โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

รู้ไหม? การให้อภัยไม่ใช่การก้าวข้ามความโกรธ พร้อม 7 ข้อดีของการให้อภัย ที่นำไปใช้ได้จริง!

Dek-D.com

เผยแพร่ 02 พ.ย. 2565 เวลา 11.12 น. • DEK-D.com
การที่เราให้อภัยม้ได้หมายความว่าเราก้าวข้ามความโกรธนั้นไป แต่ว่าการให้อภัยมีข้อดีนะ

เคยรู้สึกโกรธกันบ้างป่าว?

สวัสดีครับ น้อง ๆ ชาว Dek-D.com น้อง ๆ เคยรู้สึกโกรธกันบ้างไหมครับ แล้วความรู้สึกโกรธนั้นมันมาจากใครหรือมาจากอะไร หรือว่าเคยมีใครทำอะไรให้น้อง ๆ โกรธกันหรือเปล่า พี่เฟมเชื่อว่ายังไงทุกคนก็เคยรู้สึกโกรธกันแน่ ๆ อยู่ที่ว่าเราเลือกที่จะแสดงออกมามากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเองครับในสารานุกรมจิตวิทยาได้นิยามความโกรธไว้ว่าเป็นสิ่งที่มีลักษณะที่เป็นปรปักษ์ต่อใครบางคนหรือบางสิ่งที่เรารู้สึกว่ามันจงใจทำผิดต่อเรา

ซึ่งมันก็น่าจะจริงนะครับ เพราะส่วนมากแล้วเวลาเราจะโกรธอะไรใคร เราก็จะดูว่าเค้าตั้งใจทำสิ่งนั้นให้เราโกรธหรือเปล่า เพราะถ้าไม่ใช่ เราก็จะมีความโกรธที่ลดลงมาและกลายเป็นความเข้าอกเข้าใจแทนครับ และแน่นอนครับเมื่อเวลาเรามีความโกรธภายในใจ เราก็นึกถึงคำสอนหรือคำพูดของใครหลาย ๆ คนที่ชอบบอกว่าเราว่า ‘ให้อภัยเขาไปเถอะ’

เราควรให้อภัยกัน?

ในปัจจุบันนี้การให้อภัยนั้นได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในด้านสุขภาพจิตและการใช้ชีวิตในสังคมปกติ การให้อภัยนั้นเป็นการปลดปล่อยความโกรธอย่างสุดซึ้ง อย่างกับว่าการได้ให้อภัยนั้นมันสามารถเป็นการกำจัดอารมณ์ด้านลบของเราไปแล้วครับ บางคนก็นิยามว่าการให้อภัยนั้นเป็นการตัดสินใจอย่างมีสติและเจตนาเพื่อปลดปล่อยความรู้สึกขุ่นเคืองหรือความแค้นในใจของเราออกไปครับ

แต่ว่าการที่เราบอกไปว่าเราให้อภัยใครซักคนไป เราหายโกรธเค้าจริง ๆ เหรอ?

การให้อภัยเป็นคุณธรรมจริยธรรม

พี่เฟมว่าทุก ๆ คนอาจจะต้องเคยถูกสอนว่าให้อภัยไปเถอะ ปลง ๆ ไป อย่ามัวแต่ไปโกรธแค้นใครเลย ซึ่งการให้อภัยนี่แหละครับ มันคล้าย ๆ ว่าจะมีกรอบของความมีคุณธรรมและจริยธรรมซ่อนอยู่ไม่ว่าจะด้วยคำสอนจากโรงเรียน คำสอนจากพ่อแม่หรือใครก็ตาม ที่มักจะบอกให้เรามักให้อภัย ทั้ง ๆ ที่เรายังมีความโกรธอยู่ภายในจิตใจแต่เราก็ควรเป็นผู้ให้อภัย หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินคำว่า ‘การให้ที่ยิ่งให้ที่สุดคือการให้อภัย’

