โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

สงกรานต์แบบใหม่ แบบผับ สมรภูมิสงครามเสียงในเขตเมือง

มติชนสุดสัปดาห์

อัพเดต 30 เม.ย. เวลา 11.09 น. • เผยแพร่ 30 เม.ย. เวลา 02.06 น.

CityZense | ภิญญพันธุ์ พจนะลาวัณย์

สงกรานต์แบบใหม่ แบบผับ

สมรภูมิสงครามเสียงในเขตเมือง

1. สำหรับคนกรุงเทพฯ อาจรู้สึกตกใจกับข่าวที่ชาวจีนเช่ารถบรรทุกน้ำฉีดเล่นสงกรานต์แถบ RCA กลางกรุงเทพฯ จนรู้สึกว่านั่นอาจเป็นการเล่นสงกรานต์ที่แปลกปลอม ทั้งยังสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวกรุง ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะว่า สงกรานต์ที่พวกเขารู้จักกันนั้น มันคือการเดินเล่นน้ำกันในที่ปิดอย่างถนนข้าวสารและสีลมที่เริ่มเป็นกิจกรรมหลักที่รู้จักกันดี

แต่ในต่างจังหวัด การเล่นน้ำตามท้องถนนเป็นการเล่นน้ำตามมีตามเกิดที่พวกเขาคุ้นเคยกันมาไม่ต่ำกว่า 60 ปี ดังเห็นได้จากภาพเก่า คลิปเก่าที่มีคนเล่นน้ำ สาดน้ำกันใส่คนบนรถ

อย่างไรก็ตาม การเล่นน้ำเช่นนี้อาจจะเหมาะกับเมืองที่ยังไม่ขยายตัวซับซ้อนมากนัก

เทศกาลสงกรานต์แบบนั้นจึงยอมรับกันกลายๆ ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถือสาหาความกันนัก หากจะรดน้ำผิดพลาดหรือรุนแรงไปบ้าง

แม้การเล่นน้ำสงกรานต์ของคนกรุงเทพฯ เคยเป็นสิ่งแปลกตาสำหรับคนต่างจังหวัดอยู่บ้าง แต่การเล่นน้ำสงกรานต์ในพื้นที่ปิดล้อมแบบคนกรุงก็เริ่มส่งอิทธิพลต่อการเล่นน้ำในต่างจังหวัดไปด้วย

เช่นที่เราเห็นการเกิดขึ้นของถนนชื่อที่ล้อไปกับถนนข้าวสารและตามมาด้วยการเล่นน้ำสงกรานต์ เช่น ถนนข้าวเหนียว ถนนข้าวปุ้น ถนนข้าวจี่ ถนนข้าวหอมมะลิ ถนนข้าวหลาม ถนนข้าวยำ ถนนข้าวแต๋น หรือตระกูลข้าวต่างๆ ที่เกิดขึ้นพร้อมกับการเล่นน้ำบนถนนที่ปิดไว้

อาจเป็นไปได้ว่า การปรับเปลี่ยนสงกรานต์มาพร้อมกับการทำให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง 2540 เพื่อหารายได้เข้าประเทศ งานชื่อ “เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์” เมื่อปี 2545 เป็นธีมหนึ่งในแคมเปญ “เที่ยวทั่วไทย ไปได้ทุกเดือน”

รุ่นของผู้คน กาลเวลา และการกระตุ้นของเทศกาลเหล่านี้จึงได้ทำให้การเล่นน้ำสงกรานต์ ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของคนและพื้นที่ในห้วงเวลาพิเศษให้แตกต่างไปจากเดิมมากขึ้นเรื่อยๆ

เราเคยได้ยินผู้ใหญ่บ่นเรื่องสงกรานต์มาหลายสิบปีว่า ทำผิดแผกจากขนบธรรมเนียมอันดีงาม ตั้งแต่การเล่นน้ำด้วยความรุนแรง การแต่งตัวที่ไม่เหมาะสม โดยความคิดที่มองว่าเทศกาลประเพณีเป็นสิ่งที่ควรถูกแช่แข็งเอาไว้ แต่นั่นก็ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้คนในวงกว้างมากนัก

เมื่อสงกรานต์ถูกทำให้เป็นเทศกาลเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว สิ่งหนึ่งที่ตามมาพร้อมกันก็คือ การทำให้พื้นที่เล่นน้ำกลายเป็นสินค้า พื้นที่ริมทางเริ่มจากการขายของกินเล็กๆ น้อยๆ หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเล่นน้ำ เหล้าเบียร์ที่เป็นสินค้าควบคุมก็อาจจะเนียนๆ ขายไปเพราะเป็นช่วงเทศกาล ต่อมาเมื่อมีมูลค่าสูงขึ้น พื้นที่เล่นน้ำเขตเมืองต่างๆ ถูกจับจองและเช่ากันอย่างจริงจัง บางทำเลที่ดีราคาค่าเช่าอาจถึงหลักหมื่น

