โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

เปิด 11 บทเรียนวิชาเพศศึกษาจากซีรี่ส์ Netflix Sex Education

TODAY

อัพเดต 24 ม.ค. 2563 เวลา 12.01 น. • เผยแพร่ 24 ม.ค. 2563 เวลา 11.46 น. • Workpoint News

ถอดบทเรียนจากซีรีส์ Sex Education เรื่องความรักและความใคร่ที่คุณอาจหาไม่ได้จากห้องเรียน

  • คำเตือน: บทความนี้มีสปอยล์ Sex Education ซีซั่น 2 ที่เริ่มฉายไปเมื่อ 17 มกราคมที่ผ่านมาบน Netflix
  • ซีซั่นนี้มีเรื่องราวของความสัมพันธ์ใหม่ๆ และการกลับมาของตัวละครที่หลายคนคุ้นเคย ไปจนถึงสีสันอย่างการระบาดของโรคหนองในเทียมในโรงเรียน
  • แน่นอนว่าซีรีส์เรื่องนี้มีบทเรียนเกี่ยวกับความสัมพันธ์และเพศสัมพันธ์ให้เรียนรู้มากมาย (แม้ว่าคุณจะไม่ใช่วัยรุ่นเหมือนตัวละครในเรื่องแล้วก็ตาม)
  • ทั้งโอทิสและเจน แม่ของเขาที่เป็นนักเซ็กส์บำบัด ให้แง่คิดเกี่ยวกับเซ็กส์ที่น่าสนใจไว้มากมายสำหรับคนดูทุกช่วงวัย
  • ต่อไปนี้เป็น 11 บทเรียนที่ดีที่สุดจาก Sex Education ซีซั่น 2 บวกกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านเซ็กส์และความสัมพันธ์ ที่คุณสามารถเอาไปประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
  • บทความนี้แปลจากงานของ ลินด์เซย์ ดอดจ์สัน จาก Insider

 

1. ความจริงเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

Sex Education (Netflix)

ตอนแรกสุดของซีซั่นนี้เริ่มต้นด้วยความโกลาหลที่โรงเรียนมัธยมมัวร์เดล หลังนักเรียนหลายคนพากันตื่นตระหนกนึกว่ากำลังมีโรคหนองในเทียมระบาดในโรงเรียน โดยนักเรียนคนหนึ่งชื่อไซมอนถึงกับพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสด้วยการขายหน้ากากอนามัยให้เพื่อนๆ โดยอ้างว่าจะช่วยป้องกันโรคดังกล่าวได้

“โรคหนองในเทียมไม่ได้ติดต่อผ่านทางอากาศซะหน่อย” โอทิสยืนยัน “ต้องมีเซ็กส์กับคนที่เป็นโรค ถึงจะติด”

เว็บไซต์ด้านสุขภาพ Healthline ที่ระบุว่า “การมีเซ็กส์โดยไม่สวมถุงยางและการใช้ปากแบบไม่ป้องกันเป็นสาเหตุหลักของการติดโรคหนองในเทียม ซึ่งรวมไปถึงการมีเซ็กส์ผ่านประตูหลัง และเซ็กส์ที่ไม่มีการสอดใส่อย่างการถูอวัยวะเพศกันก็มีสิทธิจะได้รับเชื้อได้เช่นกัน”

เรื่องราวในตอนที่ 1 ยังให้ข้อคิดด้วยว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าอายถ้าสุดท้ายคุณเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ขึ้นมา ตราบใดที่คุณเข้ารับการรักษาอย่างทันท้วงที คุณแค่จำเป็นต้องบอกคู่ของคุณอย่างเปิดเผย เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้เตรียมตัวป้องกันได้อย่างเหมาะสมก่อนจะมีอะไรกัน

 

2. เหตุผลที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่านเมื่อทำกิจกรรมทางเพศ

Sex Education (Netflix)

