มีใครเป็นแบบนี้บ้างไหมคะ? ไม่ค่อยชอบอยู่ท่ามกลางคนเยอะ ๆ ไม่อยากเป็นจุดสนใจ, ชอบตื่นเต้นเวลาต้องพูดคุยกับคนแปลกหน้า, ไม่ค่อยมีเพื่อน, ชอบทำอะไรคนเดียว ฯลฯ สารพัดลักษณะนิสัยที่ก่อร่างสร้างตัวตนให้เรากลายเป็นคน ‘เข้าสังคมไม่เก่ง’ หรือบางคนอาจจะโดนประทับตราว่าเป็นคน ‘โลกส่วนตัวสูง’ ‘เย่อหยิ่ง’ ‘ไม่เอาเพื่อน’ หรือเป็นคนอินโทรเวิร์ต (Introvert) แต่จริง ๆ แล้วลึก ๆ เราเองก็คงไม่อยากเลือกเป็นคนเก็บตัวเช่นนี้ไปตลอดหรอก ใช่ไหมคะ เพราะมันจะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาตนเอง และอาจทำให้เราพลาดโอกาสต่าง ๆ ในชีวิตไปได้ เพราะฉะนั้นคงเป็นเรื่องดีที่ถ้าเราสามารถแก้ไขและปรับความกลัวเหล่านั้นให้ลดน้อยลง และกล้ามีบทบาทในสังคมมากขึ้น
ลักษณะของคนเข้าสังคมไม่เก่ง
- ไม่ชอบเป็นจุดสนใจของคนอื่น ขี้กังวล ประหม่า
- ไม่ชอบสบตา พูดไม่เต็มเสียง
- ชอบอยู่คนเดียว
- คิดมาก เก็บทุกคำพูดมาคิดเล็กคิดน้อย
- ไม่มั่นใจในตัวเอง กลัวว่าสิ่งที่จะทำไปมันไม่ดีในสายตาคนอื่น กลัวผิด กลัวถูกจับจ้อง
บางคนอาจถึงขั้นป่วยเป็นโรคกลัวสังคม (Social anxiety disorder) ซึ่งจะมีอาการมือสั่น เหงื่อแตก เสียงสั่นมาก เพราะตื่นเต้น หวาดกลัวเวลาเจอสถานการณ์ที่ไม่คุ้นชิน และเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง ต่อเนื่องยาวนานกว่า 6 เดือนขึ้นไป (บางคนอาจเป็นมาตั้งแต่ยังเด็ก) จนต้องไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยบำบัดรักษาอย่างถูกวิธี แต่หากใครยังไม่เป็นถึงขั้นนั้น ลองมาดูวิธีปรับตัวเพื่อให้ตัวเองกล้าเข้าสังคมมากยิ่งขึ้นกันดีกว่า
ปรับความคิด
อย่ามัวแต่ตอกย้ำความคิดว่าตัวเองเป็นคนพูดไม่เก่ง เป็นคนไม่มีเพื่อน เป็นคนไม่มีสังคม เป็นอินโทรเวิร์ต อย่าลืมว่าจิตเป็นนายกายเป็นบ่าวค่ะ ทิ้งกำแพงความคิดนั้นลงแล้วบอกตัวเองว่า เลิกคิดไปเอง! เพราะคนอื่นอาจไม่ได้สนใจเรามากอย่างที่เรากำลังนึกคิดในใจ ต้องประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าให้น้อยลง เช่น หากต้องพูดสนทนากับใครใหม่ ๆ ในสถานการณ์ใด ๆ ก็ตาม ต้องไม่คิดไปก่อนว่า เขาจะมองยังไง ไม่คิดแทนคนอื่น โฟกัสที่ตัวเองให้มากขึ้นดีกว่า
เริ่มด้วยรอยยิ้ม
ภาษากายที่สร้างได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็คือรอยยิ้ม จากเดิมที่อาจจะชอบอยู่คนเดียว เดินก้มหน้าก้มตา มองแต่จอโทรศัพท์ พักทุกอย่างแล้วลองมองไปรอบตัว เจอใครก็ลองยิ้มทักทายสักนิด แสดงความเป็นมิตรให้เขาเห็นก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งตัวและคนรอบข้างในการสานต่อบทสนทนา
ลองบทสนทนาเล็ก ๆ กับคนใกล้ชิด
