โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

“นพดล” ยัน MOU 44 ไม่ได้ทำให้ไทยเสียเกาะกูด

สำนักข่าวไทย Online

อัพเดต 01 พ.ย. 2567 เวลา 12.06 น. • เผยแพร่ 01 พ.ย. 2567 เวลา 05.06 น. • สำนักข่าวไทย อสมท

รัฐสภา 1 พ.ย.-“นพดล” ยืนยันเกาะกูดเป็นของไทยมาตลอด MOU 44 ไม่ได้ทำให้ไทยเสียเกาะกูด ขอเลิกบิดเบือนจุดกระแส เพื่อหวังผลทางการเมือง

นายนพดล ปัทมะ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกระแสการบิดเบือนว่าไทยจะเสียเกาะกูดและเอ็มโอยู 44 อาจนำไปสู่การเสียเกาะกูดว่า ข้อเท็จจริงคือเกาะกูดเป็นของไทยตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสมานานแล้ว และไม่มีใครสามารถยกเกาะกูดให้กัมพูชาได้ คนไทยไปเที่ยวได้ตลอด ตนไม่เคยได้ยินว่ากัมพูชาเรียกร้องสิทธิเหนือเกาะกูด จึงขอเรียกร้องให้เลิกปั่นกระแสไทยเสียเกาะกูดในขณะนี้ เพราะเป็นความเท็จ รัฐบาลนี้รักประเทศชาติ ไม่มีใครจะทำให้ไทยเสียดินแดน

ส่วนที่มีการบิดเบือนว่าเอ็มโอยู 44 จะทำให้ไทยเสียดินแดนนั้น เห็นว่าเอ็มโอยู 44 ที่ลงนามโดยนาย สุรเกียรติ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้น ไม่ได้ทำให้ไทยเสียเกาะกูด และเป็นกรอบในการเจรจาเรื่องพื้นที่ทางทะเลและพื้นที่พัฒนาร่วม เนื่องจากทั้งไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์ในเขตไหล่ทวีปทับซ้อนกัน สองประเทศเลือกวิธีเจรจาทางการทูต จึงเป็นที่มาของ เอ็มโอยู 44 เพื่อวางกรอบในการเจรจา บนพื้นฐานกฎหมายระหว่างประเทศ นอกจากนั้น มีการระบุชัดเจนว่าเนื้อหาของเอ็มโอยู 44 และการเจรจาจะไม่มีผลกระทบต่อการอ้างสิทธิ์ทางทะเลของทั้งไทยและกัมพูชา อีกทั้งการเจรจานั้นจะต้องกระทำโดยคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิคไทย-กัมพูชา (JTC) เจทีซี คนอื่นไปเจรจาไม่ได้ แม้แต่ตัวนายกรัฐมนตรี นอกจากนั้น รัฐบาลก่อนนายเศรษฐา ทวีสินเป็น นายกรัฐมนตรี ก็เคยใช้การเจรจาตามกรอบของเอ็มโอยู 44 มาก่อน

นพดลกล่าวต่อว่า ตนไม่อยากให้นำเรื่องดินแดนมาบิดเบือนใส่ร้าย อย่างเช่นที่ตนเคยถูกกระทำในอดีต ในสมัยที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตนถูกใส่ร้ายว่าเป็นคนยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชา ทั้งๆที่ไทยยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชาตามคำตัดสินศาลโลกไปแล้วตั้งแต่ปี 2505 ที่มีจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นการใส่ร้ายว่า ตนยกเขาพระวิหารให้กัมพูชาจึงเป็นความเท็จโดยสิ้นเชิง ซึ่งในเรื่องนี้ตนถูกฟ้อง แต่ศาลฎีกาก็ได้พิพากษายกฟ้องตนและในคำพิพากษาก็ได้ระบุว่าสิ่งที่ตนทำถูกต้องและประเทศจะได้ประโยชน์ ซึ่งถ้าไม่จุดกระแสคลั่งชาติเพื่อหวังผลการเมืองในขณะนั้น ไทยจะรักษาได้ทั้งดินแดนและความสัมพันธ์ที่ดีกับกัมพูชา แต่เสียดายที่การจุดกระแสด้วยความเท็จ ทำให้มีการปะทะตามแนวชายแดน มีทหารเสียชีวิต และทำให้ในปี 2554 กัมพูชากลับไปศาลโลกอีกครั้งหนึ่งเพื่อยื่นตีความคำพิพากษาศาลโลกปี 2505 จนมีคำตัดสินตีความคดีปราสาทพระวิหารเดิมออกมาในปี 2556 ซึ่งในคำพิพากษาก็ระบุชัดเจนว่ากัมพูชา ไม่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกรวมพื้นที่ซับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรตามที่ตนปกป้องไว้

“คนไทยไม่ว่าเสื้อสีอะไรรักชาติเท่ากัน อย่านำประเด็นรื่องดินแดนมาทำ เป็นประเด็นการเมืองเพื่อหวังบั่นทอนเสถียรภาพของรัฐบาลเลย ถ้ารักชาติจริง ต้องเอาความจริงและข้อกฎหมายมาพูดกัน นอกจากนั้นการเจรจาตามกรอบเอ็มโอยู 44 จะต้องกระทำโดยคณะกรรมการ เจทีซี ซึ่งที่ผ่านมาประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพลังงาน กองทัพ กระทรวงการต่าง เป็นต้น โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่จากกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ซึ่งรักชาติและมืออาชีพ เป็นไปได้อย่างไรที่บุคคลเหล่านี้จะทำให้ไทยเสียดินแดน” นายนพดล กล่าว.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...