ซีซั่น 2 เล่าเรื่องต่อจากซีซั่น 1 ที่โอทิสค้นพบว่าตัวเองเป็นคนหลงไหลในการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง เขารักการช่วยตัวเองมากและถูกกระตุ้นอารมณ์ได้ง่าย ตั้งแต่การขี่จักรยานธรรมดาๆ ไปจนถึงการถูกต่อย ล้วนแล้วแต่ทำให้น้องชายเขาแข็งขึ้นมาได้ดื้อๆ 

เมื่อวัยรุ่นถึงวัยที่มีพัฒนาการทางเพศ ร่างกายจะเต็มไปด้วยฮอร์โมนมากมายหลากหลายชนิด ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกสับสนและจัดการกับมันไม่ถูกเป็นธรรมดา ยกตัวอย่างเช่นฉากที่โอทิสห้ามใจไม่ได้และต้องช่วยตัวเองในรถของแม่

ศูนย์จิตวิทยาวัยรุ่น Newport Academy เปิดเผยว่า “ฮอร์โมนวัยรุ่นส่งผลกระทบถึงอารมณ์ ความรู้สึก แรงกระตุ้น และร่างกายของพวกเขา อารมณ์ที่แปรปรวนในวัยรุ่นมีสาเหตุมาจากความผันผวนของระดับฮอร์โมนเพศ ได้แก่ เอสโทรเจน โพรเจสเทอโรน และเทสโทสเทอโรน”

“ฮอร์โมนเพศเหล่านี้ส่งผลไปถึงกระบวยการคิดในการคบหาและการมีเซ็กส์ วัยรุ่นหันมาสนใจเซ็กส์มากขึ้น หลายคนอาจถึงขั้นคลั่งไคล้เซ็กส์เลยก็มีเมื่อฮอร์โมนเพศถูกปล่อยอย่างเต็มที่”

บางครั้งอารมณ์ทางเพศอาจทำให้คุณอึดอัดที่ไม่สามารถควบคุมความคิดและร่างกายของตัวเองได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้วัยรุ่นหลายคนคิดไปเองว่าตัวเองแปลกแยกจากคนอื่น ผิดเพี้ยน ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ

“จริงๆ แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่วัยรุ่นต้องประสบพบเจอมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของพัฒนาการมนุษย์” Newport Academy ยืนยัน

 

3. การบอกคู่นอนว่าคุณชอบมีเซ็กส์แบบไหน

Sex Education (Netflix)

ในตอนที่ 2 โอทิสกังวลที่จะมีเซ็กส์กับโอลา เพราะไม่มั่นใจในความด้อยประสบการณ์ทางเพศของตัวเอง เขาเลยกูเกิลหาวิธี “ใช้นิ้ว” โดยค้นพบเทคนิคที่ชื่อว่า “The Clock” โดยหลังจากที่เชาลองใช้เทคนิคนี้กับโอลา เขาภูมิใจมากเพราะเชื่อว่าโอลาชอบ แต่ก็มาค้นพบทีหลังว่าความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น

ตอนจบของตอนนี้ โอทิสยอมรับกับโอลาตรงๆ ว่าเขาแทบไม่รู้เรื่องเซ็กส์เลยและก็ใช้นิ้วได้แย่มาก โอลาจึงขอบคุณที่บอกความจริงพร้อมตอบกลับว่า “เดี๋ยวฉันจะทำให้ดูเองว่าฉันชอบแบบไหน”

“การบอกความชอบและความต้องการของคุณอย่างซื่อสัตย์และเปิดเผยเป็นกุญแจสำคัญของความสัมพันธ์ที่ดีและยืนยาว ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเรื่องอื่นๆ ในชีวิตด้วย” รีเบกกา ล็อกวูด ผู้เชี่ยวชาญด้านเซ็กส์และความสัมพันธ์กล่าว

เธอแนะนำว่าควรเริ่มบทสนทนาด้วยการถามอีกฝ่ายว่าชอบแบบไหนและต้องการอะไรบ้าง ซึ่งนอกจากจะทำให้คุณเข้าใจกันและกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าได้รับความสำคัญและเป็นที่ต้องการมากขึ้นด้วย

