โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

‘คูหาเงียบผิดปกติ’ เลือกตั้งเฟสแรกเมียนมา กับสัญญาณที่อ่านได้ตั้งแต่เริ่มต้น

TODAY

อัพเดต 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • TODAY

การเลือกตั้งเฟสแรกของเมียนมา ซึ่งเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกนับตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจในปี 2564 ถูกจัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม ท่ามกลางการจับตาจากนานาชาติ และข้อกังขาอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับเสรีภาพ ความเป็นธรรม และความน่าเชื่อถือของกระบวนการเลือกตั้ง

การลงคะแนนรอบแรกจัดขึ้นในพื้นที่ที่กองทัพยังสามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ของประเทศ ไม่ใช่พื้นที่สู้รบหนัก ไม่ใช่เขตที่ถูกยกเลิกการเลือกตั้ง และไม่ใช่พื้นที่ที่รัฐบาลทหารระบุว่า “จัดไม่ได้” เฟสแรกจึงถูกมองว่าเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลเชื่อว่ามีความพร้อมมากที่สุดสำหรับการจัดการเลือกตั้ง

แต่ภาพที่ปรากฏกลับไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลคาดหวัง รายงานจากหลายสำนักข่าวระบุสอดคล้องกันว่า บรรยากาศการเลือกตั้งเงียบกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในแง่จำนวนผู้มาใช้สิทธิและความคึกคักของคูหาเลือกตั้ง

ในเมืองใหญ่อย่างย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของความตื่นตัวทางการเมือง หน่วยเลือกตั้งจำนวนมากขาดบรรยากาศคึกคักแบบการเลือกตั้งปี 2558 และ 2563 บางแห่งแทบไม่มีผู้มาใช้สิทธิ ขณะที่เจ้าหน้าที่บางรายยอมรับว่า จำนวนผู้มาใช้สิทธิในเฟสแรกน้อยกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนอย่างชัดเจน

ภาพจากเฟสแรกจึงถูกใช้เป็นข้อมูลตั้งต้นในการประเมินทิศทางของการเลือกตั้งทั้งกระบวนการ ซึ่งยังเหลือการลงคะแนนอีกสองเฟสในช่วงเดือนมกราคม

[ทำไมต้องแบ่งเฟส การเลือกตั้งเมียนมาจะจบเมื่อไหร่]

การเลือกตั้งทั่วไปของเมียนมาในครั้งนี้ ไม่ได้จัดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ แต่ถูกกำหนดให้แบ่งการลงคะแนนออกเป็น 3 เฟส โดยเฟสแรกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2568 ขณะที่อีกสองเฟสจะจัดขึ้นในวันที่ 11 มกราคม และ 25 มกราคม 2569

การแบ่งการเลือกตั้งออกเป็นหลายเฟส เกิดจากข้อจำกัดด้านการควบคุมพื้นที่และสถานการณ์ความมั่นคง โดยเมียนมามีทั้งหมด 330 เขตการปกครอง แต่การเลือกตั้งครั้งนี้สามารถจัดขึ้นได้เพียง 265 เขต ขณะที่อย่างน้อย 65 เขตถูกยกเลิกการลงคะแนนไปทั้งหมด เนื่องจากยังมีการสู้รบระหว่างกองทัพกับกลุ่มต่อต้านติดอาวุธและกองกำลังชาติพันธุ์ในหลายภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการประกาศกำหนดวันนับคะแนนและวันประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ โดยคาดว่าผลจะทยอยสรุปหลังการลงคะแนนในเฟสสุดท้ายเสร็จสิ้น

[นานาชาติมองการเลือกตั้งเฟสแรกอย่างไร]

การเลือกตั้งเฟสแรกของเมียนมาเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องจากประชาคมระหว่างประเทศ โดยองค์การสหประชาชาติ ชาติตะวันตกบางประเทศ และกลุ่มสิทธิมนุษยชน ระบุสอดคล้องกันว่า กระบวนการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เสรี ไม่เป็นธรรม และขาดความน่าเชื่อถือ

หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือ การที่พรรคการเมืองซึ่งต่อต้านกองทัพไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน ขณะที่การวิพากษ์วิจารณ์การเลือกตั้งถูกกำหนดให้เป็นสิ่งผิดกฎหมาย นอกจากนี้ นางอองซาน ซูจี อดีตผู้นำรัฐบาลพลเรือนซึ่งถูกโค่นอำนาจจากการรัฐประหารในปี 2564 ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ และพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของเธอก็ถูกสั่งยุบไปแล้ว

.

