โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

เขมรกับไทย-‘ตระกูลชิน’กับ‘ตระกูลฮุน’

แนวหน้า

เผยแพร่ 20 ก.พ. เวลา 17.00 น.

ในช่วงที่อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ยังเป็นสัมภเวสีหนีโทษในคดีทุจริตโกงบ้านกินเมืองอยู่ต่างแดน มักจะบินด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวโฉบไปโฉบมาในละแวกประเทศเพื่อนบ้านรอบๆ ประเทศไทยอยู่เป็นประจำ

โดยเฉพาะประเทศกัมพูชา ที่อดีตนักโทษผู้นี้จะบินมาบ่อย เพราะเป็น“สหายรัก”และเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของสมเด็จ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาในเวลานั้น ซึ่งนึกดูแล้ว ก็ยังเห็นภาพทักทาย“กอดกันกลม” อันแสดงถึงความรักใคร่กันสุดจะประมาณได้ ระหว่าง“ทักษิณ ชินวัตร” กับฮุน เซน

และภาพนี้สังคมในโลกโซเชียลได้นำมาล้อเลียนเปรียบเทียบ กับภาพการกอดรัดของ“ตัวเงินตัวทอง”ที่เป็นสัตว์เลื้อยคลานสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก แล้วก็แชร์กันเป็นไวรัล กลายเป็นภาพขำฮา และเป็นภาพขำไม่ออกสำหรับคนที่รักทักษิณ

ที่พูดเรื่องนี้ เพราะนับตั้งแต่พรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาที่เหมือนกับเป็นเพียงแค่เส้นบางๆ ซึ่งบางครั้งก็แทบจะขาดผึงออกจากกัน กลับปรากฏว่า มีปัญหากระทบกระทั่งในทางความคิดระหว่างประชาชนชาวกัมพูชากับคนไทยกันมากขึ้นและบ่อยครั้ง

เรื่องเกาะกูด ที่จังหวัดตราด จะเห็นได้ชัด แม้ฝ่ายไทยจะนั่งยันนอนยัน ว่าเป็นของไทยล้านเปอร์เซ็นต์ แต่คนเขมรหรือประชาชนชาวกัมพูชากลับไม่ได้คิดเหมือนกับคนไทยและรัฐบาลไทย โดยสะท้อนผ่านสื่อในกัมพูชา ว่าเกาะกูดเป็นของเขมร ซึ่งยึดประกาศเส้นเขตแดนทะเลที่กัมพูชาประกาศในปี 2515 ขณะที่ฝ่ายไทยเห็นว่าเส้นเขตแดนทะเลที่กัมพูชาประกาศนั้นขัดกับสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 และเกาะกูดเป็นของไทย

ยิ่งเมื่อได้ฟังจาก“มาดามแพทองโพย”นายกรัฐมนตรีของไทย ที่มักจะประกาศย้ำในหลายๆ โอกาสว่า รัฐบาลนี้ซึ่งก็หมายถึงรัฐบาลพรรคเพื่อไทย“จะไม่ยอมเสียพื้นที่ของประเทศไทยแม้แต่ตารางนิ้วเดียว” แต่ก็ขัดกับความเห็นของตัวเธอเองที่บอกว่า “เรื่องเกาะกูดระหว่างไทยกับกัมพูชา เราไม่เคยมีปัญหา ไม่เคยมีข้อสงสัยด้วย อาจจะแค่เกิดความเข้าใจผิดกันในประเทศไทย ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย”

คำพูดของ“มาดามแพทองโพย” ที่ว่า“อาจจะแค่เกิดความเข้าใจผิดกันในประเทศไทย” จึงตีความเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยว่า เสียงคัดค้านของคนไทยที่เห็นว่า ไทยอาจจะเสียเขตแดนทะเลบริเวณเกาะกูด เหมือนกับเสีย“ปราสาทเขาพระวิหาร”และบริเวณโดยรอบให้แก่เขมร จึงเรียกร้องให้ยกเลิก“MOU44”ที่ไทยลงนามกับกัมพูชาในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร นั้น..เป็นความเข้าใจผิดของคนไทยว่ามีปัญหา และย้อนแย้งกับความคิดของคนเขมรที่เห็นว่าเกาะกูดเป็นของกัมพูชา

