โชว์ผลงานแห่งปี 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดแฟ้ม 10 คดีดัง จับกุมคดีสำคัญหลายคดี
โชว์ผลงานแห่งปี 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดแฟ้ม 10 คดีดัง จับกุมคดีสำคัญหลายคดี รุกหนัก จับจริง สาวถึงต้นตอ ตาม DNA สอบสวนกลาง
ปี2568 ตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) มีผลงานการจับกุมคดีสำคัญหลายคดี ซึ่งหลายคดีเป็นคดีอาชญากรรมที่สร้างความเสียหายทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และจิตใจของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งตลอดปีที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด29,413 คดี หากคิดเฉลี่ยเป็นรายวัน สามารถจับกุมได้ 80 กว่าคดีต่อวัน
เปิดแฟ้มย้อนผลงานการจับกุม10 คดีสำคัญ ประจำปี2568
เริ่มกันที่คดีแรก สะเทือนวงการสงฆ์ ที่เรียกได้ว่าเขย่าวงการผ้าเหลืองอย่างหนัก เมื่อ ตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) โดย กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) สนธิกำลังกับ ป.ป.ท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดปฏิบัติการ‘นารีพิฆาตพระ’ จับกุม น.ส.วิลาวัลย์ฯ หรือ‘สีกากอล์ฟ’ คาบ้านพักย่านนนทบุรี ในข้อหา สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ-รับของโจร-ฟอกเงิน หลังพบเสพเมถุนกับพระ9 รูป ขณะที่เงินในบัญชีสีกากอล์ฟ พบหมุนเวียน385 ล้านในรอบ3 ปี เส้นเงินส่วนใหญ่พบเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน
ต่อมา คดีการจับกุมทิดแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังพบยักยอกเงินวัดหลายร้อยล้านบาท ก่อนพบโอนเข้าบัญชีของ น.ส.อรัญญาวรรณ หรือสีกาเก็น ที่มีความสัมพันธ์กัน และเป็นผู้ต้องหาในคดีเว็บพนันออนไลน์
2. ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) จับกุมตัว นายอลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ และ“หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ”หรือ นายเสกสันน์ฯ กรณีทุจริตยักยอกเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ หลังมีผู้ร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกก.1 บก.ป.ว่า นายเสกสันน์ฯ หรือ หมอบี ที่เปิดขอรับบริจาคเงินผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อส่งมอบให้กับวัดพระบาทน้ำพุ แต่ในความเป็นจริงแล้วหมอบี กลับมีพฤติการณ์ทุจริตเงินบริจาคของวัดดังกล่าว นำเงินไปมอบให้นายอลงกตฯ และไม่ได้ถูกนำเข้าระบบของวัดอย่างถูกต้อง โดยนำเงินดังกล่าวไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตน ซึ่งตั้งแต่ปี2562 ถึงปี2568 มีประชาชนผู้มีจิตศรัทธาโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวกว่า300 ล้านบาท จึงนำไปสู่การรวบรวมพยานหลักฐาน เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย17 จุด พร้อมจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองราย ล่าสุดตำรวจ CIB ขยายผล ปฏิบัติการ“คืนศรัทธา บอกลางมงาย สไตล์ CIB” ทวงคืนทรัพย์สินมูลค่ารวมกว่าหมื่นล้านบาท
