โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

SMEs-การเกษตร

เทคนิคเพาะพันธุ์กาดำ ให้ขายได้ใน 45 วัน คัดพ่อแม่พันธุ์ดี–ให้อาหาร 3 ระยะ ลูกปลาโตไว ขายได้ทั้งปลาเนื้อ-ปลาสวยงาม

เทคโนโลยีชาวบ้าน

อัพเดต 23 พ.ย. เวลา 12.41 น. • เผยแพร่ 23 พ.ย. เวลา 12.41 น.

ปลากาดำ ทางภาคเหนือเรียกว่า ปลาเพี้ย ส่วนทางภาคอีสานเรียกว่า ปลาอีตู๋ หรือ อีก่ำ จัดอยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน (Cyprinidae) เป็นปลาน้ำจืดขนาดกลาง ลำตัวเรียวยาวแบนข้าง พื้นลำตัวสีม่วงดำหรือน้ำเงินดำ เกล็ดมีขนาดใหญ่คลุมตลอดลำตัวยกเว้นส่วนหัว หัวปลากาดำเรียวแหลม ปากยืดหดได้ ไม่มีฟัน ริมฝีปากบนและล่างเป็นหยัก มีติ่งเนื้อเป็นฝอยสั้นๆ อยู่รวมกันเป็นกระจุก มีหนวด 2 คู่ ครีบหลังมีขนาดใหญ่และสูง ครีบหู ครีบท้อง และครีบก้น เรียวยาวและมีขนาดไล่เลี่ยกัน ครีบหางยาวเป็นแฉกเว้าลึก ครีบทุกครีบมีสีดำ

ปลากาดำพบได้ในแหล่งน้ำนิ่งและน้ำไหลทั่วประเทศ เป็นปลาที่มีพฤติกรรมว่ายแทะเล็มตามหินและชอบกัดเกล็ดของปลาอื่น กินตะไคร่น้ำและซากพืชซากสัตว์เป็นอาหาร ในด้านของการนำมาประกอบอาหารนั้นปลาชนิดนี้เป็นปลาที่มีรสชาติอร่อยจึงนิยมบริโภคภายในครัวเรือนในภาคเหนือ ทำเป็นประเภทลาบ จากความนิยมนี้เองจึงทำให้ปลากาดำในปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงกันมากขึ้น เพื่อขายเป็นตลาดปลาสวยงามและเลี้ยงเป็นปลาเนื้อเพื่อสร้างรายได้ในครัวเรือน

คุณจิรพงศ์ ลือวัฒนานนท์ หรือคุณจระเข้ เจ้าของลือวัฒนาฟาร์ม ตั้งอยู่เลขที่ 216 หมู่ที่ 5 ตำบลห้วยหม้าย อำเภอสอง จังหวัดแพร่ ได้เห็นถึงความต้องการของตลาดที่นิยมบริโภคปลากาดำเพิ่มขึ้นทุกปี จึงทำให้เขาได้เพาะพันธุ์ปลาชนิดนี้ขึ้น สร้างป็นลูกพันธุ์ปลาที่ดีมีคุณภาพให้กับลูกค้าในแถบภาคเหนือได้เป็นอย่างดี

สานต่ออาชีพดั้งเดิมต่อจากครอบครัว

คุณจระเข้ เล่าให้ฟังว่า การเลี้ยงปลาถือเป็นอาชีพหลักที่ทำมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อ จากการที่ได้เห็นสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอในการดำเนินชีวิต จึงทำให้การเลี้ยงปลาเป็นส่วนหนึ่งของเขา จนได้ไปศึกษาต่อในสาขาประมงเพื่อที่จะได้นำความรู้มาช่วยพัฒนาการเลี้ยงปลาของครอบครัว โดยเขาได้สนใจในเรื่องของการเพาะพันธุ์จำหน่าย มากกว่าที่จะเลี้ยงปลาเนื้อส่งขายให้กับลูกค้าเหมือนในสมัยก่อน

