โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

รามเกียรติ์ที่เปลี่ยนไป (อีบุ๊คเล่มเดียวจบ)

นิยาย Dek-D

อัพเดต 05 ธ.ค. 2566 เวลา 17.00 น. • เผยแพร่ 05 ธ.ค. 2566 เวลา 17.00 น. • สวรรยสร
รามเกียรติ์ที่เปลี่ยนไป (อีบุ๊คเล่มเดียวจบ)
ทศพลรู้สึกไม่ยุติธรรมทุกครั้งเมื่ออ่านรามเกียรติ์แล้ว ได้เห็นทศกัณฐ์ตาย ทั้งๆ ที่ความผิดต้นเรื่องมาจากเทวดา แถมเทวดายังโกงแบบหน้าไม่อาย อย่าให้เขาเอาคืนแทนได้เชียวล่ะ จะเอาให้ขายหน้าทั้งสามภพเลย

ข้อมูลเบื้องต้น

ผู้เขียนเชื่อว่านักอ่านทุกท่านต้องเคยได้ยินชื่อเรื่องหรือได้อ่าน ‘รามเกียรติ์’ มาบ้างแล้ว เพราะอย่างน้อยก็ต้องเรียนกันตอนเป็นเด็กๆ ผู้เขียนสามารถบอกได้ว่านิยายเรื่องนี้จะดำเนินเรื่องตามรามเกียรติ์ เพียงแต่การดำเนินเรื่องนี้จะมีการสอดแทรกตัวเอกตัวหนึ่งเข้าไปในการดำเนินเรื่องด้วย

'รามเกียรติ์ที่เปลี่ยนไป' ได้แรงบันดาลใจมาจากรามเกียรติ์ในช่วงกำเนิดนนทกจนก่อให้เกิดทศกัณฐ์และการดำเนินเรื่องต่างๆ ในรามเกียรติ์ อันที่จริงตอนที่ผู้เขียนยังเด็กกว่านี้ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอโตขึ้นแล้วได้มาอ่านรามเกียรติ์อีกหลายครั้ง เราก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว เรื่องนี้ตัวร้ายอย่างทศกัณฐ์น่าสงสารมาก จึงทำให้เกิดนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา

ฐานข้อมูลในการเขียนนิยายเรื่องนี้ ผู้เขียนอ้างอิงจาก ‘คุยเฟื่องเรื่องรามเกียรติ์’ โดย โกวิท ตั้งตรงจิตร นักเขียนสารคดีดีเด่นแห่งชาติ

และบทละครเรื่องรามเกียรติ์จากเว็บไซต์ วัชรญาณ

https://vajirayana.org/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%8C

เรื่องนี้มีความยาวไม่เกิน 60,000 คำ ก็จะอ่านจบเร็วหน่อย รายตอนจะเริ่มลงให้อ่านกันในวันศุกร์ที่ 29 กันยายน นี้ เวลา 06.00 น. ทุกวันนะคะ

จบจาก ‘รามเกียรติ์ที่เปลี่ยนไป’ เราจะมาต่อกันด้วย ‘สุดปลายฝันของข้าคือเจ้า’ กันค่ะ

รามเกียรติ์ที่เปลี่ยนไป: https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiNzgzNzg4MCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI2NDc1MyI7fQ

ทศพล ชาติพิภักดิ์ อาจารย์ประจำคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ สาขาวิชาจิตรกรรม มหาวิทยาลัยชื่อดังด้านศิลปะแห่งหนึ่งของประเทศไทย เขาสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอกของคณะและสาขาที่เขาเป็นอาจารย์ประจำ

ตอนนี้เขารับงานซ่อมแซมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม แต่อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังซ่อมแซมภาพจิตรกรรมตอนทศกัณฐ์ล้ม เขาก็เห็นทศกัณฐ์ที่นอนตายมีน้ำตาไหลออกมา เขายังได้ยินเสียงร้องไห้ที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใด และเขาก็เป็นลมหมดสติโดยไม่รู้ตัว

ต่อมาเขาได้พบทศกัณฐ์ ตัวละครที่ร้ายกาจที่สุดของรามเกียรติ์ ทศกัณฐ์ขอร้องให้เขาช่วยทำบางสิ่งให้ มาดูกันว่าทศกัณฐ์ขอร้องอะไรเขา และเขาจะทำตามที่ทศกัณฐ์ขอร้องได้สำเร็จหรือไม่

