โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

สรุปเนื้อเรื่อง Dark Souls กับ Lore และ ตำนานภายในเกมบทที่ 3

GameFever TH

อัพเดต 19 พ.ย. 2562 เวลา 07.13 น. • เผยแพร่ 18 พ.ย. 2562 เวลา 15.16 น. • GameFever.co

สวัสดีครับทุกท่านเรากลับมาเจอกันอีกแล้วใน Lore และตำนานของเกม Dark Souls ซึ่งเราก็เดินทางมาถึงบทที่สามกันเเล้ว สำหรับใครที่อยากจะทบทวนหรืออยากลองอ่านบทความก่อนหน้านี้ก็สามารถคลิกลิ้งค์ข้างล่างได้เลย ส่วนใครที่พอรู้เนื้อเรื่องอยู่เเล้วก็สามารถข้ามส่วนนี้ไปได้เลย

- บทที่ 1 - บทที่ 2 -

ในครั้งก่อนเราได้รู้เรื่องของ Nito กับแม่มดแห่ง Izalith กันไปแล้ว เเต่ในบทนี้เราจะพูดถึง Gwyn กับอาณาจักรที่เขาสร้างขึ้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาก็ไปเริ่มกันเลยกับ บทที่สาม “วิมานของเทพเจ้า กับคำสัญญาหลอกลวง”  

ดินแดนอันเหลื่อมล้ำ Lordran

Lordran คือดินแดนที่ถูกสร้างขึ้นโดย Lord ทั้งสามซึ่งมีการเเบ่งเเยกอาณาเขตกันอย่างชัดเจน โดย Nito  และแม่มดแห่ง Izalith ได้ยึดครองพื้นที่ใต้พิภพเอาไว้ ส่วน Gwyn ผู้เป็นเทพเจ้าสูงสุดได้ปกครองพิ้นที่บนพื้นผิวโลกเเละได้สถาปนานครหลวงนามว่า Anor Londo ขึ้น  ณ ใจกลางของดินแดน Lordran  เมือง Anor Londo เป็นเหมือนมหานครในอุดมคติ ทุกอย่างในเAvailable Toolsมืองนั้นดีเลิศเเละดูสวยงามไปหมด ทำให้เมืองนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางความศิวิไลซ์ของทั้งโลก เหล่านักเดินทางทั้งหลายต่างหมายปองที่จะมาเยี่ยมเยือนดินแดนแห่งนี้กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะมาเพื่อเคารพสักการระเหล่าเทพเจ้า ,มาเพื่อการค้าขาย ,หรือแม้แต่มาด้วยเหตุผลทางการทูต เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่เจริญสุดๆกันไปเลย  แต่เมืองที่มันศิวิไลซ์เช่นนี้ก็มักจะซ่อนเอาความฟอนเฟะเอาไว้ใต้พรม ซึ่งก็คือเหล่ามนุษย์ที่เป็นประชากรชั้นสองของดินเเดนเเห่งนี้นั่นเอง

( ภาพประกอบ : Blight Town หนึ่งในที่อยู่อาศัยของมนุษย์ )

สภาพความเป็นอยู่ของมนุษย์ในดินแดน Lordran เรียกได้ว่าอยู่กันแบบตามเวรตามกรรม มีตั้งแต่สลัมที่แออัดไปจนถึงเมืองที่มีความเจริญอย่าง Oolacile ที่มีความก้าวหน้าในเวทย์มนต์แห่งแสง และยังมีเมือง New Londo ที่มีราชาปกครองร่วมกันอยู่ 4 คน แต่ความพิเศษของเมืองนี้ก็คือ Gwyn ได้แบ่งชิ้นส่วนของ Lord Soul ให้กับราชาทั้ง 4 เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่า Gwyn ก็ดูแลและเอาใจใส่มนุษย์เป็นเหมือนกัน แต่มันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆน่ะเหรอ? อีกทั้งการวางผังเมืองของดินแดน Lordran ค่อนข้างที่จะแปลก เพราะภายในมีการสร้างกำแพงหลายชั้นทั้งที่ภายนอกก็มีกำเเพงสูงคอยป้องกันดินเเดนอยู่เเล้ว รวมไปถึงมีการสร้างป้อมปราการอีกหลายเเห่งราวกับว่ามันถูกใช้เพื่อควบคุมพฤติกรรมเหล่าของมนุษย์  ความจริงถูกซ่อนอยู่ในการกระทำของ Gwyn ที่มีต่อ Seath มังกรผู้ไร้เกร็ด

