดไม่รู้เรื่องเหมือนเด็ก ตอบอะไรไม่ได้เลย
โบ๊ท : เดินก็จะล้มอย่างเดียว ตอนนั้นผมอยู่ในเหตุการณ์น้าน้องสาวแม่บอกว่าโบ๊ทมาดูพ่อหน่อย พ่อหน้าเอียง น้ำลายไหล ผมเลยไปดู แล้วพ่อก็บอกโทรศัพท์พ่ออยู่ไหน เขาทำโทรศัพท์หาย
ช็อกไหม?
โบ๊ท : ช็อกครับ ไม่เคยเห็นพ่อเป็นแบบนี้
วินาทีนั้นคิดว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น?
เบสท์ : ตอนนั้นหนูภาวนาอย่างเดียว อย่าให้ถึงขั้นพิการ หรืออัมพาต ขอแค่เข้า ไอซียู แต่พูดได้ เดินได้ปกติ ไม่อยากให้ติดเตียงหรือนั่งรถเข็น ไม่ต้องมากายภาพอะไรหนักๆ ขอแค่ได้รับยาแล้วฟื้นเลย และปรากฏว่าเป็นตามที่เราคิด เขาได้รับยา นอนพัก แล้วกลับมาปกติ แต่ต้องกินยาตลอดชีวิต ถ้าเขาดูอยู่ก็อยากให้เขาดูเรื่องอาหาร เรื่องออกกำลังกาย มันก็จะดีขึ้นไปเรื่อยๆ
โบ๊ท : ถ้าดูอยู่ อย่าซนด้วยนะ
แล้วเรื่องคดีความของคุณพ่อเป็นยังไงบ้าง?
เบสท์ : ตามที่ข่าวออกเลย หนูก็ประกันออกมา ทำตามขั้นตอนที่ศาลให้ทำ ก็อย่างที่บอกผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก ตอนนี้อยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย เราขึ้นศาล ถ้าศาลว่ายังไง ประกันตัวได้ หนูก็จะช่วยพ่อเต็มที่
เราให้กำลังใจคุณพ่อยังไงบ้าง?
โบ๊ท : ผมบอกว่าอยากให้พ่อหายนะครับ ให้พ่อพาไปเตะบอลเหมือนเดิม เพราะพ่อชอบชวนผมไปเตะบอลกับพวกเพื่อนเขา
ในชีวิตเด็กวัยรุ่นคนนึงเจอเหตุการณ์มากมาย วันนี้เหมือนเป็นผู้นำครอบครัว กับเหตุการณ์ที่ผ่านมา ท้อไหม?
เบสท์ : มันก็มีบ้าง แต่เราท้อไม่ได้ ถ้าเราท้อคนข้างหลังค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นโบ๊ท คุณพ่อ คุณแม่ แม่บ้าน คนขับรถ ทีมงาน เราต้องคิดในภาพกว้างๆ เราจะนอนอยู่เฉยๆ มานั่งจมไม่ได้ เราต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง ซึ่งหน้าที่ของเรา เราทำได้แค่ผลิตคอนเทนต์ ถ่ายรูป ถ่ายติ๊กต็อก เราถึงจะมีรายได้ เราก็ต้องลุกขึ้นมาทำ เขาบอกว่า ความเข้มแข็งจะเป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อเราไม่มีทางเลือก ซึ่งมันก็จริง พอเราอยู่กับตัวเองมากๆ ความเข้มแข็งเท่านั้นที่จะช่วยเราได้
แล้วเราสองคนพี่น้องให้กำลังใจกันยังไง?
เบสท์ : จริงๆ เราไม่ค่อยคุยกันเท่าไหร่ เราจะคุยกันเหมือนข้ามเรื่องดราม่าไป ไปถ่ายคลิป ถ่ายติ๊กต็อก ถ่ายอะไรที่มันมีความสุข ไม่ได้เอาเรื่องดราม่ามานั่งคุยกัน
โบ๊ท : ผมไม่ค่อยได้ให้กำลังใจเขาเท่าไหร่ ผมรู้ว่าเขาเหนื่อย แต่ผมก็ยังทำอะไรไม่ได้ ผมอยู่ในวัยนักเรียนอยู่ รอโตขึ้นผมจะช่วยเขาหาอีกแรง
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : “เบสท์” ยกน้องชาย “โบ๊ท” เป็นเซฟโซน อัพเดตอาการป่วย “พ่อสมรักษ์”
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th