เจนน์ แมนน์ นักเขียนด้านความสัมพันธ์ ก็บอกเช่นกันว่าการเสริมแรงทางบวก (Positive Reinforcement) เป็นเครื่องมือสำคัญในการบอกกับคู่ของคุณว่าคุณชอบอะไรบ้าง เช่น คุณสามารถใช้มือของคุณโชว์ระดับความแรง ความเร็ว และจังหวะที่คุณชอบที่สุดขณะมีเซ็กส์ให้อีกฝ่ายดูได้

ตามปกติแล้ว การแลกเปลี่ยนความเห็นหลังจากมีเซ็กส์จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องบอกกันขณะกำลังมีเซ็กส์เดี๋ยวนั้นเลย ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าให้สื่อสารแบบสั้นๆ ตรงๆ เช่น “แรงขึ้น” “สูงอีกนิด” “เบาๆ หน่อย” “ซ้ายอีก” “วนเป็นวงกลม” “อย่าหยุด” เป็นต้น

 

4. การลองอะไรแปลกใหม่กับคู่ของคุณ

Sex Education (Netflix)

ไม่ใช่แค่วัยรุ่นที่มีปัญหากับการสื่อสารกับคู่รักหรือคู่นอน อย่างเช่นคู่ของครูเฮนดริกส์กับครูแซนด์ส ที่แม้ว่าความรักกำลังเบ่งบาน แต่ทั้งคู่กลับเจอปัญหาเกี่ยวกับเรื่องบนเตียง ครูแซนด์สเปิดใจกับครูเฮนดริกส์ว่าเธอชอบการพูดจาทะลึ่ง (dirty talk) ระหว่างมีเซ็กส์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ครูเฮนดริกส์ไม่เก่งเท่าไร มีฉากหนึ่งที่เขาพยายามพูดทะลึ่งตามโพยที่จดใส่มือมาว่า “ผมจะทำให้คุณแฉะเหมือนกับถุงน้ำคร่ำของคุณแตกเลยล่ะ” ซึ่งทำเอาครูแซนด์สถึงกับงงไปเลย

หลังจากที่ครูเฮนดริกส์ได้พูดคุยกับโอทิส โอทิสแนะนำว่าเขาต้องเปิดใจรับฟังฝ่ายหญิงมากขึ้น ครูเฮนดริกส์จึงตัดสินใจถามครูแซนด์สตรงๆ ว่าทำไมเธอถึงชอบการพูดจาทะลึ่ง

“ฉันรู้สึกเหมือนครูเฉิ่มๆ มาทั้งวัน เพราะงั้นพอถึงบ้าน ฉันเลยอยากจะหลุดพ้นจากตัวตนนั้นและรู้สึกเซ็กซี่ขึ้นมาบ้าง” เธอตอบ จุดนี้เองที่ทำให้ครูเฮนดริกส์เข้าใจว่าคำที่เขาเลือกใช้ไม่สำคัญเท่ากับการปฏิบัติที่จะทำให้เธอรู้สึกเซ็กซี่ขึ้นได้จริงๆ

เดชารา พาเรียก นักให้คำปรึกษาจาก Counselling Directory ระบุว่าการสื่อสาร ความไว้เนื้อเชื่อใจ และการเคารพซึ่งกันและกันเป็นปัจจัยที่สำคัญมากต่อการเปิดรับอะไรใหม่ๆ

“รับฟังคู่ของคุณ พยายามหาทางเดินไปข้างหน้าผ่านการตัดสินใจร่วมกัน คุณจะพบว่ามันเป็นวิธีที่ทำให้เรื่องเซ็กส์ของคุณพัฒนาขึ้นมาก เป็นการเติมแต่งสีสันด้วยความตื่นเต้นและความหลงไหลในสิ่งใหม่ๆ”

 

5. เป็นเรื่องปกติที่คุณจะรู้สึกระแวงเวลามีเซ็กส์

Sex Education (Netflix)

โอลิเวียมีปัญหาด้านการเป็นตัวของตัวเองในตอนที่ 3 เธอเอาหมอนปิดหน้ามาเลค แฟนหนุ่มของเธอ ทุกครั้งที่เธอถึงจุดสุดยอด จนมาเลคไม่พอใจและเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเจน มิลเบิร์น นักเซ็กส์บำบัดและแม่ของโอทิส ซึ่งเธอวิเคราะห์ว่าโอลิเวียอาจมีเฟทิชบางอย่าง แต่ความจริงไม่ใช่เลย โอลิเวียมาเปิดใจตอนหลังว่าเธอแค่ไม่ชอบใบหน้าตัวเองเวลาถึงจุดสุดยอดเท่านั้น