จากปัญหาเกาะกูดถึงวันนี้ก็ยังไม่จบ..และคาราคาซังกันอยู่ ด้วยเหตุที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยโดย“มาดามแพทองโพย” ซึ่งพูดให้ถูกต้องก็คือ“ทักษิณ ชินวัตร”ที่เป็นนายกรัฐมนตรีทับซ้อน ได้เก็บข้อเรียกร้องของประชาชนที่เสนอให้ยกเลิก“MOU44”ซุกไว้ในลิ้นชัก รวมไปถึงเรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค หรือ JTC ก็พลอยเงียบไปด้วย

ล่าสุดก็เหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์สัปดาห์ก่อน เกิดการกระทบกระทั่งระหว่างทหารไทยกับ“นายพลจัตวาเนี๊ยะ วงษ์” หรือ พล.จ.เนี๊ยะ วงษ์ ผบ.พลน้อย.ร.42 ของกัมพูชา ซึ่งได้นำคณะแม่บ้านจำนวน 25 คน ขึ้นมาเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธม ที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ พร้อมกับมีการร่วมร้องเพลงปลุกใจชาติตัวเองภายในปราสาทตาเมือนธม แต่ฝ่ายทหารไทยไม่ยอม เห็นว่าไม่ถูกต้อง จึงเกิดการโต้เถียง ถึงขนาดที่นายพลของฝ่ายเขมรได้แสดงอำนาจบาตรใหญ่พูดท้าทายออกมาว่า “ถ้าจะยิงก็ยิง(กัน)”

แม้ว่าเรื่องนี้จะจบแบบ“แฮปปี้เอนดิ้ง” ระหว่างสองเกลอสหายรัก คืออดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีทับซ้อน..ที่เป็นบิดา“มาดามแพทองโพย”นายกรัฐมนตรี“หุ่นเชิด”ของไทย กับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งเป็นบิดาของสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ด้วยการสั่งให้ทหารไทยกับกัมพูชา“จับมือ-จูบปากกัน”

โดยเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พล.จ.เนี๊ยะ วงย์ ได้นำนายเนียม จันญาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย และคณะส่วนราชการในพื้นที่ของกัมพูชา 40 คน เข้าเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธม พร้อมทั้งพบปะพูดคุยกับฝ่ายไทย โดยมี พ.ท.จักรกฤษ ปิยะศุภฤกษ์ ผบ.พัน.ร.21 กองกำลังสุรนารี และชุดประสานงานปราสาทตาเมือนธม ซึ่งฝ่ายกัมพูชาแจ้งว่า ให้ดำรงการปฏิบัติงานร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย เหตุการณ์ที่ปรากฏทางสื่อก็ให้เป็นเรื่องของนักข่าว แต่กำลังของทั้งสองฝ่าย ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน พร้อมปฏิบัติงานร่วมกันเหมือนที่เคยปฏิบัติมา

สรุปก็คือ กลายเป็นว่าปัญหากระทบกระทั่งอันเนื่องมาจากการไม่เคารพอธิปไตยเหนือดินแดนไทยในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ถึงขั้น“จะยิงก็ยิง(กัน)”นั้น ปล่อยให้เป็นเรื่องของสื่อคือนักข่าว แต่ทหารเขมรกับทหารไทยยัง“รักกันดูดดื่ม”เหมือนเดิม

และที่สำคัญจากเหตุการณ์ที่ปราสาทตาเมือนธมเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ตามข่าวที่ปรากฏในหน้าสื่อของกัมพูชานั้น ได้ทำให้“ท่านนายพลเนี๊ยะ”กลายเป็น“ฮีโร่” เรียกว่าเป็น“พระเอกขวัญใจ”ของประชาชนชาวกัมพูชาขึ้นมาทันทีทันใด

อย่างไรก็ดี สำหรับความรักระหว่าง“ทักษิณ ชินวัตร” กับ “สมเด็นฮุน เซน” นั้น คิดดูอีกทีก็รู้สึกเสียวๆ หากวันหนึ่งที่ทักษิณจะต้องตัดสินใจเลือก ระหว่างผลประโยชน์ของชาติกับผลประโยชน์ทับซ้อน ?!

รุ่งเรือง ปรีชากุล

0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0