“พอเรียนจบประมงมา ก็นำความรู้ที่ได้มาจัดการระบบฟาร์มใหม่ โดยจากที่เคยเลี้ยงปลาเนื้อที่ต้องรอเวลา ในการเลี้ยงตั้งแต่ 1 ปี หรือจนถึง 1 ปีครึ่งก็มี รู้สึกว่าไม่ตอบโจทย์ จึงได้ปรับเปลี่ยนมาทำฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาขายอย่างเต็มตัวในปี 2556 แรกๆ เพาะพันธุ์ปลาทับทิม ปลาน้ำจืดทั่วไปขายก่อน แล้วช่วงที่ทำตลาดมาเรื่อยๆ ก็จะเห็นว่าทางภาคเหนือเขาชอบทำลาบปลากินกัน โดยเฉพาะปลากาดำเป็นที่นิยมมาก ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นให้มาเพาะพันธุ์ลูกปลาจำหน่ายในเวลาต่อมา” คุณจระเข้ บอก

สายพันธุ์ปลากาดำที่นำมาทำเป็นพ่อแม่พันธุ์นั้น คุณจระเข้ บอกว่า ไม่ได้หาซื้อจากที่อื่นเข้ามามากนัก แต่เป็นปลาดั้งเดิมที่อยู่ติดบ่อตั้งแต่สมัยเลี้ยงเป็นปลาเนื้อ จากนั้นก็นำสิ่งที่มีอยู่มาต่อยอดและพัฒนาด้วยการเพาะพันธุ์ให้มีจำนวนมากขึ้น จนเวลานี้ที่ฟาร์มถือเป็นแหล่งที่มีพ่อแม่พันธุ์คุณภาพไว้ใช้งานได้ตลอดฤดูกาลผสมพันธุ์

ปลากาดำต้องเลี้ยงรวม

กับปลาชนิดอื่นๆ ภายในบ่อ

การเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลากาดำ คุณจระเข้ บอกว่า ต้องเลี้ยงผสมให้อยู่รวมกับปลาชนิดอื่นๆ เช่น ปลาตะเพียน ปลานิล เมื่อถึงช่วงฤดูผสมพันธุ์จะนำพ่อแม่พันธุ์มาทำการฉีดฮอร์โมนสังเคราะห์ โดยแม่พันธุ์จะเลือกปลาที่มีลักษณะให้ไข่ที่สมบูรณ์ อายุอย่างต่ำต้อง 1 ปีขึ้นไป แม่พันธุ์ปลากาดำยิ่งใหญ่ยิ่งดี ส่วนพ่อพันธุ์เลือกให้มีขนาดไซซ์ที่มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 300-600 กรัม เนื่องจากน้ำเชื้อของพ่อพันธุ์ได้ในปริมาณที่น้อย อาจจะใช้การผสมที่ตัวเมีย 1 ตัวต่อตัวผู้ 3 ตัว

เมื่อคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ที่ต้องการได้แล้ว จะใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์ปริมาณ 5-10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักปลา 1 กิโลกรัม ฉีดให้กับแม่ปลาเพื่อเป็นการเหนี่ยวนำไข่ ซึ่งการฉีดในแต่ละครั้งก็จะดูความพร้อมของแม่พันธุ์เป็นหลัก ถ้ามีความพร้อมมาก ก็อาจไม่จำเป็นต้องฉีดฮอร์โมนสังเคราะห์ให้กับปลามาก ซึ่งช่วงฤดูกาลที่เหมาะสมกับการเพาะพันธุ์ปลามากที่สุดจะเป็นช่วงฤดูฝนพอเข้าฤดูหนาวก็จะหมดฤดูกาลผสมพันธุ์

“หลังจากที่ฉีดฮอร์โมนสังเคราะห์แล้ว จะปล่อยพ่อแม่พันธุ์ใส่ลงไปในอ่างซีเมนต์ ขนาด 2×3 เมตรที่เตรียมไว้ ปล่อยให้ปลาผสมพันธุ์กันเอง ใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมง พอเห็นเริ่มมีไข่ออกมาในบ่อ ต้องแยกพ่อแม่พันธุ์ออกจากบ่อทันที หลังจากนั้นรอดูไข่อีกประมาณ 2-3 วัน เมื่อเห็นอัตราการฟักของลูกปลามีจำนวนเยอะแล้ว ก็จะย้ายลงไปอนุบาลในบ่อดินต่อไป” คุณจระเข้ บอก

