โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

"เศรษฐกิจไทย" ปีงู เลื้อยไปมา สู่ ปีม้า ที่ยังอยู่บนความไม่แน่นอนและท้าทาย

PPTV HD 36

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2568 PPTVWealth วิเคราะห์พายุ 3 ลูกใหญ่ที่ถาโถมเข้ามาพร้อมๆ กัน และกำลังส่งผลกระทบต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569 ที่เขาว่าจะเป็นปีม้าไฟ

เศรษฐกิจโลกในช่วงปี 2568 เผชิญแรงสั่นสะเทือนรอบด้าน โดยเฉพาะการกลับมาของนโยบายกีดกันทางการค้าในยุค “ทรัมป์ 2.0” ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐ ที่จุดชนวนความเสี่ยงใหม่ต่อระบบเศรษฐกิจทั้งโลกอีกครั้ง กำแพงภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ (Reciprocal Tariffs) หรือที่เรียกกันว่า ภาษีทรัมป์ เตรียมใช้กับหลายประเทศ ไม่เพียงสร้างแรงกระแทกต่อการค้าโลก แต่ยังซ้ำเติมประเทศเศรษฐกิจอย่างไทยที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก โดยไทยมีสัดส่วนการค้ากับสหรัฐเป็นอันดับหนึ่ง

รอบแรก ไทยโดนภาษีทรัมป์ 36% จากนั้น ไทยส่งข้อเสนอใหม่เพื่อเจรจาปรับลด จนกระทั่ง 1 สิงหาคม 2568 ทรัมป์ประกาศปรับลดภาษีไทยเหลือ 19% จนปัจจุบัน นับจากนั้น สำหรับประเทศไทย ปี 2568 จึงกลายเป็นปีแห่ง “พายุเศรษฐกิจ 3 ลูก” แบบเต็มๆ

ที่ถาโถมพร้อมกัน คือ แรงกดดันจากการค้าโลก ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา และความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ ที่ทั้ง 3 ลูกนี้ก็มีความเกี่ยวเนื่องกันอยู่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเช่นกัน เมื่อทรัมป์ เคยใช้เรื่องภาษีมากดดันการปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา ในรอบแรก

พายุลูกที่ 1 : ภาษีทรัมป์และสงครามการค้าโลก กดดันส่งออกไทย

แต่หากมองภาพใหญ่ การกลับมาใช้นโยบายภาษีเชิงรุกของทรัมป์ สร้างแรงกระเพื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประเทศคู่ค้าหลักของไทย ทั้ง สหรัฐฯ จีน รวมถึงสหภาพยุโรป ต่างเผชิญต้นทุนการค้าที่สูงขึ้น ส่งผลให้คำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ชะลอตัว

ขณะที่ผลกระทบทางอ้อมที่น่ากังวล คือ การชะลอการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) เนื่องจากนักลงทุนประเมินความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้น ส่วนค่าเงินบาทเกิดแรงผันผวนตามทิศทางเงินทุนเคลื่อนย้าย ส่งผลต่อเสถียรภาพภาคการเงินในระยะสั้น

ในอีกด้านหนึ่ง คือ ราคาทองคำที่พุ่งขึ้นแรงทำลายสถิติ all time high หลายต่อหลายรอบ สะท้อนสถานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย” ในช่วงที่โลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ซึ่งสะท้อนความเปราะบางของระบบเศรษฐกิจโลกอย่างชัดเจน แม้จะเป็นผลบวกต่อผู้ที่ถือครองทองคำก็ตาม

พายุลูกที่ 2 : สงครามค้าชายแดนไทย–กัมพูชา ความเสี่ยงเฉพาะจุด แต่กระทบวงกว้าง

ความตึงเครียดด้านการค้าและการควบคุมชายแดนระหว่างไทย–กัมพูชา กลายเป็นอีกปัจจัยลบที่ซ้ำเติมเศรษฐกิจภูมิภาค โดยเฉพาะจังหวัดชายแดนที่พึ่งพาการค้าชายแดน การท่องเที่ยว และแรงงานต่างด้าว แม้ในภาพรวมมูลค่าการค้าชายแดนจะไม่สูงเมื่อเทียบกับการส่งออกทั้งหมดของประเทศ แต่ส่งผลกระทบเชิงจิตวิทยาและความเชื่อมั่น ซึ่งความไม่แน่นอนดังกล่าวกดดันต้นทุนโลจิสติกส์ที่เพิ่มสูงขึ้น และทำให้ภาคเอกชนชะลอการตัดสินใจลงทุนในพื้นที่ชายแดน

พายุลูกที่ 3 เสถียรภาพการเมืองไทยตั้งอยู่บนความ "ไม่แน่นอน"

