โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เกษสุดา ไรวา ต้นแบบผู้หญิงเก่งแห่งอาณาจักรความอร่อย S&P

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 06 มิ.ย. 2562 เวลา 12.56 น. • เผยแพร่ 06 มิ.ย. 2562 เวลา 12.56 น.

พิราภรณ์ วิทูรัตน์ : เรื่อง

ย้อนกลับไปในอดีต ผู้หญิงมักจะถูกจัดวางให้อยู่ในบทบาทการเลี้ยงลูกหรือทำงานบ้านเสียส่วนใหญ่ ส่วนผู้ชายก็มีหน้าที่รับผิดชอบทำงานนอกบ้านเป็นเสาหลักให้กับครอบครัวเพียงคนเดียว กระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปบทบาทของผู้หญิงได้วิวัฒนาการมาเรื่อย ๆ และไม่ได้ถูกจำกัดแต่พื้นที่ภายในบ้านเท่านั้น ผู้หญิงยังสามารถบาลานซ์หลากหลายบทบาททั้งความเป็นแม่ ภรรยา และเวิร์กกิ้งวูแมนไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย

สำหรับแวดวงนักธุรกิจ-ผู้ประกอบการหญิงในอาเซียนได้มีการรวมกลุ่มจนเกิดเป็นเครือข่ายผู้ประกอบการสตรีอาเซียน (AWEN) และมีการมอบรางวัลผู้ประกอบการสตรีที่มีผลงานโดดเด่นแห่งอาเซียนประจำปีต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว เพี่อเชิดชูและให้กำลังใจผู้ประกอบการสตรีที่สร้างผลงานธุรกิจโดดเด่น เป็นแบบอย่างผู้ประกอบการที่ดี และเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการสตรีให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมของอาเซียน

ในปีนี้คณะกรรมการคัดเลือกรางวัลผู้ประกอบการสตรีที่มีผลงานโดดเด่นแห่งอาเซียน มี เกษสุดา ไรวา หัวเรือใหญ่แห่งอาณาจักรขนมหวาน S&P ทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือกรางวัล

“ดีไลฟ์-ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสได้พูดคุยกับเกษสุดา ไรวา หรือ “นาย” ทั้งในฐานะประธานการคัดเลือกรางวัล รวมถึงเส้นทางความสำเร็จในการพาธุรกิจความอร่อย S&P เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์และเติบโตภายใต้การนำของผู้หญิงเก่งคนนี้

เกษสุดาเล่าถึงภาพรวมรางวัลคร่าว ๆ ว่า ที่พิเศษกว่าปีที่ผ่าน ๆ มาคือ มีการขยายช่วงอายุผู้ประกอบการกว้างขึ้นตั้งแต่ 30 ปีไปจนถึง 65 ปี จากเดิมที่กำหนดเพดานไว้เพียง 60 ปีเท่านั้น ด้วยความที่สมาคมต้องการคนที่คลุกคลีในแวดวงธุรกิจมานาน เพื่อเป็นแบบอย่างให้แก่รุ่นน้องต่อไป

เกษสุดาบอกว่า ปีนี้กระบวนการคัดเลือกค่อนข้างเข้มงวดพอสมควร มีมากถึง 4 ด่าน จากคณะกรรมการ 8-15 ท่าน เมื่อเธอได้มานั่งแท่นประธานการคัดเลือกในปีนี้ทำให้ได้เห็นภาพรวมของแวดวงนักธุรกิจหญิงอาเซียนชัดเจนขึ้น เธอบอกว่า ปัจจุบันผู้หญิงได้รับโอกาสดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อน ซึ่งประเทศที่ผู้หญิงมีบทบาทค่อนข้างโดดเด่นเห็นชัดคือ ประเทศเวียดนาม และประเทศไทย

“เนื่องจากรางวัลนี้ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกที่ประเทศเวียดนาม ฉะนั้น เวียดนามจึงค่อนข้างมีบทบาทมากพอสมควร แต่ดิฉันคิดว่าเรื่องความเก่ง ความพร้อม และการสนับสนุนจากภาครัฐ ไทยเราค่อนข้างโดดเด่น เวลาไปออกงานผู้บริหารของเราหรือเจ้าของธุรกิจจะนำเอาผลิตภัณฑ์ไปเผยแพร่อย่างมีนัยเสมอ ในช่วง 2 ปีที่ไทยได้เป็นเจ้าภาพก็ได้สร้างความยิ่งใหญ่ให้สังคมในเรื่องของสตรีมากขึ้นด้วย”