การอนุบาลลูกปลากาดำในบ่อดินจะปล่อยลงไปเลี้ยงในพื้นที่ขนาดบ่อ 1 ไร่ ปล่อยลูกปลาลงไปอนุบาลประมาณ 1,000,000 ตัว อาหารที่ใช้เลี้ยงในช่วงนี้จะเน้นเป็นไข่แดงละลายน้ำให้กินวันละ 2 มื้อ เช้าและเย็น ประมาณ 3 วัน จากนั้นเปลี่ยนเป็นอาหารกุ้งที่มีโปรตีนอยู่ที่ 42 เปอร์เซ็นต์ ให้กินอยู่ประมาณ 15-20 วัน หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นอาหารปลาดุกที่มีโปรตีนอยู่ที่ 32 เปอร์เซ็นต์อีกครั้งหนึ่ง ให้กินต่อไปอีกประมาณ 20 วัน ลูกปลากาดำทั้งหมดก็จะได้อายุอยู่ที่ 45 วัน ขนาดตัวอยู่ที่ 1.5 นิ้ว ก็สามารถส่งจำหน่ายได้

ในเรื่องของการดูแลโรคที่จะเกิดขึ้นกับลูกปลากาดำ คุณจระเข้ บอกว่า ต้องควบคุมในเรื่องของการให้อาหารภายในบ่อ เพราะถ้าให้มากเกินไปจะทำให้น้ำเน่าเสียได้ วิธีที่ป้องกันที่ดีที่สุดต้องให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสม พร้อมกับตรวจคุณภาพน้ำอยู่เสมอก็จะทำให้ลูกปลาไม่เจ็บป่วยจนทำให้ปลาตายได้

ส่งขายภาคเหนือเป็นหลัก

ความต้องการตลาดยังมีต่อเนื่อง

สำหรับการทำตลาดเพื่อจำหน่ายลูกพันธุ์กาดำนั้น คุณจระเข้ บอกว่า จะเน้นส่งจำหน่ายทางภาคอีสานตอนบนเป็นหลัก เพราะลูกค้าในแถบนี้จะนิยมซื้อไปเลี้ยงในบ่อขนาด 1-2 งาน หรือใหญ่สุดก็ขนาด 1 ไร่ เลี้ยงผสมกับปลาชนิดอื่นๆ ใช้เวลาประมาณ 1 ปี ก็จะสามารถได้ปลากาดำขนาดไซซ์ที่ใช้ทำอาหารกินภายในครัวเรือน หรือถ้ามีจำนวนมากก็สามารถจับจำหน่ายเกิดรายได้อีกหนึ่งช่องทาง

ลูกปลากาดำขนาดไซซ์ 1.5 นิ้ว ราคาจำหน่ายอยู่ที่ตัวละ 1.50 บาท ถ้าลูกค้าซื้อในปริมาณมากทางฟาร์มก็จะมีราคาขายส่งให้ ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าจะมาซื้อลูกพันธุ์ปลาชนิดอื่นของฟาร์มไปด้วย โดยเน้นเลี้ยงในรูปแบบปลาเบญจพรรณเป็นส่วนใหญ่

“ในแต่ละปีผลผลิตผมออกมาไม่เยอะเท่าไร ส่งขายให้กับทางโซนภาคเหนือก็ไม่เพียงพอแล้ว แต่ละปีที่ขายได้เฉลี่ยแล้วก็จะอยู่ที่ 100,000-300,000 ตัว ซึ่งปลากาดำอนาคตก็ถือว่าลูกพันธุ์ปลายังมีความต้องการอยู่มาก ยังสามารถขยายตลาดไปได้เรื่อยๆ โดยเฉพาะตลาดปลาสวยงามก็จะนิยมซื้อไปเลี้ยงโชว์ในตู้ เพราะฉะนั้นใครที่สนใจเลี้ยงอาจจะเลี้ยงในบ่อที่บ้านที่มีอยู่ก็ได้ พอปลาได้อายุก็ค่อยจับมาบริโภคก็ถือว่าเป็นอาหารภายในครัวเรือนได้ดี” คุณจระเข้ บอก

สำหรับท่านใดที่สนใจในเรื่องของปลากาดำและต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ คุณจิรพงศ์ ลือวัฒนานนท์ หรือ คุณจระเข้ หมายเลขโทรศัพท์ 089-229-2812 และ 084-324-7450

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก 16 กันยายน 2566**

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เทคนิคเพาะพันธุ์กาดำ ให้ขายได้ใน 45 วัน คัดพ่อแม่พันธุ์ดี–ให้อาหาร 3 ระยะ ลูกปลาโตไว ขายได้ทั้งปลาเนื้อ-ปลาสวยงาม

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.khaosod.co.th/technologychaoban

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...