โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

พญานาคราช ริมแม่น้ำโขง จ.นครพนม โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ

MATICHON ONLINE

อัพเดต 11 ส.ค. 2566 เวลา 11.08 น. • เผยแพร่ 11 ส.ค. 2566 เวลา 11.07 น.
บวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช ริมแม่น้ำโขง จ. นครพนม เช้าวันอังคารที่ 8 สิงหาคม 2566 (ภาพโดย บรรณาธิการมติชนออนไลน์)

จ.นครพนม อยู่ฝั่งขวาแม่น้ำโขง และบนตลิ่งริมโขงมีประติมากรรมขนาดมหึมารูปพญานาค 7 เศียร (พ่นน้ำ)

ส่วนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง (ตรงข้ามนครพนม) เป็นเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว [การกำหนดฝั่งซ้าย-ขวาของแม่น้ำตามสากล ให้สมมุติตนเองหันหน้าลงทิศใต้ตามการไหลของกระแสน้ำ จะได้ฝั่งซ้าย-ขวา]

แม่น้ำโขงเป็นคำไทย ส่วนคำลาวเรียก “น้ำแม่ของ” เฉพาะคำว่า “โขง” และ “ของ” กลายจากภาษามอญว่า “โคล้ง” หมายถึงทางสัญจร

เช้าวันอังคารที่ 8 สิงหาคม 2566 มีชายฉกรรจ์ตัดผมเกรียนจำนวนไม่น้อยกำลังบวงสรวงพญานาคริมน้ำโขง

พญานาค ริมแม่น้ำโขง จ. นครพนม เป็น “แลนด์มาร์ก” หลักหมายใหม่ที่ถูกสร้างสรรค์อย่างสมัยใหม่โดยคนปัจจุบัน รับรู้อดีต รับใช้ปัจจุบัน เพื่ออนาคต ที่นักวิชาการทางประวัติศาสตร์โบราณคคีมานุษยวิทยาและวรรณกรรมตามไม่ทัน หรือไม่ทันได้ตาม

ผมยืนห่างๆ อย่างตื่นกลัวอยู่ด้านหลังเพื่อรอเสร็จพิธีกรรม แล้วเดินตัวลีบอย่างนอบน้อมต่อกลุ่มผมเกรียนไปอ่านข้อความตามป้ายที่เขียนปักไว้

ส่วนในห้องคูหาแท่นฐานพญานาคมีนิทรรศการย่อยบอกความเป็นมาของการก่อสร้าง และบอกประวัติพญานาคมีสั้นๆ คัดมา ดังนี้

“องค์พญานาค นาม ‘พญาศรีสัตตนาคราช’ ที่สถิต ณ แท่นอันเป็นเอกมงคลตนนี้ นับเป็นพญานาคที่สั่งสมบุญบารมีและอิทธิฤทธิ์อันล้ำเลิศ เป็นผู้ก่อกำเนิด ‘แม่น้ำอุรงคนที’ หรือ ‘แม่น้ำโขง’ ในปัจจุบัน”

ข้อมูลบนแผ่นป้ายมีบางอย่างควรแลกเปลี่ยนแบ่งปันด้วยการเทียบเคียงหลักฐานวิชาการเพื่อประโยชน์ของการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นและการท่องเที่ยว ที่ไม่สร้าง “ข้อมูลเท็จ” หลอกตนเองและหลอกคนอื่น (เช่น “ร้อยเอ็ดประตูเมือง” มีในคัมภีร์อุรังคธาตุ แต่ถูกสร้างเท็จจากผู้มีอำนาจ จ. ร้อยเอ็ด ว่าสิบเอ็ดประตูเมือง)

(1.)ศรีสัตตนาคราช (ต สองตัว) หมายถึง พญานาคเจ็ดตัว หรือพญานาคตัวเดียวมีเจ็ดเศียร

“สัตต” มาจากภาษาบาลีว่า สตฺต แปลว่าจำนวนเจ็ด (คำเดียวกับ สปฺต ในภาษาสันสกฤต แปลว่าจำนวนเจ็ด ซึ่งไทยยืมมาใช้ว่า สัปดาห์)

ลักษณะแผ่พังพานของนาคราชหลายเศียร (ไม่กำหนดตายตัวกี่เศียร) มีต้นแบบจากพระพุทธรูปปางนาคปรกซึ่งมีครั้งแรกในอินเดีย ตามพุทธประวัติตอนนาคมุจลินท์แผ่พังพานบังฝนตกใหญ่มิให้ต้องพระวรกายพุทธองค์ จากนั้นแผ่ถึงไทยในวัฒนธรรมแบบทวารวดี ไม่นานก็ลดความนิยมในอินเดียแล้วไม่ทำอีก

พระนาคปรกนิยมทำอีกครั้งในบ้านเมืองลุ่มน้ำมูล หลัง พ.ศ. 1500 แล้วแผ่ขยายลงไปโตนเลสาบในกัมพูชากับลุ่มน้ำเจ้าพระยา นิยมทำนาค 7 เศียร สืบเนื่องจนปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะคุ้นเคยเชื่อถือเรื่องนาคตามความเชื่อดั้งเดิมหลายพันปีมาแล้ว