“หน้าฉันตอนถึงจุดสุดยอดมันน่าเกลียด พอใจยัง? ฉันเคยเห็นในกระจกแล้วมันแย่มาก ฉันหน้าเหมือนงูกำลังเขมือบไข่ ตรงข้ามกับหน้ามาเลคที่ดูหล่อสมบูรณ์แบบตลอดเวลา”

โอทิสบอกโอลิเวียว่ามันเป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึว่ากำลังถูกจ้องมองหรือระแวงเวลามีเซ็กส์ และคู่ของเธอก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน พร้อมแนะนำว่าโอลิเวียควรไว้ใจมาเลคมากขึ้น เพื่อที่เธอจะได้เป็นตัวของตัวเองมากขึ้นเวลาอยู่กับเขา

“การใส่ใจร่างกายของตัวเองโดยไม่ต้องกังกลกับสิ่งรอบตัวช่วยให้คุณใกล้ชิดกับคนอื่นได้มากขึ้น” ล็อกวูดกล่าว "ความเชื่อใจเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความคุ้นเคย จงเชื่อมั่นและปล่อยให้ตัวเองไหลไปกับสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกดีบ้าง"

ด้านพาเรียกย้ำว่า “โฟกัสกับความรู้สึกและสัมผัสทั้งห้าของคุณ สิ่งที่คุณเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น สัมผัส และรับรส จงอยู่กับปัจจุบันดีที่สุด”

 

6. การแสดงความอ่อนไหวทางอารมณ์เป็นเรื่องดี

Sex Education (Netflix)

ธีมของเจนตลอดซีซั่น 2 คือเธอไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองแสดงความอ่อนไหวต่อเจคอบ คนรักใหม่ของเธอ (และพ่อของโอลา) เลย เธอแอบรู้สึกรำควญที่เจคอบทิ้งของส่วนตัวไว้ในบ้านของเธอ และไม่ชอบที่เขาถือวิสาสะเข้ามาช่วยซ่อมชั้นวางของให้เธอ

ล็อกวูดกล่าวว่า “ความอ่อนไหวคือการอนุญาตให้คุณซื่อสัตย์ต่อตัวเองและเปิดใจรับคนอื่น เวลาที่คุณอยู่ในความสัมพันธ์กับใครซักคน มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณจะต้องเปิดใจและซื่อสัตย์ต่อความคิด ความรู้สึก และความต้องการของคุณ”

การเปิดใจยังรวมถึงการยอมทดลองสิ่งที่คุณเองอาจจะไม่ชอบเป็นการส่วนตัวมาก่อนด้วย ซึ่งจะช่วยให้ความสัมพันธ์ถูกพัฒนาไปสู่จุดของการเป็นคู่รักที่ไม่มีความลับต่อกันได้จริง

“เมื่อคุณคุยกันเกี่ยวกับความรู้สึกของแต่ละฝ่ายอย่างเปิดเผย มันเป็นการปลอดปล่อยพลังลบและความไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ทางหนึ่ง เพราะถือว่าความคิดลบๆ ได้ถูกพูดออกไปแล้ว”

ขณะที่แมนน์ก็เห็นด้วยว่าความอ่อนไหวช่วยสร้างสะพานที่แข็งแรงระหว่างคนสองคนได้ เธอบอกว่าเมื่อไรก็ตามที่คุณรู้สึกอ่อนไหวและคู่รักของคุณตอบสนองด้วยความอ่อนโยนและความเห็นอกเห็นใจ เมื่อนั้นคุณจะรู้สึกว่าได้ใกล้ชิดกันเข้าไปอีกขั้นหนึ่ง

“มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คนเราจะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันอย่างแท้จริงโดยปราศจากความอ่อนไหวทางอารมณ์”

 

