Eli Lilly บริษัทยายักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วย “ปากกาลดน้ำหนัก”
“ปากกาลดน้ำหนัก” กลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้รับความนิยมในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัท Eli Lilly and Company หรือ LLY: US บริษัทยารายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปากกาลดน้ำหนักรายใหญ่ของโลก ได้รับประโยชน์จากความต้องการที่สูงขึ้น ทำให้ภาพรวมผลประกอบการในปี 2567 และ 2568 มีแนวโน้มสดใสต่อเนื่อง
โดยบริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ผลิตภัณฑ์ปากกาเบาหวานและลดน้ำหนักของ LLY มีตัวอย่างเช่น Mounjaro, Zepbound และ Trulicity ซึ่งทั้งหมดมีส่วนคล้ายกัน คือ ช่วยรักษาเบาหวานและลดน้ำหนักได้เหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่ตัวยา การออกฤทธิ์ และความเหมาะสมสำหรับกลุ่มผู้ใช้ โดยรายได้จากผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มีการเติบโต 57% ในปี 2566 หรือคิดเป็นสัดส่วน 37% ของรายได้บริษัท
ล่าสุด LLY รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/67 (งวดบัญชีเดือนเม.ย-มิ.ย. 2567) รายได้อยู่ที่ 1.13 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 28.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของ Bloomberg ที่ระดับ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากปากกาลดน้ำหนักที่มียอดขายเติบโตแข็งแกร่ง
สำหรับกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 3.28 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 66.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 32.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) อยู่ที่ 80.8% ปรับขึ้นจาก 78.3% เมื่อปีที่แล้ว ขณะที่อัตรากำไรสุทธิ (NPM) อยู่ที่ 26.3% ปรับขึ้นจาก 21.2%
นอกจากนี้ LLY ยังได้ปรับขึ้นคาดการณ์รายได้ปี 2567 อยู่ที่ 4.54-4.66 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 24-28% จากปีก่อน จากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 4.24-4.36 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และปรับขึ้นคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2567 เป็น 16.10-16.60 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 177-186% จากปีก่อน จากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 13.50-14.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ การปรับขึ้นคาดการณ์ทั้งรายได้และกำไรสุทธิต่อหุ้น สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของยอดขายปากกาลดน้ำหนัก ขณะที่ซัพพลายจะเพิ่มขึ้นหลังเพิ่มกำลังการผลิต และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่คาดว่าจะปรับตัวลง
อีกทั้ง LLY ยังระบุว่า Kisunla ยารักษาโรคอัลไซเมอร์ ผ่านการอนุมัติและเริ่มจัดจำหน่ายได้แล้ว ซึ่งนับเป็นโอกาสสร้างรายได้ใหม่
อย่างไรก็ตาม Bloomberg คาดว่ารายได้ของ LLY ในปี 2567 และ 2568 จะอยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 26% จากปีก่อน และ 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 23.3% จากปีก่อน ตามลำดับ
ด้านกำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2567 และ 2568 คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 13.18 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 127.2% จากปีก่อน และ 18.71 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 42% จากปีก่อน ตามลำดับ
ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ใน Bloomberg Consensus ให้คำแนะนำหุ้น LLY เป็น “ซื้อ” โดย Rating อยู่ที่ 4.53 จากคะแนนเต็ม 5 และให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ 978.12 ดอลลาร์สหรัฐฯ