เสียงร้องไห้ปริศนา (1/3)

“โห ! ! จ๊านนนนน…”

เสียงอุทานของนิสิตคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ ฝีมือดีคนหนึ่งที่ได้รับการคัดเลือกให้มาช่วยซ่อมแซมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความชื่นชมขั้นสุด

“…ฝีมือเนี้ยบขึ้นทุกครั้งที่เห็นเลย จารย์ทำได้ไงน่ะ ลงเส้นลงสีสวยมาก นี่ถ้าผมไม่เห็นว่าเป็นจารย์นะ ผมต้องนึกว่าเป็นจิตรกรสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์มาลงมือเองแน่ๆ ฝีมือจารย์นี่อย่างเป๊ะ ประณีตอย่างกับคนโบราณ”

“จริงของแกว่ะ ฝีมือจารย์ทศนี่เป๊ะเว่อ ได้จารย์ทศซ่อมให้เหมือนได้จิตรกรโบราณมาลงมือเอง มึงว่าจารย์แกเป็นคนโบราณมาเกิดรึเปล่าวะ”

“มึงก็ถามจารย์สิ จารย์แกก็อยู่ตรงนี้แล้ว มาถามกู กูจะรู้มั้ย”

“ขอบใจที่ชม แต่พวกเธอสองคนตั้งใจทำงานเสียก่อน นี่จิตรกรรมฝาผนังของวัดพระแก้วนะ จะมาทำเล่นๆ ไม่ได้ รีบทำเสีย จะได้ไปทำภาพด้านอื่นต่อ” จารย์ทศที่ถูกพาดพิงหันมาเอ่ยเสียงดุ

จารย์ทศ หรือทศพล ชาติพิภักดิ์ เป็นอาจารย์ประจำคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ สาขาวิชาจิตรกรรม ของมหาวิทยาลัยชื่อดังด้านศิลปะแห่งหนึ่งของประเทศไทย เขาสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอกของคณะและสาขาที่เขาเป็นอาจารย์ประจำ

“ค้าบบบบ จารย์” หนึ่งในสองลูกศิษย์รับคำเสียงอ่อย ก่อนจะรีบเดินไปนั่งยังที่นั่งประจำของตนเองที่อีกด้านหนึ่งของภาพจิตรกรรม

“ไอ้เจท จารย์ทศแกมีแฟนยังวะ” หนึ่งในสองลูกศิษย์ที่ถูกไล่ให้มาทำงานยังซุบซิบกันต่อ

“กูจะรู้มั้ย กูไม่ใช่แฟนจารย์นะโว้ย แต่…” เจททำสีหน้าครุ่นคิด

“…กูว่าจารย์มีแฟนแล้วว่ะ จารย์แกสามสิบสองแล้วนะโว้ย ยังไงต้องมีแฟนแล้วแน่ๆ ถึงจะไม่เคยเห็นแฟนแกก็เหอะ มึงเคยเห็นจารย์พาแฟนมาที่มหา’ลัยมั่งมั้ยล่ะ ไอ้ปืน”

“ไม่เคยเหมือนกัน แต่หล่อๆ ฐานะดีพอตัวอย่างจารย์ทศ นิสิตสาวๆ กรี๊ดกร๊าดกันจะตาย แต่จารย์แกสนเสียที่ไหนล่ะ หวงเนื้อหวงตัวอย่างกับพระฤๅษี วันๆ เห็นแต่เตรียมสอนกับซ่อมงานภาพจิตรกรรม สงสัยจารย์แกคงรอนางในวรรณคดีมาเกิดเป็นเนื้อคู่แกมั้ง”

“เออ นั่นสิ สงสัยต้องนางในวรรณคดี เท่าที่กูพอรู้นิสัยจารย์นะ จารย์แกชอบผู้หญิงเรียบร้อย แล้วสมัยนี้มันจะมีได้ไงวะ ไอ้ที่เรียบร้อยน่ะ แล้วมึงว่าต้องนางในวรรณคดีคนไหนวะที่จารย์แกน่าจะชอบ”

ปืนนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ค่อยเอ่ยออกมา “กูเดาอยู่สามคน สุวรรณมาลี ละเวงวัณฬา แก้วหน้าม้า คนอื่นนี่ออกแนวสวยใสล้วนๆ แต่สามคนนี้สวยด้วยเก่งด้วย แถมรักผัวเป็นที่หนึ่ง”

“เป็นไปได้ว่ะ แต่เท่าที่กูรู้ จารย์แกก็ชอบวรรณคดีทุกเรื่องนะ แต่กับรามเกียรติ์ แกทั้งชอบและไม่ชอบ แกชอบรามเกียรติ์ตรงที่เป็นบทละครโบราณ มีภาพจิตรกรรมสวยๆ โขนงามๆ รักษาศิลปะไทยไว้ได้เป็นอย่างดี แต่แกไม่ชอบตรงกำเนิดทศกัณฐ์แล้วก็อะไรอีกหลายอย่างในเรื่อง”

“ก็อย่างที่เรารู้ๆ กัน นนทกโดนเทวดาแกล้งก่อน พอนนทกเอาคืน เทวดาสู้ไม่ได้ก็ไปขอพระนารายณ์มาช่วย ขนาดพระนารายณ์ยังไม่กล้าสู้กับนนทกตรงๆ ต้องแปลงเป็นนางฟ้ามาล่อลวง ถึงจะบอกว่าการศึกไม่หน่ายอุบายก็เหอะ แต่พระนารายณ์ก็กลัวแหละวะว่าจะสู้ไม่ได้ ถึงต้องแปลงเป็นผู้หญิง ถ้าแน่จริงก็แปลงเป็นอย่างอื่นสิ ก็สมควรที่นนทกจะเย้ยแหละว่า…

บัดนั้น นนทกผู้ใจแกล้วหาญ

ได้ฟังจึ่งตอบพจมาน ซึ่งพระองค์จะผลาญชีวี

เหตุใดมิทำซึ่งหน้า มารยาเป็นหญิงไม่บัดสี

ฤๅว่ากลัวนิ้วเพชรนี้ จะชี้พระองค์ให้บรรลัย

“…อ่านกลอนมาถึงบทนี้ กูนี่โคตรเห็นด้วยกับนนทกเลย” เจทตอบ

“จริงของมึง แถมพระนารายณ์ยังมั่นหน้าตอบอีกนะว่า…

เมื่อนั้น พระนารายณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี

ได้ฟังจึ่งตอบวาที กูนี้แปลงเป็นสตรีมา

เพราะมึงจะถึงแก่ความตาย ฉิบหายด้วยหลงเสน่หา

ใช่ว่ากลัวฤทธา ศักดานิ้วเพชรนั่นเมื่อไร

“…อ่านมาถึงตอนนี้ กูอยากบอกพระนารายณ์ว่า ‘กรี๊ดสิครับ กรี๊ดมันออกมา’ รู้ว่าสู้ไม่ได้เลยต้องใช้อุบายนี้ แถมยอมรับไม่ได้อีก ศักดิ์ศรีมันค้ำคอ เพราะถ้าสู้กันตรงๆ นนทกชี้นิ้วทีเดียว พระนารายณ์ก็ตายสนิท เป็นเทวดาแพ้ไม่ได้ เสียอะไรไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้ พระนารายณ์แพ้นี่ ฉาวโฉ่ทั้งสวรรค์เลยนะเว้ย”

“ถูกของมึง แล้วพอกูอ่านรามเกียรติ์ไปจนถึงตอนทศกัณฐ์ตาย กูงี้สงสารเลย แบบถูกกลั่นแกล้งล่อลวงสารพัดตั้งแต่เป็นนนทกยันเป็นทศกัณฐ์ แถมหนึ่งในคนที่ช่วยศัตรูคือพิเภก น้องชายตัวเอง กูอยากรู้จริงๆ พิเภกมันไม่รู้สึกอะไรมั่งหรือวะ บอกความลับพี่ชายให้ศัตรูรู้ทุกเรื่อง กูยอมรับว่าทศกัณฐ์ไม่ใช่ยักษ์ที่ดีเท่าไหร่ แต่ถ้ามองตั้งแต่เริ่มต้นเรื่อง คนผิดคือเทวดาไม่ใช่เหรอวะ นนทกมันก็ทำหน้าที่ตักน้ำล้างเท้าให้อย่างเรียบร้อย แต่เทวดาดันไปแกล้งเขาเอง แล้วจะให้คนถูกแกล้งอดทนจนตายรึไง” ปืนเห็นด้วย