7. คนบางคนไม่มีอารมณ์ทางเพศกับใครเลย

Sex Education (Netflix)

ในตอนที่ 4 ฟลอเรนซ์ได้รับบทจูเลียตในละครเวทีของโรงเรียนเรื่อง “โรมิโอและจูเลียต” แต่ลิลีดันบอกเธอว่าวรรณกรรมคลาสสิกเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องราวของ “วัยรุ่นขี้เงี่ยน” เท่านั้น ซึ่งทำให้เธอไม่สบายใจเอามากๆ

ฟลอเรนซ์เอาเรื่องนี้ไปปรึกษาโอทิส โดยบอกว่าเธออยู่ในภาวะที่ไม่มีอารมณ์ทางเพศกับใครเลย แต่คำปรึกษาของโอทิสไม่ได้เป็นประโยชน์เท่าไร เธอจึงไปหาเจนและยอมรับว่าเธอไม่อยากมีเซ็กส์ แถมคิดว่าตัวเองเป็นคนผิดปกติด้วย เจนจึงถามฟลอเรนซ์ว่าเธอรู้จักการไม่ฝักใฝ่ทางเพศ (Asexuality) หรือไม่?

“มันคือภาวะที่เราไม่รู้สึกถูกดึงดูดทางเพศจากใครเลย เพราะสำหรับบางคน เซ็กส์ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ” เจนอธิบาย

เจนอธิบายเพิ่มด้วยว่านี่ไม่ใช่จุดจบของชีวิตรัก เพราะคนที่ไม่ฝักใฝ่ทางเพศหลายคนก็ต้องการที่จะถูกรัก พวกเขาแค่ไม่ต้องการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเพศเท่านั้น

“เซ็กส์ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้มนุษย์สมบูรณ์แบบซักหน่อย เธอจะเป็นคนผิดปกติได้ยังไงล่ะ?”

พาเรียกบอกว่าการไม่ฝักใฝ่ทางเพศแตกต่างกันออกไปสำหรับแต่ละคน และถ้าคุณต้องการเช็กตัวเองฝักใฝ่ทางเพศแค่ไหน คุณควรถามตัวเองว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับเซ็กส์? คุณสนใจเซ็กส์เพียงเพราะใครๆ ก็สนใจกันใช่หรือไม่? เซ็กส์สำคัญต่อคุณหรือไม่? เซ็กส์เป็นเครื่องมือแสดงความรักอย่างหนึ่งของคุณหรือไม่? และคุณรู้สึกว่าจำเป็นต้องมีเซ็กส์กับคนที่คุณชอบหรือเปล่า?

คำตอบของคุณต่อคำถามเหล่านี้จะช่วยให้คุณหาคำตอบได้ว่าคุณไม่สนใจเรื่องเพศเลยหรือแค่กำลังค้นหาตัวตนทางเพศกันแน่

 

8. เหตุผลที่วัยรุ่นมองการเสียบริสุทธิ์เป็นเรื่องใหญ่

Sex Education (Netflix)

โอทิสและโอลาวางแผนจะมีเซ็กส์ด้วยกันครั้งแรกในตอนที่ 5 ซึ่งหมายความว่าทั้งคู่ตั้งใจจะเสียบริสุทธิ์ให้กันและกัน โอทิสปรึกษากับเอริคว่าเขาคิดมาตลอดว่าจะต้องเสียบริสุทธิ์ให้กับคนที่เขารัก สุดท้ายโอทิสจึงบอกรักโอลา แม้จะไม่ได้รักเธอจริงๆ แต่กลายเป็นว่าโอลาเป็นฝ่ายบอกเลิกโอทิสแทน โอลาบอกว่าเธอและโอทิสไม่ได้รักกันและไม่สมควรจะเป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ

“เธอบอกว่าขอเวลาคิด มันเป็นเรื่องยาก ซึ่งมันไม่น่าจะซับซ้อนอะไรเลย พวกเราอายุแค่ 16 เองนะ” โอลาตัดพ้อ

วัยรุ่นแทบทุกคนวุ่นวายกับการตัดสินใจว่าจะมีเซ็กส์หรือไม่มีเซ็กส์ดี? มันถึงเวลาที่เหมาะสมหรือยัง? นี่คือคนที่ใช่จริงๆ ใช่มั้ย? มันถูกกาละเทศะแค่ไหน?