ทอม แอนดรูว์ส ผู้รายงานพิเศษของสหประชาชาติด้านสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเมียนมา ระบุว่า การเลือกตั้งที่จัดขึ้นท่ามกลางสงคราม การโจมตีพลเรือน และการคุมขังนักการเมือง ไม่ใช่หนทางออกจากวิกฤตของประเทศ พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมโลกไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งที่จัดโดยรัฐบาลทหาร

ขณะที่รัฐบาลทหารเมียนมายืนยันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญสู่เสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ และเป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตามแผน แม้จะยอมรับว่ามีเสียงวิจารณ์จากนานาชาติก็ตาม

[สื่อชี้ คนมาลงคะแนนเพราะกลัว ไม่ใช่ความหวัง]

The New York Times รายงานเสียงสะท้อนจากประชาชนบางส่วนที่ออกมาใช้สิทธิในเฟสแรก โดยระบุว่า การตัดสินใจไปเลือกตั้งไม่ได้เกิดจากความคาดหวังต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หากแต่เป็นการหลีกเลี่ยงปัญหาหรือผลกระทบที่อาจตามมา

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งรายหนึ่งในเมืองมัณฑะเลย์ระบุว่า เขาไม่เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่ยังไปลงคะแนนเพราะไม่ต้องการมีปัญหา พร้อมกล่าวว่า “หลายคนที่นี่มาเลือกตั้งเพราะความกลัว ไม่ใช่ความหวัง”

รายงานยังระบุว่า ประชาชนบางส่วนไปใช้สิทธิเพราะได้รับแจ้งจากที่ทำงานว่าการเข้าร่วมจะถูกตรวจสอบ ขณะที่บางคนยอมรับว่า แม้ไม่ต้องการไปเลือกตั้ง แต่ก็ไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระในสถานการณ์ปัจจุบัน

ในขณะเดียวกัน มีประชาชนอีกจำนวนหนึ่งเลือกไม่เข้าร่วมกระบวนการเลือกตั้ง โดยให้เหตุผลว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่สะท้อนเจตจำนงของประชาชน และไม่ใช่กระบวนการที่ตนยอมรับได้

[เลือกตั้งเดินหน้า ท่ามกลางสงครามที่ยังไม่จบ]

แม้กระบวนการเลือกตั้งจะเดินหน้าต่อไปตามกำหนดการ แต่สถานการณ์ความขัดแย้งในเมียนมายังคงดำเนินอยู่ต่อเนื่อง นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2564 การสู้รบระหว่างกองทัพกับกลุ่มต่อต้านติดอาวุธและกองกำลังชาติพันธุ์ยังเกิดขึ้นในหลายภูมิภาค ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากต้องพลัดถิ่น และทำให้พื้นที่หลายแห่งไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ตั้งแต่ต้น

ท่ามกลางบริบทดังกล่าว การเลือกตั้งที่เดินหน้าควบคู่กับสงครามและข้อจำกัดด้านเสรีภาพทางการเมือง จึงถูกตั้งคำถามจากหลายฝ่ายว่า เป็นกระบวนการที่เปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมจริงเพียงใด

และเมื่อแม้แต่พื้นที่ที่รัฐเชื่อว่าควบคุมได้ กลับสะท้อนภาพคูหาเลือกตั้งที่เงียบผิดปกติ สัญญาณจากเฟสแรกจึงชี้ให้เห็นว่า ความท้าทายของการเลือกตั้งครั้งนี้ อาจไม่ได้อยู่ที่จำนวนเฟสที่เหลืออยู่ หากแต่อยู่ที่ความเชื่อมั่นของประชาชนตั้งแต่จุดเริ่มต้น

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...