“นั่นน่ะสิ แล้วตอนที่ทศกัณฑ์หลงเชื่อหนุมาน คนอ่านอาจจะถามว่าทำไมทศกัณฐ์ถึงโง่ ยอมเชื่อหนุมานขนาดนั้น กูว่านั่นฟางเส้นสุดท้ายของทศกัณฐ์ เพราะส่งใครไปรบกับพระราม ก็ตายหมด พอหนุมานมาก็เลยหลงเชื่อสนิทใจ อ่านมาถึงตอนนี้ กูงี้ร่ำๆ จะเข้าไปกระทืบหนุมานเลยด้วยซ้ำ” เจทตอบ

“แล้วถ้าพวกเธอช่วยทศกัณฐ์ได้ พวกเธอจะช่วยมั้ย” มีเสียงคนถามแทรกขึ้น

“อ้าว ! จารย์ มาแอบฟังพวกผมคุยกันตั้งแต่เมื่อไหร่” ปืนถามขึ้น

“ไม่ต้องแอบฟังหรอก พวกเธอสองคนคุยกัน ขนาดครูนั่งตรงโน้น ยังได้ยินชัดแจ๋ว” ทศพลตอบกลับอย่างหมั่นไส้

เจทและปืนต้องหน้าเจื่อน เพิ่งรู้ตัวว่าคุยกันเสียงดังจนอาจารย์ต้องลุกมา

เสียงร้องไห้ปริศนา (2/3)

“ขอโทษครับ จารย์” สองคนพร้อมใจกันขอโทษออกมา

“ตอบคำถามครูมาก่อน ถ้าพวกเธอช่วยทศกัณฐ์ได้ จะช่วยมั้ย”

“ช่วยสิครับ ช่วยให้รบชนะพระราม พอรบชนะแล้วก็คืนสีดาให้พระรามไป เพราะสีดาเป็นลูกสาวทศกัณฐ์ ยังไงทศกัณฐ์ก็ไม่ควรเอาเป็นเมีย แต่ยัยสีดานี่ตัวดี ตอนหนุมานมาช่วยจะพากลับไปหาพระราม ถ้านางกลับไปด้วยตั้งแต่ตอนนั้น เรื่องก็จบแล้วมั้ย แต่นางดัดจริตปฏิเสธ นางบอกว่า

อันตัวเรายากเย็นเพราะเปนหญิง ไม่สิ้นสิ่งพะวงสงไสย

ประเดี๋ยวยักษ์ลักมาลิงพาไป เทพไทจะติฉินนินทา

จงทูลพระอวตารผ่านเกล้า ว่าตัวเราบังคมก้มเกษา

ไม่ลืมคิดถึงพระคุณกรุณา แต่ครองใจไว้ท่าก็กว่าปี

เชิญเสด็จผ่านฟ้ามาโปรด พิฆาฏโคตรทศภักตร์ยักษี

ให้สิ้นทั้งลงกาธานี จึ่งสมที่มันอาจอหังกา

มาทแม้นทศกรรฐ์มันไม่ตาย เราจะวายชีวังสังขาร์

“…จากกลอนนี่ก็บอกชัดถึงความคิดนาง ยัยสีดานี่ทั้งโหดทั้งโรคจิต ทศกัณฐ์มีความผิดน่ะใช่ คือลักพาตัว ถ้านางคิดฆ่าแค่ทศกัณฐ์ก็ยังถือว่าสมเหตุสมผล แต่นี่คุณเธอถึงกับจะฆ่าให้หมดวงศ์ยักษ์ ผู้หญิงแบบนี้ไม่ควรยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด ให้เป็นคู่นอนผมยังไม่เอาเลย เกิดวันดีคืนดีนางลุกมาฆ่าปาดคอผม ก็อิ๊บอ๋ายกันพอดีน่ะสิ” เจทตอบ

