โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

4 ข้อ ทำชีวิตแต่งงานพังพินาศ - เพจ Beautiful Madness by Mafaung

TOP PICK TODAY

เผยแพร่ 04 ก.พ. 2563 เวลา 12.50 น. • เพจ Beautiful Madness by Mafuang

‘หนูเสียใจมากเลย ที่ทำให้ทั้งสองคนกลับมารักกันเหมือนเดิมไม่ได้’

หนึ่งในนักเรียนจิตวิทยาที่นี่ บอกกับอาจารย์ที่ปรึกษา ถึงคนไข้คู่สามี-ภรรยาที่เธอเพิ่งใช้เวลาบำบัดมาสักพัก แต่อาจารย์กลับบอกว่า ‘ไม่ต้องเสียใจเลย’

.

หนึ่งข้อสำคัญที่เรารู้จากการเรียนจิตวิทยาความสัมพันธ์ที่นี่ 

ก็คือ เมื่อไหร่ก็ตาม ที่กำลังอยู่ในช่วงบำบัดคู่รัก การที่เราทำให้เขา ‘กลับมารักกันเหมือนเดิม’ ไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าเราเป็นนักบำบัดที่แย่ เพราะจริงๆ แล้ว หน้าที่ของเรา คือการทำให้คน 2 คนนั้น เข้าใจทั้งตัวเองและความสัมพันธ์ที่มีอยู่ให้มากที่สุด เพื่อจะได้ตกผลึกและตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตคู่/หรือไม่คู่ ต่อไปได้ด้วยตัวของคนไข้เอง 

บางครั้ง หน้าที่ของเรา ก็คือการช่วยทั้งคู่ จัดการความรู้สึกและอารมณ์ต่างๆ เมื่อไม่มีกันและกันเหมือนเดิมแล้ว ให้ดีที่สุด

.

.

.

แต่จะว่าไปแล้ว ในตำราจิตวิทยาโบราณโดยดร.จอห์น ก็อตแมน ที่เขาเคลมว่าสามารถทำนายความเป็นไปได้ของคู่รักแม่นยำถึง 90% ว่าจะอยู่ต่อหรือบ๊ายบาย! เขาได้ทำการเก็บข้อมูลและศึกษาคู่รักทั้งหมด 3,000 คู่ โดยเป็นการเก็บข้อมูลเรื่อยๆ อย่างยาวนานมาก คู่ที่นานที่สุด คือเก็บข้อมูลมา 20 ปีเลยทีเดียว เขาได้ทำการศึกษาความแตกต่างในการสื่อสารระหว่างคู่รัก ของคู่รักที่ยังรักกันหวานชื่นและคู่ที่ต้องหย่าร้างจากกัน

.

.

.

ได้มาเป็นตำรา The Four Horsemen หรือชายขี่ม้าทั้ง 4

ชื่อนี้ เขาเปรียบเทียบจากพันธสัญญาใหม่ในคัมภีร์ไบเบิ้ล ถึงความหายนะที่ชายขี่ม้าทั้ง 4 นี้นำมาสู่โลกมนุษย์; ชัยชนะ, สงคราม, ความหิวโหย, และความตาย เรียงตามลำดับ 

ก็อตแมนก็เลยบอกว่า ระหว่างช่วงเวลาที่คู่สมรสเกิดปัญหาอยู่ มี 4 พฤติกรรมนี้แหละ ที่สามารถทำนายการหย่าร้างของทั้งคู่ได้แม่น 90% เลยทีเดียว

1) การวิพากวิจารณ์ (Criticism)

การพูดจาที่เหมารวมและกล่าวหาอีกฝ่าย เช่น ‘ผู้หญิงก็ชอบทำตัวแบบนี้ทั้งนั้นแหละ น่ารำคาญ!’ คือการโจมตีบุคลิกลักษณะของอีกฝ่าย แทนที่จะคุยดีๆ ถึงพฤติกรรมแต่ละอย่างที่เราไม่ชอบในตัวเขา การเอาแต่บอกว่า ‘เธอๆๆๆๆๆ น่ะ!’ แทนที่จะพูดดีๆ ให้อีกฝ่ายเข้าใจว่า 