เมื่อถามว่าปัจจัยเรื่องเพศมีผลต่อการทำงานมากน้อยแค่ไหน เกษสุดาบอกว่า ในภาคเอกชนไม่ค่อยพบมากนัก แม้ว่าอัตราส่วนพนักงานผู้หญิงต่อผู้ชายอาจจะน้อยกว่า แต่ระยะหลังมานี้ตัวเลขสัดส่วนผู้หญิงก็ขยับขึ้นมาเรื่อย ๆ ที่น่ากังวลคือ ในภาครัฐ เพราะเพศชายยังมีสัดส่วนค่อนข้างมาก เธอและทางสมาคมจึงพยายามผลักดันเครือข่ายผู้ประกอบการเพื่อขยายธุรกิจของตนเองเข้าสู่ระดับอาเซียนให้ได้ นี่คือเป้าหมายที่สำคัญที่สุด

รองลงมาจึงเป็นเรื่องการช่วยเหลือและคืนกำไรให้แก่สังคม ทั้งปัญหาเด็กด้อยโอกาส การศึกษา หรือบางประเทศที่มีปัญหาด้านสิทธิสตรี ทางสมาคมก็จะพยายามเร่งผลักดันตรงนี้เข้าสู่การดูแลของภาครัฐเช่นกัน

จากภาพรวมเรื่องเครือข่าย และรางวัล ขยับมาที่พาร์ตส่วนตัวกันบ้าง ซึ่งเกษสุดา ไรวาถือเป็นอีกหนึ่งต้นแบบของผู้หญิงเก่งในแวดวงธุรกิจด้วย เธอพูดติดตลกพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า “ถ้านายพูดแบบนี้ทางคุณผู้ชายเขาจะน้อยใจหรือเปล่า แต่ว่าจริง ๆ แล้ว S&P เนี่ยถือว่าเป็นตัวอย่างความสำเร็จของผู้หญิงเก่งเลยนะ”

เกษสุดาเริ่มต้นเล่าถึงเส้นทางความสำเร็จของแบรนด์ให้ฟังว่า S&P เริ่มจากร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ ในครอบครัว ก่อตั้งโดยภัทรา ศิลาอ่อน ที่มีความชอบในธุรกิจด้านอาหารและเบเกอรี่ ภัทราดูแลด้านอาหาร โดยมีพันทิพา ไรวา เข้ามาดูงานด้านเบเกอรี่ และพรพิไล ไรวาดูแลส่วนงานบริหาร ซึ่งเป็นผู้หญิงด้วยกันทั้งหมด สำหรับตัวเธอเองเริ่มเข้ามาในช่วงที่ S&P ก้าวสู่ที่ปี 32 ด้วยฐานะสะใภ้ บทบาทสำคัญของเกษสุดาคือ การนำ S&P เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ให้ได้

“นายเรียนจบด้านธุรกิจการเงินแล้วไปต่อปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์ที่อเมริกา พอจบมาก็ได้ทำงานประจำในบริษัทการเงิน ตำแหน่งนักวิเคราะห์สินเชื่อ มีความชอบในโครงสร้างของธุรกิจ อยู่ในวงการการเงินมาสิบปี พอแต่งงานก็ได้มีโอกาสมาทำส่วนของการเงินในการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ จัดโครงสร้างธุรกิจ และเป็นตัวเซ็นเตอร์ในการดูด้าน business development ในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย สิงคโปร์ หรือจีน”

ด้านอุปสรรคในการทำงานเกษสุดาบอกว่า เรื่องเพศไม่เป็นปัญหาในการบริหารงานของครอบครัวเลย แต่ปัญหาหลัก ๆ จะเป็นปัญหาทั่วไปอย่างเรื่องของการวางกรอบธุรกิจเพื่อส่งต่อให้เจเนอเรชั่นที่สองมากกว่า เพราะเมื่อธุรกิจโตขึ้น ใหญ่ขึ้น รุ่นแรกต้องมีการวางทิศทางที่ชัดเจนเพื่อส่งต่อให้รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป ต้องเทรนเขาแบบไหน ต้องหาความชอบที่เขาถนัดอย่างไร เป็นสิ่งที่รุ่นแรกต้องช่วยเกลาเสริมไปด้วย ซึ่งตอนนี้เจเนอเรชั่นที่สองก็เริ่มเข้ามารับช่วงต่อบ้างแล้ว ทั้ง วิทูร ศิลาอ่อน ลูกชายคนโตของอมเรศ-ภัทรา ศิลาอ่อน, กำธร ศิลาอ่อน เข้ามาดูเรื่อง supply chain หรือ มณีสุดา ศิลาอ่อน ดูในส่วนของงานด้านสื่อสารมวลชน เรียกว่าทุกคนทำตามสิ่งที่ตัวเองถนัด รวมถึงทายาทของเกษสุดาอย่าง เนม-ปราการ ไรวา และ นาม-ปรมา ไรวา ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในการบริหารบ้างแล้ว