“ถูกของเจท แถมพอรบชนะ สุดท้ายยัยสีดาก็ต้องมาลุยไฟพิสูจน์ความบริสุทธิ์เพราะพระรามไม่เชื่อใจ จริงๆ ยัยสีดาควรคิดได้แต่แรกว่ากว่าพระรามจะชนะทศกัณฐ์มันตั้งกี่ปี นางอยู่กับทศกัณฐ์หลายปีขนาดนี้ ผู้ชายที่ไหนจะเชื่อว่านางไม่เคยถูกทศกัณฐ์ล่วงเกิน ดังนั้น ที่ถูกต้องคือ นางควรให้หนุมานพากลับไปตั้งแต่ตอนนั้น แล้วลุยไฟพิสูจน์ความบริสุทธิ์ เรื่องก็จบแล้วอย่างเจทบอก แต่นี่นางดัดจริต ทำเป็นอ้างว่าเพื่อศักดิ์ศรี แต่ที่จริงคือนางแค้นเลยตั้งใจฆ่าทั้งตระกูลยักษ์ ผู้หญิงแบบนี้ ผมไม่เอามาเป็นเมียเด็ดขาด โรคจิตชัดๆ ไม่ควรยุ่งเกี่ยวอย่างยิ่ง” ปืนเสริม

“และถ้าผมมีโอกาสนะจารย์ ผมจะเชือดพิเภกทิ้งเป็นคนแรก น้องเลวๆ แบบนี้ เอาไว้ไม่ได้ ไปสวามิภักดิ์กับศัตรูก็ทุเรศพอแล้ว นี่ยังบอกความลับทุกอย่างให้ศัตรูรู้ ไม่ต้องเอาไว้ทำญาติกันล่ะ หรือถ้าผมเป็นพระราม เสร็จศึกทศกัณฐ์ ผมก็ฆ่าพิเภกทิ้ง คนแบบนี้จะไว้ใจได้ยังไง ขนาดพี่ชายตัวเองเรียกได้ว่าเป็นญาติสนิท มันยังทรยศได้ พระรามไม่ได้เป็นญาติข้างไหนของพิเภก ยิ่งทรยศง่ายเข้าไปอีก” ปืนตอบ

“ผมก็คิดเหมือนปืนครับจารย์ พระรามจะไม่มีวันได้เปรียบทศกัณฐ์ถ้าไม่มีพิเภกคอยช่วย ถ้าผมเข้าไปในรามเกียรติ์ได้ ผมจะบอกทศกัณฐ์ให้ฆ่าพิเภกทิ้ง ไม่ใช่ไล่ออกจากกรุงลงกา ถึงเทวดาจะส่งเวสสุญาณเทพบุตรพร้อมแว่นวิเศษมาเกิดใหม่ มันก็ไม่ทันแล้ว”

ทศพลพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ตั้งแต่อ่านรามเกียรติ์ครั้งแรกสมัยเรียนมัธยม เขาก็รู้สึกแล้วว่าเรื่องราวมันไม่ยุติธรรมมาตั้งแต่แรก แต่คนอ่านก็ไม่ได้คิดถึงจุดนี้ มองแต่ความสนุกและความสวยงามของโขนและภาพจิตรกรรมฝาผนังเท่านั้น

ทีตอนนางวันทอง ยังมีนักอ่านคิดแทนวันทองเลยว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้วันทองเลือกไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่ความผิดของนาง นางไม่ควรถูกประหารแล้วยังกลายเป็นเปรตให้น่าเวทนาอีก

ดังนั้น ทศกัณฐ์ก็ควรได้รับความยุติธรรมเช่นเดียวกับนางวันทอง หากมีคนชี้แนะดีๆ ทศกัณฐ์จะเป็นยักษ์ที่ดีได้ เพราะตั้งแต่ตอนเป็นนนทก นนทกก็ไม่ได้ทำสิ่งใดไม่ดี ที่ผิดคือเทวดาที่มากลั่นแกล้งนนทกต่างหาก คนที่ควรถูกลงโทษหนักที่สุดคือเทวดาพวกนั้น

อีกคนที่ควรถูกลงโทษหนักคือพระอิศวร เป็นเทวดาประสาอะไร ประทานพรแบบไม่คิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบ พอเกิดเรื่องก็มาคิดแค้นคนที่มาขอพร แทนที่จะมองว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ให้พรไปอย่างไม่รอบคอบ และยังวิ่งโร่ไปให้พระนารายณ์ช่วยทุกครั้ง คิดแล้วก็สุดแสนอนาถใจ