เสถียรภาพการเมืองที่ไม่แน่นอน เป็นปัจจัยภายในประเทศที่กดดันเศรษฐกิจไทยมาอย่างต่อเนื่อง นั่นคือความไม่ชัดเจนทางการเมือง การเปลี่ยนแปลงผู้นำอย่าง "นายกรัฐมนตรี" ในห้วงเวลาไม่เกิน 1 ปี ส่งผลโดยตรงต่อการเดินหน้าและการปรับนโยบายเศรษฐกิจ และความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณ ส่งผลให้เครื่องยนต์หลักอย่างการลงทุนภาครัฐทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

และเมื่อเจอกับภัยธรรมชาติที่เข้ามาซ้ำเติม ทั้งน้ำท่วม ภัยแล้ง และความแปรปรวนของสภาพอากาศ ยิ่งกระทบเป็นวงกว้างไปถึงภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรม ขณะที่กำลังซื้อภาคครัวเรือนยังฟื้นตัวช้า และหนี้ครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับสูงมาก

ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2568 ฟื้นตัวช้า ท่ามกลางความไม่แน่นอนโลก และโจทย์โครงสร้างที่ยังแก้ไม่จบเป็นปีงูที่เศรษฐกิจไทยเลื้อยไป เลื้อยมา อยู่ท่ามกลางความผันผวน การฟื้นตัวเป็นไปอย่างระมัดระวังและมีข้อจำกัดหลายด้าน บนแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และข้อจำกัดเชิงโครงสร้างภายในประเทศ

แม้กิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างการท่องเที่ยวและบริการ จะกลับมาใกล้ระดับก่อนเกิดโควิด-19 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากตลาดเอเชีย เช่น จีน อินเดีย และประเทศอาเซียน แต่ภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจไทยยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าศักยภาพ

โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัวในกรอบ 2.5–3.0% ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า สะท้อนถึงข้อจำกัดด้านโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ทั้งปัญหาผลิตภาพแรงงานที่เพิ่มขึ้นช้า โครงสร้างอุตสาหกรรมที่ยังพึ่งพาภาคการผลิตแบบดั้งเดิม และการลงทุนภาคเอกชนที่ฟื้นตัวไม่เต็มที่ แต่แรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจในปี 2568 ยังคงมาจาก การบริโภคภาคเอกชน และ ภาคท่องเที่ยว ขณะที่ภาคการส่งออกและการลงทุนยังเผชิญแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังเผชิญความผันผวน

มองไปข้างหน้า ปี 2569 ยังท้าทาย

แม้ปี 2569 จะยังเต็มไปด้วยความเสี่ยงจากภูมิรัฐศาสตร์โลกและความผันผวนทางการเมือง แต่มองว่า “จุดเปลี่ยน” อาจเกิดขึ้นในช่วงกลางปี หลังการเลือกตั้งทั่วไปเกิดขึ้น รัฐบาลใหม่จัดตั้งได้ นโยบายเศรษฐกิจมีความชัดเจน

ทั้งนี้จากการประมาณการของหลายที่ เช่น

  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวประมาณ 1.5% ในปี 2569 ซึ่งเป็นการปรับลดจากประมาณการก่อนหน้า ท่ามกลางแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกและปัจจัยภายในประเทศ
  • SCB EIC ประเมินว่า GDP จะเติบโตเพียงประมาณ 1.5% ต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ โดยส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจไทยยังเผชิญแรงต้านจากการส่งออกและกำลังซื้อภายในประเทศ ด้านทีทีบี (ttb Research) คาดการเติบโตที่ราว 1.6% ในปี 2569 กสิกรไทย (KResearch) ประเมินตัวเลข GDP ที่ ประมาณ 1.6% เช่นกัน จากแรงกดดันภายนอกและความเปราะบางภายในประเทศ
  • ด้าน กกร. หรือ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ประมาณการที่ 1.6–2.0% ซึ่งสะท้อนถึงความไม่แน่นอนของปัจจัยเศรษฐกิจโลกและภาพรวมภายในประเทศ

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยกำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่เปราะบาง ดังนั้นการประคองเสถียรภาพในระยะสั้น ควบคู่กับการวางรากฐานโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาว จะเป็นกุญแจสำคัญที่ชี้ว่าไทยจะ “รอด” หรือ “สะดุดซ้ำ” ในปีม้าที่เขาบอกกันว่าจะเป็น "ม้าไฟ"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สรุปข่าวเด่น ประเด็นร้อนปี 2568 อุบัติเหตุทางการเมือง ไปจนถึงเรื่องราวสุดแซ่บคนบันเทิง

finbiz by ttb เปิด 6 เทรนด์ธุรกิจ ปี2026 ที่SMEsต้องรู้ เพื่อสร้างโอกาสธุรกิจ

ครม. มีมติอนุมัติเป้าหมาย"เงินเฟ้อทั่วไป" ปี 2569 อยู่ช่วงร้อยละ 1 - 3

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : "เศรษฐกิจไทย" ปีงู เลื้อยไปมา สู่ ปีม้า ที่ยังอยู่บนความไม่แน่นอนและท้าทาย

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่

- Website : https://www.pptvhd36.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...