( ภาพประกอบ : หนึ่งในป้อมปราการที่ในเวลาต่อมาถูกเรียกว่า Undead Burg )

ด้วยความดีที่ Seath เคยช่วยให้ Gwyn ชนะสงครามมังกรในอดีต Seath ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Duke หรือตำเเหน่งเจ้าพระยา และยังได้รับพื้นที่ส่วนตัวเป็นหอจดหมายเหตุ The Duke's Archives ซึ่งภายในนั้น Seath ได้ใช้พลัง Sorcery ทำการทดลองเพื่อค้นหาความเป็นอมตะให้กับตน

( ภาพประกอบ : The Duke's Archives ที่ภายในเก็บรักษาตำราเเละความรู้ต่างๆเอาไว้มากมาย )

แต่ว่าการทดลองครั้งนี้มันช่างกินเวลายาวนานเสียเหลือเกิน มันได้สร้างความเครียดเเละความเบื่อหน่ายให้กับ Seath เป็นอย่างมาก เขาจึงมีวิธีคลายเครียดที่สุดพิลึกด้วยการจับเอาสิ่งมีชีวิตมาทดลองต่างๆนานา โดยสิ่งที่เขาโปรดปรานมากที่สุดก็คือการจับเอามนุษย์มาเปลี่ยนให้กลายเป็นงู ว่ากันว่าการที่ Seath ลงมือทำเรื่องที่ชั่วร้ายเช่นนี้ก็เพื่อชดเชยปมด้อยของเขาที่ไม่อาจสืบพันธุ์เเละมีทายาทได้นั่นเอง

( ภาพประกอบ : ผลการทดลองที่ใช้มนุษย์ของ Seath  )

 โดยเรื่องทุกอย่างอยู่ภายใต้การรับรู้ของ Gwyn เเต่เขาก็เเกล้งเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ไม่ได้ลงมือห้าม Seath แต่อย่างใด มันแสดงให้เห็นว่า Gwyn ไม่ได้เอ็นดูเเละไว้ใจพวกมนุษย์อย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ โดยไอ้ความหวาดระแวงเหล่านี้มันมาจากคำเตือนของสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาดตนหนึ่งนามว่า  Frampt ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ Primordial Serpent ที่เป็นมังกรชั้นต่ำชนิดหนึ่ง โดยมันได้เตือน Gwyn ถึงเรื่องที่วันหนึ่ง The First Flame จะค่อยๆอ่อนแรงและดับลง จากนั้นผู้ที่ถือครอง Dark Soul อย่างเหล่ามนุษย์จะเป็นใหญ่เหนือบรรดาเทพเจ้า สำหรับ Gwyn เรื่องนี้คือฝันร้ายสุดๆมันเปรียบได้กับการใช้ชีวิตโดยรู้วันตายของตัวเอง แต่หากจะให้ Gwyn ยอมแพ้และนั่งรอจุดจบอยู่เฉยๆละก็ไม่มีทาง! เขาเริ่มมุ่งเป้าไปจัดการกับ Pygmy Lord เป็นคนแรก 

( ภาพประกอบ : รูปปั้นที่เเสดงหน้าตาอันหล่อเหลาของ Frampt เผ่าพันธุ์ Primordial Serpent )

Pygmy Lords มีร่างกายที่เหมือนมนุษย์ปุถุชนทั่วๆไป ต่างกันก็เเค่เขาเลือกที่จะยอมรับเเละดึงพลังของ Dark Soul ในตัวมาใช้ ซึ่งนั่นทำให้ Gwyn อยากจะเชือดเหล่า Pygmy Lords ทิ้งเสียด้วยซ้ำ แต่มันจะทำให้เกิดสงครามกลางเมืองเเละอาจทำให้อาณาจักรของเขาพังพินาศเร็วยิ่งกว่าเดิม Gwyn จึงเลือกใช้วิธีที่แยบยลกว่านั้น เขาเริ่มสร้างเมืองที่มีชื่อว่า Ringed City ซึ่งตั้งอยู่ ณ สุดขอบโลก  ทำทีว่านี่คือการตบรางวัลให้กับ Pygmy Lord ด้วยการยกเมืองนี้ให้ ซึ่งตอนนั้น Pygmy Lord ก็ไม่ได้เอะใจเลยว่า Ringed City ก็คือคุกดีๆนี่เอง แต่กลับหลงดีใจคิดว่าเทพเจ้าให้ความสำคัญของตนเอง…ช่างเป็นสิ่งที่น่าสังเวชยิ่งนัก

