โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เพื่อนนับร้อย ฮือประชาทัณฑ์ แก๊งชายหญิง รุมกระทืบสาว ในซอยรัชดาฯ 13

Khaosod

อัพเดต 05 พ.ค. เวลา 04.40 น. • เผยแพร่ 05 พ.ค. เวลา 03.06 น.
เพื่อนนับร้อย ฮือประชาทัณฑ์ แก๊งชายหญิง รุมกระทืบสาว ในซอยรัชดาฯ 13

เพื่อนนับร้อยบุกโรงพัก หวิดประชาทัณฑ์ แก๊งชายหญิง รุมกระทืบสาว 27 ในซอยรัชดาฯ 13 หลังตำรวจคุมตัวสอบปากคำ เปิดปมถูกทำร้าย แม่ลั่น เอาเรื่องถึงที่สุด

วันที่ 5 พ.ค.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมีการเผยแพร่คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้าอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ภายในซอยรัฐดา 13 แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ช่วงกลางดึกวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยกลุ่มชายหญิงผู้ก่อเหตุจำนวนหนึ่ง ได้รุมทำร้ายสาวคนหนึ่ง

ตลอดเนื้อหาที่ถูกนำมาโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์นานถึง 4 นาที ทำให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ ช่วงหนึ่งในคลิปวิดีโอผู้เสียหายพยายามวิ่งหนี แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุวิ่งตามและนำตัวมาร่วมทำร้ายซ้ำ ภายหลังคลิปถูกโพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์ มีผู้มาแสดงความคิดเห็นและแชร์โพสต์ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และเป็นกระแสในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา

เพื่อนนับร้อยบุกโรงพัก หวิดประชาทัณฑ์ แก๊งชายหญิง รุมกระทืบสาว 27 ในซอยรัชดาฯ 13 หลังตำรวจคุมตัวสอบปากคำ เปิดปมถูกทำร้าย แม่ลั่น เอาเรื่องถึงที่สุด

เพื่อนนับร้อยบุกโรงพัก หวิดประชาทัณฑ์ แก๊งชายหญิง รุมกระทืบสาว 27 ในซอยรัชดาฯ 13 หลังตำรวจคุมตัวสอบปากคำ เปิดปมถูกทำร้าย แม่ลั่น เอาเรื่องถึงที่สุด

ก่อนทราบว่าผู้เสียหายคือ น.ส.ไหม อายุ 27 ปี ซึ่งทางครอบครัวของผู้เสียหายได้เข้ามาร้องขอตำรวจ สน.สุทธิสาร และเพจกันจอมพลัง ให้ช่วยตามหาผู้เสียหายที่ปรากฏในคลิป เนื่องจากอยู่คนละที่กับครอบครัวและไม่สามารถติดต่อได้

พ.ต.อ.พรเทพ เฉลิมเกียรติ ผกก.สุทธิสาร จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ เร่งค้นหา ก่อนพบผู้เสียหายเดินอยู่ภายในซอยใกล้เคียงที่เกิดเหตุ และนำตัวมาพบญาติก่อนแจ้งความกับพนักงานสอบสวน

ตำรวจใช้เวลาเพียงไม่นาน สามารถคุมตัวผู้ก่อเหตุเป็นหญิงจำนวน 2 คน และชาย 1 คน มาทำการสอบปากคำ แต่ขณะคุมตัวผู้ก่อเหตุชายเข้าห้องสืบสวน เพื่อนของกลุ่มผู้เสียหายที่มารวมตัวหน้าสถานีตำรวจกว่า 100 คน ไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จึงพยายามเข้ารุมประชาทัณฑ์กลุ่มผู้ก่อเหตุจนเกิดเหตุชุลมุน ก่อนที่ตำรวจกว่า 20 นายเข้าระงับเหตุไว้ได้โดยทันที และพยายามพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนของผู้เสียหาย ให้เข้าใจถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ ก่อนจะสลายตัวไป

จากข้อมูลการสืบสวนพบว่า มีผู้ร่วมก่อเหตุทั้งหมด 5 คน เป็นหญิง 3 คน และชาย 2 คน ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามตัว อีก 2 คนมาดำเนินคดี

นางฉันทนา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี แม่ของผู้เสียหาย กล่าวว่า รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากลูกสาวของตัวเองพยายามร้องขอชีวิต และยอมแพ้แล้ว แต่ทางกลุ่มผู้ก่อเหตุก็ยังไม่ยอมหยุดที่จะรุมทำร้าย

โดยบางช่วงลูกสาวพยายามอ้างว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์อยู่ เพื่อให้กลุ่มที่รุมทำร้ายหยุดลงมือ แต่ก็ไม่เป็นผล ถึงขั้นวิ่งตามไปรุมทำร้ายซ้ำ ซึ่งยืนยันว่าจะไม่ยอมความและจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ยอมรับว่าลูกสาวของตัวเองมีการใช้สารเสพติด และมักจะมีอาการทางสมอง พยายามพาไปบำบัดแล้ว แต่ก็ยังกลับมาใช้สารเสพติดอยู่ ก่อนหน้านี้ทราบว่าเคยไปมีเรื่องกับกลุ่มผู้ก่อเหตุมาก่อน แต่ไม่ทราบรายละเอียด

กลุ่มเพื่อนของผู้เสียหายเกือบ 100 คน เดินทางมาที่โรงพัก

กลุ่มเพื่อนของผู้เสียหายเกือบ 100 คน เดินทางมาที่โรงพัก

ขณะที่ กลุ่มเพื่อน กล่าวว่า น.ส.ไหมเคยถูกรุมทำร้ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์มาแล้วครั้งหนึ่ง แล้วในช่วงวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้ไปทำร้ายร่างกายคู่อริคืน ก่อนมาถูกรุมทำร้ายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ จึงเกิดความไม่พอใจกับกลุ่มพวกของตัวเองเป็นอย่างมาก

สำหรับการดำเนินคดีขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำหาข้อเท็จจริง โดยแยกออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่ผู้เสียหาย ได้เคยไปรุมทำร้ายคู่อริ และคดีที่ผู้เสียหายทุกคนทำร้ายในครั้งนี้ ยืนยันพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายตามข้อเท็จจริง

ชมคลิปเต็ม

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เพื่อนนับร้อย ฮือประชาทัณฑ์ แก๊งชายหญิง รุมกระทืบสาว ในซอยรัชดาฯ 13

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...