คนรอบข้างที่ต้องพบเจอทุกวันเป็นสนามทดลองที่ดี เริ่มจากการรู้จักสังเกตเรื่องรอบตัวจากคนใกล้ชิด แล้วค่อยเริ่มสานต่อ เช่น เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเปลี่ยนลุคใหม่ อาจจะเริ่มทักทายด้วยคำชม (อย่างจริงใจ ไม่ต้องเสแสร้ง) เพื่อสร้างสถานการณ์เล็ก ๆ ที่น่าประทับใจ แล้วจึงค่อยพัฒนาการพูดคุยให้เป็นไปอย่างธรรมชาติ อาจจะลองตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ในใจไว้ก็ได้ว่า ต้องทำความรู้จักคนรอบตัวอย่างน้อยวันละ 1 คน ก็จะช่วยผลักดันให้เรากล้า และมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่เราอยู่ได้ดียิ่งขึ้น
กล้า ๆ เข้าไว้
หาเรื่องถาม หาเรื่องคุย บางครั้งบางทีคนอื่นเห็นว่าเราเป็นคนเงียบ ๆ เขาเลยอาจจะไม่กล้าเข้ามาทำความรู้จัก แต่เมื่อเราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ เราก็ต้องเปลี่ยนที่ตัวเอง เราจึงต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อนบ้าง แรก ๆ อาจจะฝืนใจหน่อย แต่เชื่อเถอะ แค่เริ่มต้นได้ก็ชนะแล้ว แต่นับเป็นโชคดีของคนที่เข้าสังคมไม่เก่ง โดยธรรมชาติคนเหล่านี้จะเป็นพวกชอบฟังมากกว่าพูด จึงเป็นเรื่องดีที่จะนำจุดนั้นมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ เพราะในการเข้าสังคมหรืออยู่ในวงสนทนา ผู้ที่รู้จักฟังและจับประเด็นจะได้เปรียบ เนื่องจากนำมาต่อยอดและเสนอความคิดความอ่านออกไปได้ เมื่อฟังแล้วต้องกล้าพูดด้วยค่ะ
หาโอกาสไปเจอกับสังคมที่แปลกใหม่
ลองเริ่มจากสิ่งที่ชอบ หาตัวเองให้เจอก่อนว่าชอบอะไร เพราะสิ่งที่ชอบ จะทำให้เราอินกับมัน จากนั้นให้เริ่มพาตัวเองไปในสังคมที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กัน หรือมีใครชวนไปไหนก็ลองตอบรับดูบ้าง การได้เจอกับคนเยอะ ๆ จะช่วยเปลี่ยนความคิด ตัวตนเราได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่แน่นะวันนึงเราเองนี่แหละที่จะกลายเป็นตัวตั้งตัวตีหากิจกรรมใหม่ ๆ ร่วมกับคนอื่นก็เป็นได้
ใช้เวลาร่วมกับคนอื่นให้มากขึ้น
ยิ่งอยู่คนเดียวยิ่งรู้สึกสันโดษ ยิ่งสันโดษก็ยิ่งต้องอยู่คนเดียว ลองก้าวออกมาจากจุดสบายใจนั้น แล้วท้าทายตัวเองด้วยการใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นบ้าง มนุษย์เป็นสัตว์สังคมนะคะ ไม่ว่ายังไงก็หนีการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นไม่พ้นแน่นอน แต่จากเวลาอันน้อยนิดที่ใช้ ก็ลองเพิ่มให้มากขึ้นกว่าเดิม เช่น เรียนเสร็จอาจจะลองไปกินขนมกับเพื่อน ๆ ดูบ้าง หรือเลิกงานก็ลองไปกินดื่มเที่ยวกับที่ทำงานบ้าง นาน ๆ ทีก็เป็นเรื่องที่ดีที่ช่วยผลักเราออกจากความสันโดษนั้นได้
.