( ภาพประกอบ : รูปปั้นของเทพเจ้า Gwyn ที่กำลังมอบมงกุฎให้กับ Pygmy Lord ภายใน Ringed City )

คิวต่อมาก็เป็นเหล่านักรบ Ringed Knight ซึ่ง Gwyn ได้มอบตราสัญลักษณ์ให้กับนักรบพวกนี้โดยอ้างว่าเป็นการรยกย่องเกียรติ แต่ที่จริงเจ้าสัญลักษณ์พวกนี้มันคือเวทมนต์ที่ใช้ผนึก Dark Soul อย่างลับๆทำให้พวกเขาดึงพลังของ Dark Soul มาใช้ได้อย่างไม่เต็มที่ 

( ภาพประกอบ : สัญลักษณ์บนตัว Ringed Knight ที่ Gwyn มอบให้ )

เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามเเผนการแสดงละครของเทพเจ้าก็สิ้นสุดลง Gwyn ได้จัดการลบประวัติศาสตร์ของ Pygmy Lord ไปจนหมดด้วยการทำลายจารึกและรูปปั้น อีกทั้งยังสั่งห้ามพวกขุนพลที่เคยร่วมรบกับเหล่า Ringed Knight ไม่ให้เอ่ยถึงเรื่องของนักรบพวกนี้อีก ทำให้มนุษย์รุ่นหลังๆไม่รู้ถึงวีรกรรมของเหล่านักรบพวกนี้เลย มันคือการลบตัวตนออกจากน่าประวัติศาสตร์อย่างสมบูรณ์ แต่ถึงอย่างนั้นการหักหลังของเทพเจ้าครั้งนี้ ก็ไม่รอดพ้นสายของ Velka ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความผิดบาป และนางยังเป็นพระชายาของ Gwyn อีกด้วย

 พงศาวดารเเห่งเทพเจ้า

ย้อนกลับไปในยุคที่ Gwyn ยังคงทำสงครามกับเหล่ามังกรนิรันดร การมีทายาทที่แข็งแกร่งก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะละเลยไม่ได้ และแน่นอนว่า Gwyn จะต้องมีพระชายาอยู่เคียงข้าง นั่นก็คือเทพเจ้าแห่งความผิดบาป Velka แต่ประวัติศาสตร์กลับไม่ได้จารึกชื่อของนางเอาไว้ อาจจะเป็นเพราะว่า Gwyn ไม่อยากให้ Velka เข้ามามีบทบทบาทในการปกครองก็เป็นได้  สำหรับ Gwyn พระชายามีหน้าที่แค่ให้กำเนิดทายาทที่ทรงพลังเพียงเท่านั้น โดยโอรสคนเเรกของ Gwyn กับ Velka เป็นนักรบที่เเข็งเเกร่งเเละห้าวหาญ อาวุธคู่กายของเขาเป็นหอกยาวเล่มใหญ่ซึ่งมีพลังของสายฟ้าสถิตอยู่ข้างใน ด้วยการตวัดเพียงครั้งเดียวก็สามารทำให้เกิดลมพายุหมุนที่รุนเเรงได้ เขาได้ใช้มันปลิดชีพเหล่ามังกรมาแล้วนับไม่ถ้วนเพราะเขาถูกสอนว่าเหล่ามังกรคือรากเหง้าเเห่งชั่วร้ายเเละต้องถูกกำจัดทิ้ง 

( ภาพประกอบ : รูปลักษณ์ของโอรสคนเเรกของ Gwyn ที่จะปรากฏตัวในอีกหลายพันปีต่อมา )