การให้อภัยถ้าจะมองให้เห็นภาพชัด ๆ ว่ามันเป็นคุณธรรมจริยธรรมอย่างไรก็น่าจะเหมือนกับ การที่เราต้องมีความยุติธรรม ความอดทน ความเมตตา นั่นแหละครับ การให้อภัยก็คือเป็นอะไรแนว ๆ นั้น ที่มีกรอบขอคำว่าคุณธรรมจริยธรรมกดเราอยู่

ดังนั้นการให้อภัยและการก้าวข้ามความโกรธจึงไม่เหมือนกันครับ

การให้อภัยและก้าวข้ามความโกรธไม่เหมือนกัน

น้อง ๆ รู้ไหมครับว่าการให้อภัยนั้นมันเป็นคุณธรรมที่อยู่เหนืออารมณ์โกรธของเรา ก็คือคน ๆ นึงสามารถหายโกรธหรือว่าลดความโกรธลงไปได้โดยที่มองว่ามันไม่คุ้มกับเวลาที่จะต้องมานั่งโกรธใคร โดยความโกรธที่หายไปนั้น ไม่ได้แปลว่าเราจะให้อภัยใครคนนั้นนึกออกไหมครับ? และการก้าวข้ามความโกรธนี้เราก็สามารถทำเองได้เลย ไม่ต้องให้อีกฝ่ายหรือใครมาบอกขอโทษเรา ดังนั้นเราต้องแยกให้ออกว่านี่คือการที่ก้าวข้ามความโกรธหรือว่าเรากำลังให้อภัยเค้าอยู่ครับ แต่ว่าจะแยกออกได้ยังไงนั้น

น้อง ๆ ต้องถามใจตัวเองและความรู้สึกของตัวเองดูครับ ว่าเรื่องนี้เราให้อภัยเค้าไหม เราหายโกรธเค้าหรือเปล่า หรือว่าเราให้อภัยด้วยและไม่โกรธด้วย โดยน้อง ๆ จะต้องรู้เท่าทันอารมณ์โกรธของตัวเอง และอาจจะพิจารณาจากผลกระทบในสิ่งที่ใครคนนั้นได้ทำกับน้อง ๆ ไว้ก็ได้ครับ

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราไม่สามารถให้อภัยใครได้?

การให้อภัยนั้นถือเป็นเรื่องที่ท้าทายและฟังดูไม่ยุติธรรมสำหรับใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบและถูกทำร้าย และถ้าเราไม่สามารถให้อภัยได้หละ จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันนะ

  • เกิดความเครียด
  • เกิดความน้อยใจ
  • เกิดความโกรธภายในใจอยู่ตลอดเวลา
  • จมดิ่งอยู่กับเวลาบางช่วง
  • ความเห็นแกเห็นใจลดน้อยลง

ถ้าเราอยากจะเป็นคนที่สามารถให้อภัยกับใครหรือสิ่งต่าง ๆ ได้ เราสามารถฝึกได้คือ

- มองสถานการณ์จากมุมมองของอีกฝ่าย

- ลองมองดูตัวเองว่าเราทำสิ่งแย่ ๆ แบบเดียวกับเค้าหรือเปล่า

- นึกถึงช่วงเวลาที่เราได้รับการให้อภัยจากคนอื่น

- คิดไว้เสมอว่าการให้อภัยเป็นกระบวนการอย่างนึง เราอาจจะต้องใช้เวลาเพื่อพิจารณา

แต่ว่าการให้อภัยนั้นมีข้อดีนะ

การให้อภัยนั้นมันมีข้อดีนะครับ มันก็แน่นอนอยู่แล้วว่ามันก็ต้องดีกว่าไปนั่งโกรธหรือโมโหร้ายใครแน่ ๆ ใช่ไหมครับ วันนี้พี่เฟมจะพามาดู 7 ข้อดีของการรู้จักให้อภัยกันครับ