3. กองบังคับการปราบปราม เปิดปฏิบัติการ Cut Down Scam สยบเครือข่ายค้าข้อมูลส่วนบุคคล9 ล้านรายชื่อ ต้นตอสแกมเมอร์ หลอกคนไทยเสียหายกว่า290 ล้านบาท เป็นความร่วมมือภายใต้ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล(สคส.) หรือ PDPC ร่วมกับ ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์(ACSC) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ทลายเครือข่ายขายข้อมูลประชาชนที่ถูกใช้ไปสนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ หลังเจ้าหน้าที่พบความผิดปกติของการซื้อขายข้อมูล นำไปสู่การที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. จับกุม6 ผู้ต้องหา พร้อมรายชื่อข้อมูลประชาชนกว่า9 ล้านรายชื่อ พบมีประชาชนถูกหลอกแล้วกว่า4,000 คน เสียหายกว่า290 ล้านบาท ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าว เป็นอีกหนึ่งทางการ“ตัดวงจรสแกมเมอร์” ทั้งต้นทางและปลายทาง โดยเจ้าหน้าที่จะยังคงเดินหน้าปราบปรามอย่างจริงจังต่อไป
4. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) เปิดปฏิบัติการ“9.9 FAKE COMPANY” ทลายแก๊งบริษัทผีจีนเทา หลอกลงทุนเทรดหุ้นรวบ15 ผู้ต้องหา(คนไทย14 ราย, คนจีน1 ราย) หลังเมื่อเดือน พ.ค.68 หลอกผู้เสียหายลงทุนเทรดหุ้น พร้อมหลอกให้กรอกเบอร์โทร และไอดีไลน์ผ่านเว็บไซต์ปลอมเพื่อร่วมลงทุน จากนั้นติดต่อทางไลน์มาหา อ้างว่าเป็นเลขาฯ ของอาจารย์นิติ โอสถานุเคราะห์ นักลงทุนชื่อดังในไทย พร้อมทั้งได้สอนวิธีการลงทุนผ่านเว็บไซต์ FINNIXMAX โดยเสนอหุ้นรายตัว พร้อมเป้าหมายการทำกำไร ผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนไปจำนวนมาก เข้าทางกลุ่มคนร้าย บล็อกช่องทางติดต่อ หนีหาย ก่อนตำรวจ กก.2 บก.ปอท. ตามรวบไว้ได้15 ผู้ต้องหาทั้งไทยและจีน พร้อมของกลาง มูลค่าประมาณ21 ล้านบาท
5.กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ(บก.ปอศ.) เปิดปฏิบัติการ“Operation Crypto Phantom” กวาดล้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลผิดกฎหมาย เงินหมุนเวียนกว่า14,000 ล้านบาท เข้าตรวจค้น8 จุด ในพื้นที่จ.ภูเก็ต จ.ชลบุรี และ กรุงเทพ หลังพบมีร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราแอบแฝงการให้บริการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท USD Tether (USDT) แบบ“ชนมือ” หรือการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล โดยไม่ได้ผ่านศูนย์แลกเปลี่ยนที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย พบธุรกรรมมากกว่า1,000 รายการ เชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรม และมีเงินหมุนเวียนรวมสูงถึง425,104,595 USDT หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า14,000 ล้านบาท
6.กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกับกรมสรรพากร เปิดปฏิบัติการ“จบเกมส์กลโกงภาษี- Anti Tax Fraud Operation” ทลายเครือข่ายฉ้อโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม รวม2 เฟส รัฐเสียหายรวมกว่า2,100 ล้านบาท เฟสแรกเริ่มเมื่อ ปลายเดือน มิ.ย.68 เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น14 จุด แบ่งเป็น จ.