ศรีสัตนาค(ต ตัวเดียว) เนื้อความอยู่ในคัมภีร์อุรังคธาตุ (คือตำนานพระธาตุพนม) มีหลักแหล่งดั้งเดิมอยู่หนองแส (เมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ในจีน)

ต่อมาพากันหนีความขัดแย้งรุนแรงลงตามแม่น้ำอู (อุรังคนที) ออกแม่น้ำโขง เพื่อหาที่ใหม่อยู่อาศัยบริเวณที่เรียก “ดอยนันทกังรี” คือเมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว ศูนย์กลางของรัฐโบราณเรียกล้านช้าง หมายถึงดินแดนมีช้างจำนวนมาก นับไม่ถ้วนเป็นล้าน

นาค มีรากจากภาษาบาลี-สันสกฤต (ได้จากละตินว่า noc) นอกจากหมายถึงสัตว์ในนิยายปรัมปรารูปงูมีหงอน ยังหมายถึงช้าง เช่น นาเคนทร์, นาคินทร์

ดังนั้นชื่อล้านช้างจึงมีนักปราชญ์ผูกคำบาลีเข้ากับ “สัตตนาค” ว่า “สัตตนาคนหุต” แปลว่า “ช้างร้อยหมื่นตัว” ร้อยหมื่น เท่ากับ ล้าน

สต แปลว่า ร้อย, นาค แปลว่า ช้าง, นหุต แปลว่า หมื่น

(ดร. ประเสริฐ ณ นคร อธิบายไว้นานแล้ว ต่อมามีผู้รวมพิมพ์ในหนังสือประวัติศาสตร์เบ็ดเตล็ด สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2549 หน้า 319-323)

ความเป็นมาของ “พญาศรีสัตตนาคราช” จ. นครพนม โดย เด่นชัย ไตรยะถา (ที่ปรึกษากรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และอดีตประธานสภาวัฒนธรรม จังหวัดนครพนม) ผมได้รับอีกทอดหนึ่งจาก “มหา สุรารินทร์” ชินวัฒน์ ตั้งสุทธิจิต ได้อ่านแล้วอย่างขนลุกขนพองสยองเกล้า แต่ไม่มีนิยามแยกการเขียนชื่อพญานาคด้วย ต.ตัวเดียว กับ ต.สองตัว ว่าต่างกันอย่างไร?

(2.) แม่น้ำโขง หรือ “น้ำแม่ของ” คำว่า โขง, ของ กลายคำจากภาษามอญว่า “โคล้ง” หมายถึงทางสัญจร

ต่อมาแม่น้ำโขงหรือของ คือ “โคล้ง” ถูกจับบวชเข้าบาลีเพื่อสร้างความศักดิ์สิทธิ์ว่า “ขลนที” พบในหนังสือพงศาวดารโยนก ของ พระยาประชากิจกรจักร (แช่ม บุนนาค) พิมพ์ครั้งแรกในแผ่นดิน ร.5 เมื่อ พ.ศ. 2449 ว่าพญาศรีสัตนาคราช (ต. ตัวเดียว) และบริวาร หนีจากหนองแส ลงน้ำอู จากนั้นขุดควักไปเป็นแม่น้ำใหญ่ เรียก “ขลนที” คือแม่น้ำโขง (แต่เรื่องเล่าตอนนี้ไม่พบในอุรังคธาตุ)

(3.) “อุรังคนที” หรือ “อุรงคนที” หมายถึงแม่น้ำอู อยู่ในอุรังคธาตุ หรือตำนานพระธาตุพนม

อุรังค หรือ อุรงค มีรากศัพท์จาก อุร แปลว่า อก, หน้าอก และ องค แปลว่า ส่วนของร่างกาย

มีเรื่องเล่าว่านาคทั้งหลายหนีจากหนองแสไปทางทิศใต้ ด้วยการใช้อกคุ้ยควักดินเป็นคลอง ต่อมามีนาคอีกพวกหนึ่งคุ้ยควักคลองเป็นแม่น้ำ เรียกแม่น้ำอู หรืออุรังคนที

แม่น้ำอูมีต้นน้ำอยู่ทางเมืองแถน (เดียนเบียนฟู) ในเวียดนาม-จีน ไปทางทิศตะวันตก ไหลลงแม่น้ำโขงซึ่งอยู่เหนือเมืองหลวงพระบาง

“ศิลปวิทยาวิชาความรู้ยืนยาว แต่ชีวีนี้สั้น”

ในห้องคูหาแท่นพญานาคราช จ. นครพนม ควรให้ความสำคัญข้อมูลความรู้ความป็นมาและความหมายของพญานาคในไทยและสองฝั่งโขงที่พบในคัมภีร์อุรังคธาตุ และพงศาวดารโยนก

ไม่ควรเสียพื้นที่ให้ความสำคัญการก่อสร้างและผู้อนุมัติงบประมาณจากภาษีอากรราษฎร เพราะ “ศิลปวิทยาวิชาความรู้ยืนยาว แต่ชีวีนี้สั้น”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...