การที่พื้นที่ถูกเช่าเพื่อเล่นน้ำ ย่อมหมายถึง การแปลงพื้นที่ดังกล่าวให้เปลี่ยนไปจากเดิม จากที่คนเล่นน้ำคือ สมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนของสมาชิกในครอบครัว มันได้กลายเป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่าซึ่งไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบมากนัก เครื่องเสียงก็เปลี่ยนจากเครื่องเสียงขนาดเล็กเป็นเครื่องเสียงขนาดใหญ่ บางแห่งถึงกับเช่าชุดเครื่องเสียงขนาดยักษ์มาเลย

ไม่กี่ปีหลังมานี้ พื้นที่ริมถนนสายสำคัญถูกเช่าเพื่อจัดตั้งเป็นเวทีคอนเสิร์ตอย่างเต็มรูปแบบ หรือมากกว่านั้นคือ การปิดถนนติดตั้งเวทีคอนเสิร์ตไว้กลางถนนหรือกลางสี่แยกกันเลย ปรากฏการณ์นี้น่าจะเป็นจุดสูงสุดของการใช้พื้นที่ในเทศกาลสงกรานต์

2. ปัญหามลภาวะทางเสียง เกิดขึ้นอยู่อย่างเนืองๆ ในสังคมไทยที่ไม่แยกแยะระหว่างความเป็นส่วนตัวกับพื้นที่สาธารณะ เราจึงมักละเลยความอ่อนไหวในการใช้เสียงในพื้นที่สาธารณะซึ่งมันส่งผลกระทบผู้อื่นอยู่เสมอ

ข่าวการสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้เพื่อนบ้านในระดับพื้นที่ขนาดเล็ก การขับขี่ยวดยานพาหนะเสียงดังรบกวน ไปจนสู่ปัญหาเสียงที่ส่งผลกระทบในระดับชุมชนจากโรงงาน อู่รถ และอื่นๆ เช่นเดียวกับข่าวข้อพิพาทจากการเล่นคอนเสิร์ตกลางแจ้งที่ขยายวงกว้างไปอย่างมากทั้งงานในวัดและนอกวัด

การตระหนักถึงปัญหามลภาวะทางเสียง เห็นได้จากกฎหมายที่เป็นปัญหาเมื่อ 20-30 ปีที่แล้วอย่างพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 ในฐานะมลพิษทางเสียง ค่าระดับเสียงรบกวน ในประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2540) ได้กำหนดอย่างเป็นรูปธรรมว่า สูงสุดไม่ให้เกิน 115 เดซิเบลเอ หรือค่าระดับเสียงเฉลี่ย 24 ชั่วโมงไม่เกิน 70 เดซิเบลเอ

ยังพบในพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 มาตรา 26-28 กรณี “ก่อเหตุรำคาญ” จากมาตรา 25 “(4) การกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้เกิดกลิ่น แสง รังสี เสียง…จนเป็นเหตุให้เสื่อมหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ”

กว่าสี่สิบปีมาแล้ว สังคมไทยรู้จักเครื่องเสียงสเตอริโอในฐานะของใช้ฟุ่มเฟือยเป็นสินค้าจากนอกที่แสดงฐานะของผู้บริโภค ขณะเดียวกัน เสียงก็เริ่มกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้น พัฒนาการของเสียงยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีเครื่องเล่นที่เปลี่ยนแปลงจากวิทยุเทปที่เล่นตามเทปคาสเส็ต ไปสู่เครื่องเล่นซีดี

แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อจำกัดว่าเทปและซีดีนั้น บรรจุเพลงได้ตลับหรือแผ่นละ 1 อัลบั้ม จนการเข้ามาถึงของ mp3 ที่ซีดีแผ่นเดียวสามารถเก็บเพลงได้อย่างมหาศาล จนพัฒนาการมาสู่การเล่นจากแฟลชไดรฟ์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อันจิ๋ว ทำให้เพลงเป็นพันเป็นหมื่นสามารถถูกโหลดและเล่นได้อย่างแทบไร้ข้อจำกัด

ในเวลาต่อมา เครื่องเสียงที่เล่น mp3 ได้ก็ถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย จากเดิมที่ราคาสูงก็ลดมาในระดับหลักพัน หรือกระทั่งหลักร้อยถ้าหากหาซื้อทางออนไลน์

เมื่อการเข้าถึงมันง่ายดายขนาดนั้น การมีเครื่องเสียงประจำบ้านก็จึงเป็นเรื่องปกติที่ถูกใช้ในงานเทศกาลต่างๆ

ยิ่งเมื่อผสมผสานกับวัฒนธรรมการร้องเพลงคาราโอเกะที่แพร่หลายมาก่อนหน้านั้น เครื่องเสียงเหล่านี้จึงตอบโจทย์ความบันเทิงระดับครัวเรือนได้เป็นอย่างดี