พาเรียกอธิบายว่า “คนเรามีโอกาสเสียบริสุทธิ์แค่ครั้งเดียว มันถึงได้เป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะสำหรับชีวิตในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยซึ่งเรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงเป็นประจำ” เธอบอกด้วยว่าวัยรุ่นรู้สึกกดดันกับการเสียบริสุทธิ์เพราะมันเป็นประสบการณ์ที่คุณจะจำไปตลอดชีวิต ไม่ว่าคุณจะมีแฟนหรือคู่นอนอีกกี่คนก็ตาม

ล็อกวูดบอกว่าการทำอะไรเป็นครั้งแรกย่อมน่ากลัวเสมอ เพราะคุณไม่มีประสบการณ์ในอดีตมาใช้เปรียบเทียบ คุณไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าถ้าทำไปแล้ว ผลจะออกมาในทิศทางไหน

“เซ็กส์เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและการเสียบริสุทธิ์เป็นเรื่องน่ากลัว เพราะมันคือครั้งแรกที่คุณจะได้มีเซ็กส์ มันคือการเปิดรับคนๆ หนึ่งเข้ามาใกล้ชิดคุณที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

 

9. เพศศึกษาสำหรับชาว LGBTQ ยังบกพร่องอยู่มาก

Sex Education (Netflix)

ในตอนที่ 6 อันวาร์มาปรึกษาโอทิสพร้อมกับปัญหาว่าเขาไม่เคยทำความสะอาดรูทวารหนักของตัวเองมาก่อนเลย แม้เขาจะคิดว่าตัวเองพร้อมที่จะมีเซ็กส์กับแฟนหนุ่มแล้ว แต่ใจจริงก็ยังกล้าๆ กลัวๆ อยู่เพราะยังมีความรู้เกี่ยวกับเซ็กส์ของเกย์ไม่เพียงพอ

โอทิสซึ่งก็ไม่มีความรู้เรื่องนี้เช่นกันจึงไปขอให้ราฮิม แฟนใหม่ของเอริค ช่วยสอนการทำความสะอาดรูทวารหนักให้ ซึ่งราฮิมก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี สอนตั้งแต่วิธีการล้างอย่างละเอียดไปจนถึงเหตุผลว่าทำไมการล้างถึงสำคัญ

ซีรีส์ตอนนี้ทำให้เห็นว่าเพศศึกษาที่เหมาะสมสำหรับวัยรุ่น LGBTQ ยังบกพร่องอยู่อีกมาก วัยรุ่นส่วนใหญ่ถูกสอนเกี่ยวกับเซ็กส์ระหว่างชายกับหญิง ในขณะที่เซ็กส์ระหว่างคนเพศเดียวกันซึ่งมีรายละเอียดและความซับซ้อนในตัวเองกลับแทบไม่ถูกพูดถึงเลย

ผู้เชี่ยวชาญเห็นด้วยว่าการให้ข้อมูลเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์และกิจกรรมทางเพศของวัยรุ่น LGBTQ ในโรงเรียนยังไม่เพียงพอ พาเรียกเล่าว่า “ฉันมีคนไข้หลายคนที่เป็นคนหลากลายทางเพศ หลายคนเป็นคนข้ามเพศซึ่งมีปัญหากับอัตลักษณ์ของตัวเอง บางคนไม่สามารถที่จะเปิดตัวกับคนอื่นในชีวิตประจำวันได้ เพราะว่ายังมีภาพจำที่ไม่ดีเกี่ยวกับชาว LGBTQ อยู่”

พาเรียกแนะนำว่าโรงเรียนควรมีคอร์สสั้นๆ เกี่ยวกับ LGBTQ สอน เพื่อช่วยเตรียมพร้อมคนรุ่นใหม่ให้มีความรู้ในเรื่องนี้ก่อนที่พวกเขาจะมีพัฒนาการทางเพศ และเพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ค้นหาตัวตนทางเพศด้วยตัวเอง

