เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2566 สำนักข่าว CNBC รายงานว่า บริษัทโอเพนเอไอ (OpenAI) ซึ่งเป็นผู้สร้างแชตบอต ChatGPT ประกาศข่าวใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เปิดตัว ChatGPT โดยระบุว่าบริษัทกำลังเปิดตัว "ChatGPT Enterprise" สำหรับองค์กร ซึ่งเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค.2566
โดย "ChatGPT Enterprise" ได้รับการพัฒนามาเป็นเวลาเพียงไม่ถึง 1 ปี และได้รับความช่วยเหลือจากบริษัทมากกว่า 20 แห่งในขนาดและอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน ซึ่งเบื้องต้นผู้ใช้เบต้า ได้แก่ Block, Canva และ The Estée Lauder Cos
Brad Lightcap COO กล่าวว่า ChatGPT Enterprise สามารถเข้าถึง GPT-4 โดยไม่จำกัดการใช้งาน มีประสิทธิภาพที่เร็วกว่าเวอร์ชันก่อนหน้าถึง 2 เท่า แต่ราคาจะไม่ได้รับการประกาศต่อสาธารณะ เนื่องจากจะขึ้นในแต่ละกรณีการใช้งานและขนาดของบริษัท
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาไมโครซอฟต์ได้ขยายการลงทุนของ OpenAI เพิ่มขึ้นอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ทำให้เป็นการลงทุนด้าน AI ที่ใหญ่ที่สุดแห่งปี ตามข้อมูลของ PitchBook และในเดือนเมษายน มีรายงานว่าสตาร์ทอัพปิดการขายหุ้น 300 ล้านดอลลาร์ที่มูลค่าระหว่าง 27,000-29,000 ล้านดอลลาร์ โดยการลงทุนจากบริษัทต่าง ๆ เช่น Sequoia Capital และ Andreessen Horowitz
และ 2 เดือนหลังจากการเปิดตัว ChatGPT ในเดือนพฤศจิกายน มีผู้ใช้งานทะลุ 100 ล้านรายต่อเดือน ทำลายสถิติแอปพลิเคชันสำหรับผู้บริโภคที่เติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ โดย Brian Burke รองประธานฝ่ายวิจัยของ Gartner กล่าวกับ CNBC ในเดือนพฤษภาคมว่า นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน และความสนใจก็เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ทั้งนี้ความแตกต่างที่สำคัญประการหนึ่งระหว่าง ChatGPT Enterprise และเวอร์ชันสำหรับผู้บริโภค คือ Enterprise จะช่วยให้ลูกค้าป้อนข้อมูลบริษัทเพื่อฝึกอบรมและปรับแต่ง ChatGPT สำหรับอุตสาหกรรมและการใช้งานของตนเอง แม้ว่าฟีเจอร์บางอย่างจะยังไม่พร้อมใช้งานในการเปิดตัววันจันทร์ (28 ส.ค.) บริษัทยังวางแผนที่จะเปิดตัวการใช้งานอีกระดับหนึ่งที่เรียกว่า ChatGPT Business สำหรับองค์กรขนาดเล็ก แต่ไม่ได้ระบุไทม์ไลน์ของการเปิดตัว
Lightcap กล่าวว่า "การเปิดตัวเวอร์ชัน Enterprise ก่อน และรอในระดับ Business ช่วยให้เรามีวิธีมีส่วนร่วมกับทีมมากขึ้นอีกเล็กน้อยในลักษณะลงมือปฏิบัติจริง และทำความเข้าใจว่าการเคลื่อนไหวการปรับใช้มีลักษณะอย่างไรก่อนที่เราจะเปิดเต็มรูปแบบ”
OpenAI ตั้งข้อสังเกตในบล็อกโพสต์ว่า “เราไม่ได้ฝึกเกี่ยวกับข้อมูลทางธุรกิจหรือการสนทนาของคุณ และแบบจำลองของเราจะไม่เรียนรู้จากการใช้งานของคุณ” พร้อมเสริมว่าข้อมูลการสนทนาของลูกค้าจะถูกเข้ารหัสทั้งระหว่างการส่งผ่านและขณะพัก อย่างไรก็ตามบริษัทจะบันทึกข้อมูลที่รวบรวมเกี่ยวกับวิธีการใช้เครื่องมือ รวมถึงข้อมูลเมตาด้านประสิทธิภาพ และอื่น ๆ ตามมาตรฐาน
การเปิดตัว ChatGPT Enterprise เกิดขึ้นในขณะที่การแข่งขันด้านอาวุธของ AI ยังคงร้อนแรงในหมู่ผู้นำแชตบอต เช่น OpenAI, Microsoft, Google และ Anthropic ในความพยายามที่จะสนับสนุนให้ผู้บริโภคนำ AI เจนเนอเรชั่นมาใช้ในชีวิตประจำวัน ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจึงเร่งเปิดตัวไม่เพียงแต่แอปแชตบอตใหม่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงฟีเจอร์ใหม่ด้วย ในเดือนพฤษภาคม OpenAI ได้เปิดตัวแอ ป iOS ตามด้วยแอป Android ในเดือนกรกฎาคม
ขณะที่ Google เปิดตัวการอัปเดต Bard chatbot เป็นประจำ และ Microsoft ก็ทำเช่นเดียวกันกับ Bing โดยแนะนำคุณสมบัติต่างๆ เช่นการค้นหาด้วยภาพ Anthropic สตาร์ทอัพ AI ที่ก่อตั้งโดยอดีตผู้บริหาร OpenAI ได้เปิดตัวแชตบอค AI ตัวใหม่ Claude 2 ในเดือนกรกฎาคม ไม่กี่เดือนหลังจากระดมทุนได้ 750 ล้านดอลลาร์จากการจัดหาเงินทุนสองรอบ
เมื่อถามว่า ChatGPT Enterprise เปรียบเทียบกับ Bing Chat Enterprise ซึ่งเป็นแชตบอต AI ระดับองค์กรของ Microsoft อย่างไร ตัวแทนของ OpenAI กล่าวกับ CNBC ว่า "นี่คือผลิตภัณฑ์ OpenAI ที่ไม่ขึ้นอยู่กับ Microsoft อย่างไรก็ตามเราหวังว่าผลิตภัณฑ์ของเราจะสามารถทำงานร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ ได้ รวมถึงของ Microsoft ลูกค้าสามารถเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะกับธุรกิจของตนได้"
อย่างไรก็ตาม Lightcap กล่าวกับ CNBC ว่า อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการพัฒนา ChatGPT Enterprise คือการหาวิธีจัดลำดับความสำคัญของฟีเจอร์ต่าง ๆ
”การจัดลำดับความสำคัญของวิธีที่คุณดึงสิ่งเหล่านั้นไปข้างหน้าโดยพิจารณาจากวิธีที่ผู้คนใช้ผลิตภัณฑ์ และสิ่งที่ผู้คนต้องการจริงๆ และสิ่งที่เพิ่มขีดความสามารถ เป็นหัวข้อของหลาย ๆ อย่าง ซึ่งยังคงเป็นการถกเถียงในทีม”