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีไมตรีจิตที่ดีทำให้เป็นที่รักและนับถือของเหล่านักรบมากมาย  Gwyn ปราบปลื้มในตัวลูกชายคนแรกของเขาอย่างมาก ถึงขนาดแต่งตั้งให้เป็น God of War หรือเทพแห่งสงคราม ซึ่งต่อมาแม้สงครามมังกรจะได้จบลง เขาก็ยังทำหน้าที่เป็นแม่ทัพให้กับ Gwyn เสมอ ไม่ว่าจะมีสงครามเกิดขึ้นที่ใดเขาจะเป็นคนแรกที่นำเหล่าทหารกล้าเข้าสู่สมรภูมิ เเละด้วยความสามารถที่รอบด้านเเบบนี้ เเน่นอนว่าคนเป็นพ่ออย่าง Gwyn จะต้องตักตวงผลประโยชน์จากเขาให้มากที่สุด โดย Gwyn ได้จัดตั้ง Warrior of Sunlight  หรือกลุ่มนักรบแห่งเเสงตะวันขึ้นมา เพื่อเป็นจุดศูนย์รวมทางจิตวิญญาณให้กับเหล่านักรบทั้งหลายโดยเฉพาะพวกที่เป็นมนุษย์ เพื่อป้องกันไม่ให้มีจิตใจใฝ่หา Dark Soul ในตัว 

( ภาพประกอบ : รูปปั้นโอรสคนเเรกของ Gwyn ที่ถูกบูชาโดย Warrior of Sunlight )

บุตรของ Gwyn คนถัดมานั้นเป็นเพศหญิง ซึ่งมีรูปร่างและหน้าตาที่สะสวย(มาก)นามว่า Gwynevere อันเป็นเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์และการมีบุตร…ใช่แล้วครับอ่านไม่ผิดหรอก หน้าที่ของเธอคือการสร้างลูกหลานที่มีเชื้อสายเทพเจ้าให้คงอยู่สืบต่อไป ส่วนคนถัดมาก็เป็นเพศหญิงอีกเช่นกันนามของเธอก็คือ Filianore โดยเธอเกิดมาพร้อมกับพลังเวทมนต์แห่งแสงที่แข็งแกร่งมาก ถึงขนาดที่เธอสามารถควบคุมกาลเวลาได้เลย แต่ในเมื่อเกิดมาเป็นลูกของ Gwyn เธอก็เหมือนกับถูกขีดชะตากรรมเอาไว้อยู่เเล้ว Filianore ต้องออกเดินทางไปยังเมือง Ringed City เพื่อทำภารกิจบางอย่าง Gwyn มอบหมายให้กับเธอ

( ภาพประกอบด้านซ้าย : Gwyneveret ภายในเกม Dark Souls  )

( ภาพประกอบด้านขวา : Concept Art ของ Filianore จากเกม Dark Souls 3  )

บุตรทุกคนของ Gwyn ต่างเกิดมาพร้อมกับพลังเฉพาะตัว ซึ่ง Gwyn ก็อยากให้บุตรคนต่อไปมีพลังที่เหล่าทวยเทพยังไม่เคยมี ซึ่งเรื่องมันเริ่มขึ้นในขณะที่ Velka กำลังตั้งครรภ์บุตรคนสุดท้าย Gwyn อยากให้เด็กที่จะเกิดมามีพลังของ Sorcery เพราะเป็นพลังที่ยังไม่มีเทพองค์ใดใช้มันได้อย่างชำนาญ เขาได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษา Seath ซึ่งเป็นบิดาเเห่งศาสตร์ Sorcery 

( ภาพประกอบ : รูปร่างหน้าของ Seath มังกรผู้ไร้เกล็ด เเละบิดาเเห่ง Sorcery ) เมื่อ Gwyn  ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้กับ Seath ฟัง เจ้ามังกรเจ้าเล่ห์ก็ได้ยอมตกลงที่จะช่วยเเต่มีข้อเเม้หนึ่งประการ ว่าในอนาคต Seath จะขอสิ่งใดสิ่งหนึ่งจากเทพเจ้าเป็นรางวัลตอบเเทน ซึ่ง Gwyn ก็ได้ให้คำมั่นสัญญาไปตามนั้นเพราะคิดว่า Seath คงไม่กล้าขออะไรที่มันเกินตัว โดยเมื่อทั้งสองเห็นชอบดังนั้น Seath ก็ได้แอบร่ายเวทมนต์ใส่ครรภ์ของ Velka โดยเมื่อถึงเวลานางก็ได้ให้กำเนิดทารกเพศชายนามว่า Gwyndolin  ขึ้นมา ซึ่งทารกก็มีพลัง Sorcery อย่างที่ Gwyn ต้องการแต่ทว่ากลับมีขาที่เป็นงู จึงทำให้ Velka รู้ทันทีว่านี่เป็นฝีมือของ Seath ด้วยความที่นางไม่ชอบหน้า Seath เป็นทุนเดิมอยู่เเล้วเลยยิ่งทำให้โกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเดิมเเละได้นำเรื่องนี้ไปทูลฟ้องยัง Gwyn เร่งให้เขาจัดการเจ้ามังกรวิปลาสตัวนี้เสียที แต่ Velka กลับต้องใจสลายเมื่อได้รู้ว่า Gwyn เป็นตัวการออกคนสั่งในเรื่องนี้เสียเอง เท่านั้นยังไม่พอ Gwyn ยังพรากเอาตัว Gwyndolin ผู้เป็นบุตรคนสุดท้องไปจากนางและสั่งไม่ให้ข้องเกี่ยวกับการเลี้ยงดูอีก นั่นทำให้ Velka เคียดแค้นเป็นอย่างมาก นางจึงได้สาบานว่าจะชำระเเค้นกับ Gwyn ให้สาสมกับบาปที่เขาได้ก่อ