แถมพระอิศวรยังโกงให้ฝ่ายเทวดา ด้วยการให้เทพบุตรเวสสุญาณลงมาเกิดเป็นพิเภก น้องชายร่วมอุทรของทศกัณฐ์ เท่านั้นยังไม่พอ พระอิศวรยังให้แว่นแก้ววิเศษติดตัวมาด้วยเพื่อให้เป็นไส้ศึกให้พระนารายณ์ที่อวตารลงไปเกิดเป็นพระราม

จำกูจะให้เวสสุญาณ ไปเกิดร่วมวงศ์วานทศพักตร์

เมื่อพระสี่กรจะลงไป จะได้ถามเหตุเบาหนัก

เป็นไส้ศึกอยู่ในเมืองยักษ์ จึงจักสิ้นวงศ์สาธารณ์

อ่านกลอนบทนี้ทีไร ทศพลต้องหงุดหงิดทุกครั้ง พระนารายณ์รบชนะก็เพราะฝ่ายตัวเองโกงตั้งแต่แรก โกงตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแข่งขัน ความผิดนนทกคือฆ่าเทวดาที่มากลั่นแกล้งตนเพื่อแก้แค้น พระอิศวรกับพระนารายณ์นอกจากไม่สืบสวนว่าทำไมนนทกฆ่าเทวดา มีแต่จับจ้องความผิดของนนทกที่ฆ่าเทวดา แล้วจึงลงโทษด้วยการให้พระนารายณ์สังหารนนทก และพระอิศวรยังถึงกับลงโทษด้วยการฆ่าล้างวงศ์ยักษ์ ทั้งๆ ที่เป็นความผิดของตนเองที่ไม่คิดให้รอบคอบก่อนจะประทานพรให้นนทก และยักษ์ตนอื่นก็ไม่ได้ทำความผิดอะไรด้วย พระอิศวรมีสิทธิ์อะไรไปฆ่าพวกเขา

ดังนั้น ที่ผิดตั้งแต่ต้นคือเทวดาโดยเฉพาะพระอิศวร เรียกได้ว่า ‘ความผิดของตัวไม่แก้ไข โยนความบรรลัยให้คนอื่น’ ทศพลคิดว่านี่เป็นนิยามที่ตรงกับพระอิศวรในรามเกียรติ์มากที่สุดเลยเชียวล่ะ

ที่สำคัญคือ พระอิศวรถือว่าพรใดที่ประทานให้ใครไปแล้วก็ให้ไปเลย ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก่อนจะให้ก็ควรคิดให้รอบคอบเสียก่อนสิ ไม่ใช่ให้ไปแล้ว พอเดือดร้อนขึ้นมาก็โทษคนอื่นหมด ไม่หันมามองดูตัวเองเลยว่านี่เป็นความผิดของตนเองที่ไม่รอบคอบ พระอิศวรในรามเกียรติ์นี่เรียกได้อีกอย่างว่า ‘ความผิดคนอื่นเท่าภูเขา ความผิดตัวเราเท่าเส้นผม’ เป๊ะเลย

เสียงร้องไห้ปริศนา (3/3)

ทศพลยังเคยคิดว่าถ้าเขาเป็นนนทกล่ะก็ ได้พรมาแล้ว เขาจะชี้พระอิศวรก่อนเลย จัดการตัวปัญหาที่แท้จริงของเรื่องทั้งหมดไปก่อน หมดพระอิศวร ทุกอย่างก็สงบสุข จากนั้นค่อยไปชี้พระอุมา พระนารายณ์ พระลักษมี พระอินทร์ ฆ่าปิดปากและฆ่าตัดตอนเสียให้เรียบ หลังจากนั้นเขาก็ทิ้งหน้าที่ตักน้ำล้างเท้า ไปปลีกวิเวกอยู่อย่างสงบดีกว่า

“จารย์คิดไรครับ เงียบไปเลย” เจทถามขึ้น

ทศพลจึงได้รู้สึกตัว

“ครูแค่คิดเหมือนพวกเธอนั่นแหละ แต่ตอนนี้ เลิกคุยได้แล้ว ทำงานเสีย” ทศพลบอกแล้วก็เดินกลับไปนั่งทำงานซ่อมแซมภาพจิตรกรรมฝาผนังต่อ

ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เขากำลังวาดซ่อมแซมนี้เป็นภาพเหตุการณ์ตอนทศกัณฐ์ล้ม พญายักษ์ล้มลงสิ้นใจแล้ว มีนางอัคคีและนางมณโฑ มเหสีทั้งสองมาดูศพของทศกัณฐ์

ทศพลเห็นภาพนี้แล้ว เขารู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก เขาไม่ค่อยแวะเวียนมาดูภาพนี้ทั้งๆ ที่ชอบภาพจิตรกรรมฝาผนังมาก เพราะเขารู้สึกมาตลอดว่าทศกัณฐ์ตายอย่างไม่ยุติธรรม เขาเพียงแค่คิดว่าในเมื่อเทวดาโกงทศกัณฐ์แล้ว เขาก็อยากโกงเทวดาให้ทศกัณฐ์บ้างเพื่อให้เท่าเทียมกัน สองฝ่ายสู้กัน มันควรจะทัดเทียมกันสิ นี่เล่นโกงแหลกอยู่ฝ่ายเดียว แล้วมาเชิดชูว่าพระรามเก่ง พระนารายณ์เก่ง เทวดาเก่ง มันใช้ได้ที่ไหน

แล้วเขาจะคอยดูว่าพระราม พิเภก และหนุมานจะทำอย่างไร เมื่อเดินแผนใด แผนนั้นก็ไม่สำเร็จ และหากเขาสามารถทวงความเป็นธรรมให้ทศกัณฐ์ได้ พญายักษ์ตนนี้ก็ไม่ต้องตาย และน่าจะมีชีวิตที่ดีไม่น้อยโดยที่พระรามและเหล่าเทวดาทั้งหลายก็ทำอะไรพญายักษ์ตนนี้ไม่ได้ เพราะทศกัณฐ์จะไม่ทำผิดอีกต่อไปแล้ว

ฮึก…ฮึก…ฮือ

ฮึก…ฮึก…ฮือ

ฮึก…ฮึก…ฮือ

หูของทศพลแว่วเสียงร้องไห้ของผู้ชายคนหนึ่ง ทันทีที่ได้ยิน เขาสัมผัสได้ว่าเสียงนี้โศกเศร้าเหลือเกิน ที่สำคัญคือ ไม่ได้เป็นการร้องไห้คร่ำครวญอย่างผู้หญิงที่ชอบร้องไห้ตีโพยตีพาย แต่เป็นการสะอึกสะอื้นที่เต็มไปด้วยความอดทนอดกลั้นและเจือด้วยความทุกข์ทนอย่างลึกล้ำ แสดงว่าผู้ชายคนนี้ต้องอดทนจนถึงที่สุดมาแล้วจนกระทั่งทนไม่ไหว เขาจึงร้องไห้ออกมา ทศพลต้องแปลกใจก่อนจะหยุดมือที่กำลังทำงานและเหลียวมองไปรอบๆ ทว่ารอบตัวเขาเวลานี้ มีช่างฝีมือนั่งห่างกัน แต่ละคนกำลังขะมักเขม้นซ่อมแซมภาพจิตรกรรมอยู่ ไม่มีใครมีทีท่าว่าจะได้ยินเสียงร้องไห้นี้ แล้วอย่างนั้น เสียงนี้มาจากไหนกัน

ฮึก…ฮึก…ฮือ

ฮึก…ฮึก…ฮือ

ฮึก…ฮึก…ฮือ

เสียงร้องไห้ยังคงแว่วให้เขาได้ยิน เขาต้องแปลกใจว่าไม่มีใครได้ยินเหมือนเขาเลยอย่างนั้น?

ทศพลกลอกตาครุ่นคิดพร้อมกับเงี่ยหูฟังเพื่อมองหาที่มาของเสียง จนกระทั่งเขาจับทิศทางได้ว่าเสียงร้องไห้นี้ดังมาจากตรงหน้าเขา ! !

แต่ตรงหน้าของเขาคือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังตอนทศกัณฐ์ล้ม ! !