บรรเทาความเจ็บปวดของตัวเอง

การให้อภัยนั้นมีพลังแทนที่ความรู้สึกเจ็บปวด เป็นการบรรเทาความเจ็บปวดของตัวเองได้ เราสามารถสัมผัสถึงความโกรธภายในจิตใจและมีความไว้วางใจมากยิ่งขึ้นว่าทุกอย่างที่ผ่านไปแล้วนั้นย่อมดีเสมอ

ลดความเครียด

การแบกรับความรู้สึกที่ไม่ดีต่อสุขภาพเรานั้นทำให้เราเครียดได้นะครับ และเราก็สามารถแก้ได้ด้วยการให้อภัย โดยเฉพาะการให้อภัยกับเพื่อน กับตัวเอง หรือสิ่งต่าง ๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมาย เก็บมาคิดมากก็มีแต่ผลเสียครับ

ฟื้นฟูความคิดและความรู้สึก

ต่อจากข้อเมื่อกี้เลยครับ เมื่อการให้อภัยเกิดขึ้นแล้วเราจะมีความเครียดลดลง แล้วความขัดแย้งภายในจิตใจก็จะลดลงครับ ในขณะเดียวกันก็เป็นการฟื้นฟูความคิดและความรู้สึกภายในจิตใจของเราด้วยครับ

เป็นอิสระ ได้ปลดปล่อยตัวเอง

บ่อยครั้งที่น้อง ๆ จะต้องจมอยู่กับความทุกข์ใจแหรือความเจ็บปวดจากสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องเจอ การให้อภัยกับเรื่องเหล่านั้นมันเป็นเรื่องที่ยากมากครับ แต่ว่าถ้าเราต้องการก้าวต่อไปข้างหน้าการให้อภัยเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยน้อง ๆ ได้นะครับ

ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของผู้อื่น

อย่าลืมนะครับว่าเราคงไม่ได้เกิดมาเพื่อต้องการทำร้ายใครหรอก บางครั้งคนที่ทำให้เราโกรธหรือทำร้ายความรู้สึกเราเค้าอาจจะกำลังปกปิดความรู้สึกอะไรบ้างอย่างในใจอยู่ก็ได้นะครับ การให้อภัยของเรานั้นสามารถรับรู้ถึงความเจ็บปวดและความทุกข์ของคนเหล่านั้นได้ครับ

ลดความวิตกกังวล

เชื่อว่าน้อง ๆ หลายคนน่าจะต้องเคยรู้สึกโล่งใจหรือสบายใจเมื่อได้ให้อภัยใครซักคน หรือให้อภัยอะไรบางสิ่ง สิ่งนี้เองครับจะทำให้ความวิตกกังวลของเรานั้นลดลงไป ไม่ต้องหวาดระแวงหรือคิดมากเรื่องนั้น ๆ อีกครับ

เพิ่มความนับถือตัวเอง

การให้อภัยสามารถสร้างความนับถือตัวเองให้เพิ่มขึ้นได้ มันเป็นการบอกว่านี่แหละ เรายังมีคุณค่าอยู่ เรายังมีความมั่นใจในตัวเองและก้าวข้าวความรู้สึกแย่ ๆ ที่เราขังไว้ในใจได้

เป็นอย่างไรกันบ้างครับน้อง ๆ หลังจากได้อ่านบทความนี้จบแล้ว พี่เฟมหวังว่าน้อง ๆ อาจจะสามารถนำแนวทางไปเพื่อพิจารณาในการให้อภัยกับใครหรือสิ่งต่าง ๆ ได้นะครับ

แน่นอนครับว่าสิ่งที่พี่เฟมบอกไปมันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของเทคนิคเท่านั้นครับ และถ้าใครมีข้อมูลหรือทริคดีให้เราสามารถก้าวข้ามความโกรธพร้อมให้อภัยได้ ก็อย่าลืมเข้ามาคอมเมนต์แลกเปลี่ยนความคิดกันได้นะครับ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...