ไม่ใช่ว่าในอดีตจะไม่มีเสียงรบกวนเลย เทศกาลประเพณีต่างๆ ก็มีการใช้เสียงอยู่ เช่น งานบวช งานวัด หนังกลางแปลง คอนเสิร์ตขนาดย่อมต่างๆ ที่เริ่มมีนวัตกรรมลำโพงที่ขยายเสียงให้ดังเป็นพิเศษเกิดขึ้น

แต่การใช้ลำโพงเพื่อขยายเสียงเพื่อใช้จัดในงานสงกรานต์นั้นอาจจะมีเฉพาะกับหน่วยงานรัฐ

3. ทุกวันนี้ เทศกาลสงกรานต์ในพื้นที่ต่างๆ เต็มไปด้วยการใช้เสียงที่หลากหลายแบบที่เรียกว่า แทบจะไร้การควบคุม ความเปลี่ยนแปลงประการหนึ่งที่น่าสังเกต คือ การเคลื่อนของเวลาเล่นน้ำจากช่วงสาย-ช่วงเย็น มาสู่ช่วงบ่ายแล้วลากยาวไปถึงยามค่ำคืน

แต่เดิมการเล่นน้ำเพื่อคลายร้อนก็จะสัมพันธ์กับอุณหภูมิอย่างตรงไปตรงมา ฤดูร้อนที่อุณหภูมิอาจแตะถึง 40 องศาเซลเซียส การใช้เสียงที่ดังในระดับหนึ่งก็ยังอาจจะพอยอมรับกันได้

อย่างไรก็ตาม เวลาเล่นน้ำเริ่มจะขยับออกไปดังที่กล่าวมา คือ ล่วงสู่เวลาพักผ่อนของผู้คน การดื่มกิน เต้นตามจังหวะเพลง และอื่นๆ อย่างสุดเหวี่ยง ไม่ต่างจากการเปลี่ยนท้องถนนให้เป็นผับ เสียแต่ว่า มันคือ พื้นที่สาธารณะของทุกคน

ปีนี้บางแห่งที่ปิดถนนจัดงานสงกรานต์ประกาศชัดเจนว่า เลิกงานเวลาเที่ยงคืน เช่นที่ แยกรินคำ เชียงใหม่, ถ.เจริญเมือง อ.เมือง จ.แพร่ เป็นต้น

หรือบางแห่งไม่ได้เป็นพื้นที่เล่นน้ำที่มีการควบคุมอย่างจริงจัง คนก็เล่นน้ำกันบนถนนสายหลักไปจนถึงเที่ยงคืน เช่น บริเวณ ถ.ทิพย์ช้าง อ.เมือง จ.ลำปาง เฉพาะการเล่นน้ำไม่สร้างความเดือดร้อนให้ชุมชนเท่ากับมลภาวะจากเครื่องเสียง บ้างเป็นเสียงจากลำโพงหน้าตึกแถวที่เช่า บ้างก็เป็นเสียงจากลำโพงลูกใหญ่ที่ติดตั้งหลังรถกระบะที่มาเล่นน้ำ

คาดว่าอีกหลายแห่งที่ผู้คนต้องใช้ชีวิตในวันหยุดเผชิญหน้ากับมลภาวะทางเสียงเช่นนี้ การใช้เสียงจนถึงเวลาเที่ยงคืน อาจเป็นเรื่องปกติ หากจัดในพื้นที่ปิด แต่หากเป็นที่เปิด ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาดังกล่าวคงไม่พ้นผู้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านและชุมชนละแวกดังกล่าว

ภาวะจำทนจากสมรภูมิสงครามเสียงในช่วงสงกรานต์ คงไม่ใช่เรื่องปกติ บางคนอาจคิดว่า แค่เทศกาลวันสองวัน ทำไมต้องซีเรียสจริงจังด้วย ต้องเข้าใจว่า สำหรับบางคนแล้ว การย้ายหนีเสียงในวันสองวันนั้นอาจเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเขา ทำไมพวกเขาจำต้องอดทนให้เป็นพื้นที่ระบายและปลดเปลื้องความทุกข์ของคนอื่นอยู่เช่นนั้นเล่า

นี่คือเหตุผลหนึ่งว่า ทำไมเราต้องคิดกันให้ดี เรื่องเกี่ยวกับการควบคุมการใช้เสียงในที่สาธารณะที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนในวงกว้าง ไม่ได้บอกว่า เราต้องยกเลิกงานเทศกาล แต่เราสามารถออกแบบเมืองที่จัดการเรื่องเสียงได้ และยังคงความสนุกสนานเช่นนั้นไปพร้อมๆ กันได้ด้วย ซึ่งมันต้องอาศัยพลังอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นนโยบายระดับชาติ การเมืองท้องถิ่น ประชาสังคมและชุมชน

และสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเสกขึ้นได้เองโดยใครหน้าไหน

https://twitter.com/matichonweekly/status/1552197630306177024

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : สงกรานต์แบบใหม่ แบบผับ สมรภูมิสงครามเสียงในเขตเมือง

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichonweekly.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...