( ภาพประกอบ : Gwyndolin เเละขาที่เป็นงูของเขา ) Gwyndolin นอกจากมีพลังของ Sorcery ที่เเข็งเเกร่ง เขายังเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาด อีกทั้งยังได้รับพลังจากพระจันทร์ โดยในความเชื่อของเทพเจ้าได้เปรียบเทียบสตรีเพศว่าเป็นตัวแทนของดวงจันทร์ มันเลยทำให้ Gwyndolin ต้องถูกเลี้ยงดูมาแบบลูกผู้หญิงทั้งในด้านพฤติกรรมและด้านการใช้ชีวิต  โดยเมื่อมีงานราชพิธีที่เขาต้องแสดงตัวต่อหน้าผู้คน Gwyndolin ก็จะซ่อนขาที่เป็นงูเอาไว้ใต้กระโปงยาว จะมีก็แค่ตอนที่อยู่กับพี่สาวอย่าง Gwynevere ที่เขาจะทำตัวได้อย่างตามสบาย ซึ่งทั้งสองก็สนิทกันมากชนิดที่ว่ารู้นิสัยใจขอกันเป็นอย่างดี ในตอนนี้ทุกสิ่งบนโลกล้วนอยู่ภายใต้อาณัติของ Gwyn หากว่าเขาปรารถนาสิ่งใดก็ย่อมจะได้สิ่งนั้นมาครอบครองเสมอ มันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของ Gwyn จุดสูงสุดของยุคแห่งเพลิง แต่เวลาแห่งความสุขมันมักจะผ่านไปเร็วเสมอเหมือนกับการจุดไม้ขีดไฟ ที่มันจะให้แสงสว่างเเละความอบอุ่นเพียงเสี้ยววินาทีจากนั้นก็จะค่อยๆดับลง เหลือทิ้งไว้เพียงความมืดมิด

 คุยกันหลังเรื่องเล่า

             ก็จบกันลงไปแล้วนะครับกับบทที่สาม  “วิมานของเทพเจ้า กับคำสัญญาหลอกลวง” ท่านผู้ชมรู้สึกยังไงกันบ้าง คิดว่าการกระทำของ Gwyn เป็นสิ่งที่ผิดจนไม่น่าให้อภัย หรือคิดว่าสิ่งที่เขาทำมันก็สมควรแล้ว เพราะธรรมชาติของมนุษย์นั้น จะกลัวการสูญเสียสิ่งที่สำคัญเเละจะยอมทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อรักษามันเอาไว้ ผมพูดถูกไหมครับ…. แต่อย่าคิดมากกันไปเลย เนื้อเรื่องในเกมนี้มันจะเป็นซะแบบนี้ทุกภาค มันจะดูดาร์คๆหน่อย แถมมี plot หลายอย่างที่หยิบเอามาจากความเชื่อหรือตำนานในโลกเเห่งความจริง เช่น Primordial Serpent ก็ได้รับเเรงบันดาลใจมาจากความเชื่อที่ว่างูเป็นสัตว์ที่ชั่วร้าย โดยมันจะคอยล่อลวงให้มนุษย์กระทำความชั่ว  ในบทต่อไปเราจะมาดูกันว่า เทพเจ้าที่พยายามฝืนลิขิตโลกจะมีชะตากรรมเป็นเช่นไร เเละก็การมาถึงของคำสาปที่จะกัดกินดินเเดนเเห่งนี้ไปชั่วนิรันดร์

( ภาพประกอบ : Dark Sign ตราบาปที่จะอยู่บนร่างของมนุษย์ไปตลอดกาล )

บทความเขียนโดย Thong Baithong

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...