.
แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะการเข้าสังคมไม่เก่ง หรือเป็นคนอินโทรเวิร์ตนั้นเป็นแค่เพียงบุคลิกภาพของมนุษย์แบบหนึ่งเท่านั้น ซึ่งมันสามารถพัฒนาและปรับเปลี่ยนกันได้ ขอเพียงแค่ต้องกล้า และหมั่นฝึกฝน เปรียบเสมือนการขับรถ ไม่มีใครขับเป็นตั้งแต่เกิดหรอกใช่ไหมคะ แต่ทักษะนี้เกิดจากการฝึก เรียนรู้ และทำมันบ่อยครั้งจนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาของชีวิตเรา จากถนนเล็กสู่ถนนใหญ่ จากความกลัวสู่ความกล้า ในที่สุดไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ แล้วหลังจากนั้นจะปรับใช้ให้เหมาะสมกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าแบบใดก็ล้วนแล้วแต่ความสามารถเฉพาะตัว
อย่าลืมนะคะว่าต่อให้มีฮาวทูสอนมากมายขนาดไหน แต่ถ้าเราไม่ลงมือปฏิบัติจริงด้วยตัวเอง ก็ไม่มีทางจะเอาชนะมันได้ ยังไงก็ลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ เอาใจช่วยทุกคนค่ะ
ความเห็น 49
BEST
คนดีเขาทำใจไม่ได้ก็เข้าไม่ได้อยู่ดี
คนที่เข้าได้คือต้องสวมหน้ากาก เห็นแก่ตัว
ต.ล. มากๆนั่นละอยู่ในสังคมได้ดีทีเดียว
13 ก.ย 2562 เวลา 00.49 น.
กิตติ รับประมูลงาน
BEST
เพราะัจจุบันส่วนใหญ่เป็นสังคมใส่หน้ากากเข้าหากัน รวมหัวได้เมื่อไหร่ ไม่พ้นนินทากัน
ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมมนุษย์ในปัจจุบันถึงไม่อยากเข้าสังคม เพราะมัน🍓
13 ก.ย 2562 เวลา 01.14 น.
BEST
บางทีการอยู่คนเดียวมันก็ทำให้เรามีสมาธิคนทุกคนชอบไม่เหมือนกันคนสมัยนี้ส่วนมากใส่หน้ากากหากันและก็เห็นแก่ตัวชอบหลอกโดยเฉพาะคนไกล้ตัวคนที่เค้าไว้ใจและรักมากที่สุดเป็นคนทำเค้าเองเค้าเลยเลือกที่จะอยู่ในที่ๆไม่มีใครทำร้ายเค้าอีกก็คือการอยู่กับตัวเอง
13 ก.ย 2562 เวลา 01.17 น.
ทุกวันนี้สังคมเสื่อม, คนไร้ศีลธรรม, คนเห็นแก่ได้เห็นแก่ตัว, อยู่คนเดียวหรือ2คน3คนหรือสังคมเล็กๆก็มีความสุขได้, พระอยู่คนละกุฏิก็มีความสุขที่แท้จริงได้
13 ก.ย 2562 เวลา 00.19 น.
และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุด กับในการที่จะอยู่ร่วมได้กับในทุกๆสังคมนั้นก็คือ ควรที่จะต้องมีมารยาทที่เป็นหลักสำคัญด้วยเหมือนกัน.
12 ก.ย 2562 เวลา 20.24 น.
ดูทั้งหมด