ตาก11 จุด, เชียงใหม่2 จุด และ กทม. 1 จุด จับกุมผู้ต้องหา10 ราย ได้จัดตั้งบริษัทจำนวนกว่า20 แห่ง แล้วแสร้งทำทีว่ามีการซื้อขายสินค้าระหว่างกันเป็นทอดๆ โดยไม่มีการซื้อขายสินค้ากันจริงๆ ทำให้ราคาของสินค้าสูงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยจะมีการออกใบกำกับภาษีระหว่างร้านค้าและบริษัทในเครือข่ายของตนในลักษณะหมุ่นวนกันไปมาเป็นทอดๆแล้วส่งออกสินค้าไปยังประเทศเมียนมา เพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT 7%) ที่มาจากมูลค่าสินค้าอันเป็นเท็จต่อกรมสรรพากร เป็นจำนวนเงินกว่า150 ล้านบาท และจากการประเมินภาษีพบว่ามีมูลค่าความเสียหายจากการกระทำความผิดของกลุ่มผู้ต้องหาทั้งเครือข่ายเป็นจำนวนเงินกว่า1,000 ล้านบาท นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง10 ราย ต่อมาเดือน พ.ย.68 ตำรวจ CIB เดินหน้า เฟส2 จับกุมผู้ต้องหาอีก9 ราย ตรวจค้นเพิ่มอีก 11 จุด ในพื้นที่4 จังหวัด ได้แก่ จ.ตาก, จ.เชียงใหม่, จ.ลำปาง และกรุงเทพมหานคร การขยายผลในระยะที่2 นี้ พบร้านค้าและบริษัทในเครือข่ายอีก7 แห่ง ที่ใช้แผนประทุษกรรมเดียวกัน ซึ่งการตรวจสอบในระยะที่2 นี้ พบมูลค่าความเสียหายเพิ่มเติมอีกกว่า1,000 ล้านบาท รวมความเสียหายทั้ง2 ระยะกว่า2,100 ล้านบาท
7. กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์(บก.ปคม.) ปฏิบัติการ“ปิดสวิตช์ ดิสโมนาช” Switch-Off Discord Monarch รวบกลุ่มแอดมินทั้งหมด7 ราย และจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งทำหน้าที่ไลฟ์สดในลักษณะอนาจารอีก4 ราย หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคม. ตรวจสอบแอปพลิเคชัน Discord ชื่อเซิร์ฟเวอร์“Monarch V2” หรือ“Monarch” นำเด็กสาวอายุต่ำกว่า18 ปี หลายราย มาไลฟ์สดในลักษณะลามกอนาจาร พร้อมเรียกเงินจากผู้เข้าชม โดยเซิร์ฟเวอร์ดังกล่าว มีสมาชิกติดตามมากถึง117,872 คน มิหนำซ้ำยังจัดการอย่างเป็นระบบ แบ่งหมวดหมู่ต่างๆ โดยหมวดหมู่ที่พบการกระทำความผิดชื่อ“NIGHTCLUB” และมีการแบ่งช่องย่อยสำหรับบริหารจัดการระบบการไลฟ์สด อีกทั้งยังมีกลอุบาย"ปั่นยอด TOP1" โดยจะประกาศว่าใครที่โอนเงินสนับสนุนมากที่สุดในการไลฟ์สดแต่ละครั้ง จะได้รางวัลใหญ่คือการนัดเจอและมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวคนที่ไลฟ์สดนั้น แต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงการตบตา เมื่อมีผู้เข้าชมโอนเงินเข้ามาเพื่อชิงตำแหน่ง TOP1 กลุ่มผู้กระทำความผิดจะสั่งให้ทีมงานโอนเงินแข่งเพื่อปั่นราคาให้สูงขึ้นไปอีก จนผู้เข้าชมคนนั้นยอมแพ้ไปเอง และเงินที่โอนมาแล้วทั้งหมดจะไม่คืนให้
8. กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) ร่วมกับ ศปอส.ตร. และ ปปง. เปิดปฏิบัติการ“ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ” รวบผู้ต้องหา29 ราย ยึดทรัพย์10,000 ล้านบาท ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปอส.ตร.) เปิดปฏิบัติการครั้งใหญ่ภายใต้ยุทธการ“ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ สะเทือนทั้งวงการ” เพื่อตัดวงจรเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์และเส้นทางฟอกเงินที่สร้างความเสียหายต่อประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยการสืบสวน ของตำรวจ กก.3 บก.