เขาต้องแปลกใจว่าเสียงร้องไห้ดังมาจากตรงหน้าเขาได้อย่างไร และครู่ถัดมาทศพลก็ต้องเบิ่งตากว้างอย่างตกตะลึงเมื่อเขามองเห็นชัดเจนว่าภาพพญายักษ์ทศกัณฐ์ที่นอนตายอยู่นั้น มีน้ำตาไหลออกมา เขาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ พู่กันร่วงหลุดจากมือโดยไม่รู้ตัว เขายกมือขยี้ตาตนเองทั้งสองข้างและเพ่งมองอีกครั้งให้แน่ใจ

คราวนี้เขายิ่งเห็นชัดเจนว่าใบหน้าของทศกัณฐ์มีน้ำตานองเต็มสองแก้ม และยังลืมตาขึ้นจ้องมองเขา ไม่สิ ไม่ใช่จ้องมอง หากสบตากับเขาตรงๆ เลยเชียวล่ะ ทศพลเบิ่งตากว้าง อ้าปากค้างอย่างตกใจยิ่งกว่าเดิม

“เฮ้ย ! ไอ้เจท จารย์ทศเป็นลม ! !” ปืนบอกเสียงดังอย่างตกใจ

“อาจารย์ฟื้นแล้ว ! !”

เสียงของใครสักคนดังขึ้นอย่างดีใจเมื่อเห็นเขาขยับตัว ทศพลต้องขมวดคิ้วก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น กวาดตามองรอบๆ ก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

“ไอ้ปืน มึงไปตามอาจารย์ห้องพยาบาลมาเร็ว บอกว่าจารย์ทศฟื้นแล้ว”

เสียงของเจท ลูกศิษย์ของเขาดังขึ้น มองเห็นปืน ลูกศิษย์ของเขาอีกคนรีบเดินออกไปนอกห้อง

“เจท ครูเป็นอะไร” เขาถามอย่างงุนงง

“อาจารย์เป็นลมครับ ผมกับคนอื่นเห็นอาจารย์หล่นจากเก้าอี้ลงมานอนที่พื้น โชคดีว่าอาจารย์ไม่ได้นั่งอยู่บนนั่งร้าน ไม่งั้นถ้าตกลงมาล่ะก็ ต้องแย่แน่ๆ”

ทศพลจ้องเจทอย่างประหลาดใจ เขาจำได้ว่าเขามองเห็นใบหน้าของทศกัณฐ์มีน้ำตานองเต็มสองแก้มและกำลังสบตากับเขา จากนั้นเขาก็ไม่รู้ตัวอีกเลย

“อาจารย์ทศ เป็นไงบ้างคะ” เสียงของอาจารย์ประจำห้องพยาบาลดังขึ้น

“ดีขึ้นแล้วครับ ว่าแต่ผมเป็นลมหรือครับ”

“ใช่ค่ะ อาจารย์เป็นลม น่าจะเพราะตรากตรำและเร่งงานมาตลอดหลายวัน ร่างกายพักผ่อนไม่พอแถมเครียด เลยเป็นลมน่ะค่ะ เท่าที่ดิฉันตรวจร่างกายอาจารย์ในเบื้องต้น สุขภาพของอาจารย์ก็ไม่มีอะไรน่าห่วง แต่ยังไงก็อย่าไว้ใจ อาจารย์ไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจดูสักหน่อยจะดีกว่านะคะ” อาจารย์ประจำห้องพยาบาลบอกอย่างเป็นห่วง

“ครับ” ทศพลรับคำอย่างประหลาดใจที่สุด

“วันนี้ อาจารย์อย่าเพิ่งไปซ่อมภาพวาดต่อเลยค่ะ กลับบ้านไปพักผ่อน ปล่อยให้คนอื่นทำงานไปก่อนสักสองสามวัน พรุ่งนี้อาจารย์ไปหาหมอตรวจร่างกาย แล้วพักถึงวันมะรืนอีกสักวัน จากนั้นค่อยกลับมาทำงานดีกว่านะคะ”

“ครับ ขอบคุณมาก”

ทศพลจึงลาป่วยวันนี้ วันรุ่งขึ้นและวันมะรืนเพื่อไปหาหมอและพักผ่อนตามที่อาจารย์ห้องพยาบาลแนะนำ หน่วยงานของกรมศิลปากรที่เขารับงานซ่อมแซมภาพจิตรกรรมฝาผนังก็อนุมัติใบลาป่วยของเขาทันทีเพราะทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 0

ยังไม่มีความเห็น