“เนมยังไม่เข้ามาแต่ให้เรื่องความคิดมากกว่า นามเข้ามาดูแลแบรนด์วานิลลาใน S&P ซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่ แต่ก็ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ ทั้งเนมและนามชอบในเรื่องของการตลาดเหมือนกัน ดิฉันคิดว่าเด็กรุ่นใหม่เขาจะมีความไวในเรื่อง how to คือ ทำอย่างไรให้คนพูดถึง เป็นเรื่องของการสร้างแบรนด์ แต่ถ้าเรื่องของระบบ หรือกระบวนการที่วางรากฐานไว้เขาต้องมาเรียนรู้อีกมาก อย่างนามเองมีธุรกิจส่วนตัว ก็จะได้เรียนรู้เรื่องการทำบัญชี การทำอะไรเองเหมือนเป็นเสมียนของบริษัท ถ่ายรูปเอง เขียนใบส่งของเอง ทำจากจุดเล็ก ๆ ตรงนี้ ต่อไปจะทำให้เขาเข้าใจกระบวนการจากรากได้”

ซื่อสัตย์ มุ่งมั่น และมีคุณธรรม คือ หลักการทำงานของผู้หญิงเก่งอารมณ์ดีคนนี้ เธอคิดเสมอว่า ต้องทำสิ่งที่ชอบ มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของตัวเองตลอดเวลา เพราะการที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน แม้ภายนอกจะดูเป็นคนยิ้มง่าย แต่เกษสุดาบอกว่า เวลาทำงานเธอเอาจริงเอาจังมากถึงขนาดที่พนักงานร้องไห้ขอลาออกหลังจากเธอตำหนิเสร็จเลยก็มี ทำให้ธรรมะกลายมาเป็นอีกหนึ่งหลักยึดของชีวิตเพื่อบาลานซ์อารมณ์ความรู้สึกในการทำงานได้ดียิ่งขึ้น เธอเล่าปนขำว่า ทุกครั้งที่เกิดความทุกข์ต้องฉลาดที่จะไม่คิดผิด หัดปล่อยวางให้ได้ ต้องคิดแบบนี้เพื่อเตือนตัวเองบ่อย ๆ แม้จะทำไม่ค่อยได้ก็ตาม (หัวเราะ)

“work hard, play hard” เกษสุดาให้นิยามในการใช้ชีวิตของตัวเอง เวลาว่างเธอมักจะชอบทำอาหารเลี้ยงรับแขกที่บ้าน เธอเล่าว่า โต๊ะกินข้าวที่บ้านสามารถรองรับแขกได้มากถึง 20 คน เพราะส่วนตัวชอบคิดค้นเมนูใหม่ ๆ ให้เพื่อน ๆ ได้รับประทานกัน อีกอย่างคือ การท่องเที่ยวแนวแอดเวนเจอร์ลุย ๆ หน่อย หรือบางครั้งก็ถือโอกาสพักผ่อนพร้อมกับดูธุรกิจในเครือที่ต่างประเทศไปพร้อม ๆ กันด้วย ส่วนอีกหนึ่งกิจกรรมใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเริ่มมาได้ประมาณสองเดือน คือ การอุ้มหลานคนแรกทุกเช้า

จนถึงตอนนี้ S&P เดินทางเข้าสู่ปีที่ 46 ด้วยพนักงานกว่า 7,500 ชีวิตแล้ว เกษสุดามองทิศทางการเติบโตของแบรนด์ในอนาคตว่า ต้องมีการขยายสาขาในต่างประเทศเพิ่มขึ้น อย่างตอนนี้ที่กัมพูชามีทั้งหมด 5 สาขา และกำลังจะขยายเพิ่มเป็น 6 สาขา

แต่ที่กำลังเรียนรู้และต้องใช้เวลาสักหน่อย คือ การทำธุรกิจในประเทศจีน เธอบอกว่า สิ่งที่ได้เรียนรู้ในครั้งนี้คือความจริงจังและความจริงใจระหว่างหุ้นส่วน ซึ่งก็ยังต้องมีการปรับเข้าหากันอยู่บ้าง สำหรับธุรกิจในไทยเองเกษสุดาบอกว่า ทิศทางจะเป็นอย่างไรคงจะให้ปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของเจเนอเรชั่นที่สองมากกว่า แต่หลักการทั่วไปของ S&P ยังคงเหมือนเดิม คือ ยึดหลัก “สามคุณ” ได้แก่ คุณภาพ คุณค่า และคุณธรรม

“อยากให้ S&P เป็น house of mind ของครอบครัวสมัยใหม่ ทุกรุ่นทุกวัยเข้าร้านเราได้ สินค้าต้องมีคุณภาพ ของต้องสะอาดปลอดภัย นั่นคือสิ่งที่ S&P ภูมิใจมาโดยตลอด ดูแลกระบวนการทุกอย่างตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ พยายามรักษามาตรฐาน และเร่งการมองเรื่อง service excellent ให้ดีมากที่สุด” ผู้บริหารหญิงเก่งกล่าวปิดท้าย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...