โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

อาชญากรรม

ตำรวจสอบสวนกลาง รวบบัญชีม้า พัวพันเครือข่ายสแกมเมอร์ 18 คดี ความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท

MATICHON ONLINE

อัพเดต 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 11 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ตำรวจสอบสวนกลาง รวบบัญชีม้า พัวพันเครือข่ายสแกมเมอร์ 18 คดี ความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์, พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ ผบก.ป., พ.ต.อ.ชัยวุฒิ เกียรติก้องกำจาย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4 บก.ป., พ.ต.ท.เจษฏา แก้วจาเครือ, พ.ต.ท.เอนก บุญตา, พ.ต.ท.อรรถวิทย์ สุขทัศน์, พ.ต.ท.ชนะ ขำทอง, พ.ต.ท.กิตติพงษ์ ศิลาพันธุ์ รอง ผกก.4 บก.ป., ว่าที่ พ.ต.ต.นุกูล ใจอารี สว.กก.4 บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.นุกูล ใจอารี สว.กก.4 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายกฤษณะ อายุ 20 ปี ตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ที่ 71/2568 ลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 “ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และร่วมกันฉ้อโกง” สถานที่จับกุม บริเวณหน้าแคมป์ก่อสร้างริมถนน หมู่ 2 ต.หันสัง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา

โดยคดีที่ 1 สน.บางรัก : ผู้แจ้งถูกคนร้ายทักมาในแอพพลิเคชั่นไลน์ หลอกลงทุน Free market เมื่อผู้แจ้งโอนเงินให้คนร้าย 5,000 บาท คนร้ายได้โอนเงินคืนให้ผู้แจ้งจำนวน 5,565 บาท ผู้แจ้งเชื่อว่าการลงทุนได้ผลตอบแทนจริงจึงโอนเงินให้คนร้ายจำนวน 35,000 บาท ต่อมาคนร้ายได้บอกว่าให้โอนเงินเพิ่มเนื่องจากยอดไม่พอหากไม่โอนเพิ่มจะไม่ได้เงินคืน ทำให้ผู้แจ้งทราบว่าถูกแก๊งสแกมเมอร์หลอกลวง

คดีที่ 2 สอท.2 : ผู้แจ้งสนใจลงทุนทองคำ ต่อมาได้เจอกับเพจเฟซบุ๊ก ผู้แจ้งจึงติดต่อไป จากนั้นถูกคนร้ายหลอกให้ทำการลงทุนเหรียญดิจิทัล USDT ผ่านเว็บไซต์ “tidex-otc.com” ผู้แจ้งหลงเชื่อจึงโอนเงินไปให้คนร้ายรวมจำนวน 21,520,000 บาท หลังจากที่ผู้กล่าวหาโอนเงินไปลงทุนก็ไม่ได้รับผลตอบแทนกลับคืนมา และไม่สามารถถอน เงินออกจากระบบได้ ผู้กล่าวหาจึงเชื่อว่าถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ

คดีที่ 3 สภ.แม่ริม ภ.จว.เชียงใหม่ : ผู้แจ้งได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับคนร้ายโดยถูกหลอกให้โอนเงินจำนวน 2,781,000 บาท

คดีที่ 4 สภ.ท่าม่วง ภ.จว.กาญจนบุรี : คนร้ายได้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กติดต่อมายังผู้แจ้งพูดคุยเรื่องทั่วไป ต่อมาผู้แจ้งถูกคนร้ายหลอกลวงลงทุนขายเสื้อผ้า โดยคนร้ายอ้างว่าเป็นเว็บขายสินค้า ในช่วงแรกผู้แจ้งโอนเงินไปลงทุนแล้วได้เงินกลับคืนมา จึงเชื่อว่าลงทุนแล้วได้กำไรจริง ต่อมาผู้แจ้งโอนเงินไปให้คนร้ายรวม 14 ครั้ง เป็นเงิน 264,101.31 บาท และท้ายที่สุดก็ไม่ได้เงินคืน ผู้เสียหาย จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นมิจฉาชีพหลอกให้ผู้เสียหายทำธุรกิจร่วมลงทุน

จากการตรวจสอบในฐานระบบแจ้งความออนไลน์ พบบัญชีธนาคารของ นายกฤษณะ ใช้สำหรับเป็นบัญชีม้ารับเงินจากผู้เสียหายจำนวน 18 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งว่า นายกฤษณะ อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ที่ 71/2568 ลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และร่วมกันฉ้อโกง” ได้มาพักอาศัยอยู่ที่แคมป์ก่อสร้างริมถนน หมู่ 2 ต.หันสัง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เดินทางมาตรวจสอบ พบว่านายกฤษณะ อยู่บริเวณหน้าแคมป์ก่อสร้างริมถนน หมู่ 2 ต.หันสัง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าแสดงตนแสดงความบริสุทธิ์ใจจนเป็นที่พอใจแล้ว จึงได้แสดงหมายจับให้นายกฤษณะดูและให้อ่านเองจนเป็นที่เข้าใจดีแล้ว รับว่าตนเองเป็นบุคคลคนเดียวกันตามหมายจับของศาลนี้จริงและยังไม่เคยถูกจับกุมดำเนินคดีตามหมายจับนี้มาก่อน นายกฤษณะ รับทราบสิทธิและข้อกล่าวหาดีแล้ว รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับนี้จริงและขอให้การยอมรับตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวมาทำบันทึกจับกุมที่สถานีตำรวจภูธรบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลบางรัก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จากการตรวจสอบพบว่ามีหมายจับที่ต้องการตัวเพิ่ม 3 หมายจับ

สอบถามผู้ต้องหาเบื้องต้นให้การยอมรับตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าตนโดนหลอกไปทำงานที่ประเทศเพื่อนบ้าน จากนั้นถูกบังคับให้เปิดบัญชีธนาคาร 6-7 บัญชี เพื่อใช้ในเครือข่ายสแกมเมอร์ เนื่องจากตนเห็นคนที่ไปทำงานด้วยถูกทำร้ายทรมานทำให้เกิดความกลัว จึงเปิดบัญชีธนาคารให้คนร้ายสแกมเมอร์ใช้รับเงินในการหลอกผู้เสียหาย

เตือนภัย การเปิดบัญชีธนาคารโดยเอาไปให้คนอื่นใช้ โทษของเจ้าของบัญชี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ที่เป็นธุระจัดหา โฆษณา เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ตำรวจสอบสวนกลาง รวบบัญชีม้า พัวพันเครือข่ายสแกมเมอร์ 18 คดี ความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...