ป. เชื่อมโยงไปถึงเครือข่ายต่างชาติ มีนายทุนใหญ่ชาวกัมพูชาเป็นศูนย์กลางและมีการใช้ธุรกิจบังหน้าเพื่ออำพรางเงินผิดกฎหมาย เข้าตรวจค้นรวม50 จุด ในพื้นที่22 จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมออกหมายจับผู้กระทำผิดทั้งหมด42 ราย สามารถจับกุมได้แล้ว29 ราย และอยู่ระหว่างติดตามตัวอีก13 ราย โดยมีผู้ต้องหาหลบหนีอยู่ต่างประเทศ3 ราย ทั้งหมดถูกตั้งข้อหาเป็นหัวหน้าอั้งยี่ ซ่องโจร ฉ้อโกงประชาชน สมคบฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน พร้อมยึดทรัพย์สินกว่า10,000 ล้านบาท ทั้งรถหรู เรือยอร์ช เงินในบัญชี ที่ดิน ฯลฯ
9. กองบังคับการปราบปราม เปิดปฏิบัติการ TAKE DOWN MAFIA ทลายเครือข่ายยานรก- ซุ้มมือปืน – ผู้มีอิทธิพล หลายซีซั่น เป็นปฏิบัติการปราบปรามกลุ่มสีเทาในพื้นที่ภาคใต้ มาตั้งแต่ปี2566 ต่อเนื่องมาจนถึงปี2568 ปฏิบัติการ TAKE DOWN MAFIA : หยุดทางลับยานรก ที่ตำรวจกก.6 บก.ป.จับกุม5 ผู้ต้องหา การขยายผลจากการปะทะกับผู้ต้องหาค้ายาเสพติด ในพื้นที่จ.ปัตตานี เมื่อปี2566 ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ2 ราย ก่อนจะจับกุมผู้ต้องได้ทั้ง2 คน ขยายผลต่อเนื่อง กระทั่งเดือนก.ค. 68 นำกำลังลงพื้นที่ จ.นราธิวาส, จ.นครศรีธรรมราช และ จ.เชียงใหม่ จับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้ พร้อมยึดทรัพย์ในขบวนการค้ายาเสพติดรายนี้ รวมทรัพย์สินมูลค่าประมาณ8 ล้านบาท และล่าสุดเดือนพ.ย.68 อีกครั้งกับปฏิบัติการ TAKE DOWN MAFIA : Bull Fighting!!! ตัดท่อเงินเทา เจ้าพ่อภาคใต้ รวบผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับเว็บพนันฯ จำนวน6 ราย ในพื้นที่จ.สงขลา,สตูล, พัทลุง, ขอนแก่น และกรุงเทพมหานคร ตรวจค้นยึดทรัพย์สิน มูลค่ากว่า10 ล้านบาท
คดีสุดท้าย กองบังคับการตำรวจทางหลวง(บก.ทล.) ทลายขบวนการ“โจรกรรม-ฟอกขาวรถ” เช่ารถแล้วเชิดหนี ปลอมเอกสารรถแจ้งเปลี่ยนทะเบียน ฟอกขาวรถถูกขโมยให้ถูกกฎหมาย พบเงินหมุนเวียนกว่า40 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ทล. จับกุมขบวนการฟอกขาวรถยนต์ที่ได้มาจากการขโมยรถเช่า ได้ทั้งหมด9 คน หลังปลอมแปลงเอกสารราชการ ตบตาเจ้าหน้าที่เพื่อขอเปลี่ยนเลขทะเบียน เปลี่ยนจากรถที่ผิดกฎหมายให้กลายเป็นรถถูกกฎหมาย ก่อนจะประกาศขายผ่านทางโซเชียล รอบหนึ่งปีที่ผ่านมากลุ่มคนร้ายได้ทำการฟอกขาวรถยนต์ที่ได้มาจากการขโมยโดยเฉลี่ยเดือนละประมาณ4 คัน พบเงินหมุนเวียนกว่า40 ล้านบาท
ทั้ง10 คดีสำคัญ ของตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) นี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่สะท้อนความมุ่งมั่น และตั้งใจปราบปราม จับกุม ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทุกรูปแบบอย่างจริงจัง
โดยในปีต่อไป พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จะยังคงเดินหน้าพาทีมตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) ต่อสู้ ปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ด้วย DNA ของตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) สะท้อนผ่านความเป็น“มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : โชว์ผลงานแห่งปี 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดแฟ้ม 10 คดีดัง จับกุมคดีสำคัญหลายคดี
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th