 

10. การกินยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่เรื่องน่าอาย

Sex Education (Netflix)

ตอนที่ 7 ของซีรีส์เป็นเรื่องราวความเละเทะจากปาร์ตี้ของโอทิส ซึ่งเขาเมาและมีเซ็กส์กับดาวโรงเรียนอย่างรูบี แต่ปัญหาคือไม่มีใครจำได้ว่าได้ใช้ถุงยางอนามัยหรือไม่ ทั้งคู่ถึงตัดสินใจไปร้านยาเพื่อซื้อยาคุมฉุกเฉิน 

“นี่มันเป็นเรื่องน่าอายชะมัด” รูบีตัดพ้อที่ตัวเองต้องเป็นฝ่ายเข้าไปซื้อยาคุมฉุกเฉิน

“มันไม่ใช่เรื่องน่าอาย เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ตลอด บางคนถุงยางแตก ลืมใช้ หรือใช้แล้วจำไม่ได้ก็มี ไม่เห็นจะต้องอายเลย” โอทิสตอบ

หลังจากได้กินยาคุมฉุกเฉินแล้ว รูบีกับโอทิสเปิดใจคุยกัน ซีรีส์ตอนนี้สอนเราว่าแม้ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน การสอบถามความพึงพอใจของคู่นอนของคุณก็ยังเป็นสิ่งสำคัญอยู่ดี รูบีบอกโอทิสไปตรงๆ ว่าเขาไม่ได้เข้าขั้นเก่งกาจเรื่องบนเตียง แต่ก็ไม่ได้แย่อะไร

รูบีบอกว่า “เธอถามตลอดว่าฉันโอเคมั้ย”

“มันสำคัญนะที่จะถาม” โอทิสตอบ

รูบีขอบคุณโอทิสที่แคร์ความรู้สึกของเธอ เพราะผู้ชายหลายคนไม่สนใจที่จะถามไถ่เลยด้วยซ้ำหลังเสร็จภารกิจ

 

11. ทุกคนต่างมีเอกลักษณ์และชอบอะไรไม่เหมือนกัน

Sex Education (Netflix)

หลังจากที่โอลาและลิลีได้คบกัน ทั้งคู่เอ็นจอยกับการมีเซ็กส์แบบสวมบทบาท (roleplay) ในตอนที่ 8 แต่ทุกอย่างต้องหยุดชะงักลงเพราะลีลีหลุดตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด ซึ่งเธอยอมรับกับโอลาว่าเธอมีอาการช่องคลอดหดเกร็งเพราะกลัวการถูกสอดใส่ (Vaginismus)

ลิลีบอกว่าอวัยวะเพศของเธอเป็นเหมือนต้นกาบหอยแครงที่คอยงับเหยื่อให้ตาย เธอบอกว่าเธอไม่มีปัญหาเวลาสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง อาการนี้เกิดขึ้นเฉพาะตอนจะมีเซ็กส์กับคนอื่นเท่านั้น สุดท้ายทั้งคู่จึงหาทางออกด้วยการช่วยสำเร็จความใคร่ให้กันและกันแทน

นี่อาจจะเป็นบทเรียนที่สำคัญที่สุดตลอด Sex Education ซีซั่นนี้เลยก็ว่าได้ บทเรียนที่ว่าแต่ละคนมีความสุขทางเพศด้วยวิธีที่แตกต่างกันออกไป มันไม่มีกฎเกณฑ์ที่ระบุว่าคุณสามารถหรือไม่สามารถทำอะไรเพื่อให้คู่ของคุณมีความสุขได้ แม้แต่ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตก็บอกคุณไม่ได้มากเท่าไร

สิ่งที่คุณทำได้มากที่สุดคือตั้งใจเรียนรู้สิ่งที่อีกฝ่ายชอบและไม่ชอบ เคารพในขีดจำกัดของกันและกัน และคำนึงเสมอว่าการแบ่งปันความสุขกับคู่ของคุณมันไม่มีอะไรผิดถูก หากแต่เป็นช่วงเวลาที่ไม่มีนิยามตายตัว

 

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...