โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

จีนค้านสหรัฐฯ ใช้ข้ออ้าง ‘ต้นตอโควิด-19’ เป็นเครื่องมือชักใยทางการเมือง

Xinhua

อัพเดต 24 เม.ย. เวลา 00.22 น. • เผยแพร่ 23 เม.ย. เวลา 17.22 น. • XinhuaThai
จีนค้านสหรัฐฯ ใช้ข้ออ้าง ‘ต้นตอโควิด-19’ เป็นเครื่องมือชักใยทางการเมือง

× กรุณาติดต่อทีมงานเพื่อดาวน์โหลดคลิป

ปักกิ่ง, 23 เม.ย. (ซินหัว) — เมื่อวันอังคาร (22 เม.ย.) กัวเจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน เผยว่าการหยิบยกทฤษฎี “ไวรัสรั่วไหลจากห้องปฏิบัติการ” กลับมาพูดถึงอีกครั้งบนเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องและโจมตีจีนด้วยข้อกล่าวหาที่ไร้หลักฐานยืนยัน เป็นอีกหนึ่งกลอุบายที่สหรัฐฯ ใช้ในการชักใยทางการเมืองภายใต้ข้ออ้างการสืบหาต้นตอโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ซึ่งจีนคัดค้านการดำเนินการดังกล่าวอย่างหนักแน่น

อนึ่ง ทำเนียบขาวเปิดตัวเว็บไซต์ใหม่ซึ่งอ้างว่าให้ข้อมูลเกี่ยวกับต้นตอการระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมระบุว่าการระบาดเริ่มต้นมาจากการรั่วไหลในห้องปฏิบัติการในจีน

กัวตอบคำถามเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวระหว่างการแถลงข่าวประจำวันว่า การสืบหาต้นตอไวรัสเป็นประเด็นทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญอย่างยิ่ง จีนสนับสนุนและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสืบหาต้นตอโรคตามหลักวิทยาศาสตร์ระดับโลก โดยยึดหลักการทางวิทยาศาสตร์ ความเปิดเผย และความโปร่งใส

กัวเรียกร้องให้สหรัฐฯ หยุดใช้เรื่องต้นตอไวรัสมาเป็นประเด็นทางการเมืองและเครื่องมือโจมตีโดยทันที หยุดโยนความผิดให้ผู้อื่น และหยุดเล่นบทหูทวนลมต่อกรณีคำถามที่เกี่ยวข้องกับบทบาทของสหรัฐฯ ในการเกิดโรคระบาดใหญ่

กัวชี้ว่าสหรัฐฯ ยังติดค้างประชาคมระหว่างประเทศในการตอบสนองต่อข้อกังวลอันชอบด้วยกฎหมายเหล่านี้ และติดค้างคำอธิบายที่มีความรับผิดชอบแก่ประชาชนทั่วโลก

ทั้งนี้ กัวระบุว่านับตั้งแต่เกิดโรคระบาดใหญ่ จีนได้รับรายงานจากหลายสื่อเกี่ยวกับการพบเบาะแสต้นตอไวรัสที่อาจเป็นไปได้ในหลายสถานที่และประเทศทั่วโลก ซึ่งสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในสถานที่เหล่านั้น สหรัฐฯ เคยประสบปัญหาโรคปอดจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าและมีประเด็นเกี่ยวกับห้องปฏิบัติการชีวภาพฟอร์ต ดีทริค (Fort Detrick) มาก่อน และจีนเชื่อว่าประชาคมระหว่างประเทศสมควรได้รับคำอธิบายที่ชัดเจนจากฝ่ายสหรัฐฯ

(แฟ้มภาพซินหัว : ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ของสหรัฐฯ วันที่ 12 ม.ค. 2019)
(แฟ้มภาพซินหัว : ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ของสหรัฐฯ วันที่ 12 ม.ค. 2019)
0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0