‘ฉัน’รู้สึกอย่างไร 

‘ฉัน’ต้องการอะไร

2) ความร้อนตัว (Defensiveness)

รู้สึกจำเป็นที่ต้องป้องกันตัวเพราะโดนกล่าวหา หรือใช้ความโกรธ/ความน่าสงสารทำเหมือนตัวเองเป็นเหยื่อในความสัมพันธ์นี้ มันแก้ปัญหาการสื่อสารที่ไม่ตรงใจนี้ไม่ได้หรอก มันเหมือนเป็นการโยนความผิดไปให้อีกฝ่ายซะด้วยซ้ำ เหมือนเราแค่ต้องการให้เขาไปไกลๆ ก่อน หยุดพูดเรื่องปัญหานี้ได้แล้ว นั่นเอง

3) การเมินเฉย (Stonewalling)

ฟังแบบหูซ้ายทะลุหูขวาโดยไม่เก็บเอามาใส่ใจคิดต่อใดๆ ไม่ได้มีการแก้ไขปัญหาใดๆ บางครั้งมันก็ทำให้อีกฝ่ายดีขึ้นได้เพราะชอบที่ไม่ได้มีการตอบโต้ กระทบกระทั่งใดๆ แต่ถ้ามีใครเมินเฉยเวลาเกิดปัญหาแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ปัญหาที่มีอยู่ มันก็จะไม่ได้แก้ มันกลับกลายเป็น เออๆๆๆ ทำเป็นลืมไปๆๆ ช่างเหอะขี้เกียจคุยๆๆๆ ก็จะเป็นความสัมพันธ์ที่ เหมือนมีหนึ่งคนที่ต้องคุยกับกำแพงตลอดเวลาโดยไม่ได้รับการตอบกลับ… แล้วมันจะไปรอดได้ยังไง

4) การดูถูก (Contempt)

เขาบอกว่า ข้อนี้เป็นข้อที่ชัดที่สุดที่จะบอกได้เลยว่า สองคนนี้ ต่อไปหย่ากันแน่นอน 

คือการคิดว่า ตัวเองดีกว่าและอยู่เหนือกว่าอีกฝ่าย – เช่นภรรยาว่าสามีว่า ‘เธอน่ะมันโง่!’ 

พูดจาประชดประชัน ถากถาง ล้อเลียน (ไม่ใช่ล้อแบบที่ณเดชน์เรียกญาญ่าว่า อ้วน ด้วยความเอ็นดูนะ อันนี้ล้อเลียนให้เจ็บแสบ) หรือเป็นการกลอกตาบน การเล่นมุขแบบเสียดสี 

แถมมีการศึกษาบอกมาอีกว่า คู่รักที่ชอบมีการดูถูกกันและกันไปมา มักเป็นโรคติดต่อกันทางร่างกาย เช่นโรคหวัด เป็นไข้ เพราะความเครียดจากการกระทำแบบนี้ มันค่อยๆ ทำลายระบบภูมิคุ้มกันร่างกายเรา และร่างกายเรามันมหัศจรรย์ตรงที่ ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย-ความคิด-จิตใจ มันเชื่อมต่อกันไปหมดเลย

เขาบอกว่าคู่รักที่มีความสุข การดูถูกไม่เคยโผล่เข้ามาในความสัมพันธ์ของพวกเขาเลย

.

.

.

วันนี้มาเล่าเรื่องความรักซะห่อเหี่ยวหัวใจเลย

อาทิตย์หน้า สัปดาห์แห่งวันวาเลนไทน์ 

เดี๋ยวมาเล่าเรื่องความรักที่ชุ่มชื่นหัวใจบ้างแล้วกันนะ

อ่านบทความใหม่จากเพจ Beautiful Madness by Mafuang ได้ทุกวันอังคารบน LINE TODAY 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0