คนเรา “เลือกเกิด” ไม่ได้! แต่ถ้าร่างกายไม่ไหวขอสิทธิ์“เลือกตาย” ได้ไหม?
“การฆ่าตัวตาย” เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้บ่อยในสังคมโลกไม่ว่าจะเป็นชาติไหนๆ เราอาจไม่รู้เหตุผลของคนที่ฆ่าตัวตายแน่ชัดว่าทำไมพวกเขาถึงฆ่าตัวตาย แต่การฆ่าตัวตายก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่รับกันไม่ได้ในสังคม ไม่ว่าจะในทางกฎหมายหรือทางศีลธรรม ในสายตาของสังคม “การฆ่าตัวตาย” คือการตายที่ไร้ค่า แรงกว่านั้นคืออ่อนแอ บาปกรรม
หากพวกเขาพิจารณาถี่ถ้วนแล้ว ว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ชีวิตที่จะใช้ต่อไปข้างหน้านั้นหนักหนา การรอคอยวันพรุ่งนี้หรือวันข้างหน้าเป็นเรื่องเสียเวลา ความคิดฆ่าตัวตายกลายเป็นน้ำหนักสะสม ไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบ และการทำให้ตัวเอง “หายไป” อาจทำให้ปมปัญหาที่คนอื่นรอบข้างต้องแบกรับเบาบางลง เขามีสิทธิแค่ไหน ในการร้องขอความช่วยเหลือที่จะหยิบยื่น “ความตาย” ให้ตนเอง
เมษายน 2002 เนเธอร์แลนด์คือประเทศแรกที่มีกฎหมายรองรับการทำการุณยฆาต (euthanasia) และการฆ่าตัวตายด้วยความช่วยเหลือทางการแพทย์ (assisted suicide) โดยมีข้อกำหนดคร่าวๆ คือ ผู้ป่วยต้องอยู่ในภาวะเจ็บปวดที่ไม่อาจทนได้ รักษาไม่หาย และการร้องขอต้องทำขณะมีสติรู้ตัว
ปีเดียวกัน เบลเยียมเป็นประเทศที่สองที่กฎหมายอนุญาตให้ทำการุณฆาต โดยแพทย์สามารถช่วยเหลือให้ผู้ป่วยจบชีวิตตนเองเพื่อหนีความทุกข์ทรมานเจ็บปวดของตัวเอง สำหรับกรณีการุณยฆาตจะทำให้กับผู้ป่วยที่พิจารณาแน่ชัดแล้วว่า อยู่ในภาวะโคม่าจนไม่อาจฟื้นคืนมาได้อีก
เยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ก็อนุญาตให้มีการช่วยให้ฆ่าตัวตายได้ในบางกรณี ที่น่าสนใจและรู้จักกันวงกว้างคือ สวิตเซอร์แลนด์ ที่ครอบคลุมถึงผู้ที่ไม่มี “แรงบันดาลใจในการมีชีวิตอยู่ต่อไป” และมีการตั้งองค์กรอย่าง Dignitas และ Exit มาเพื่อหยิบยื่นความตายที่มีเกียรติให้กับผู้ที่สมัครใจและมีคุณสมบัติพร้อมจะจบชีวิตตัวเองลงจริงๆ
ได้โปรดให้ฉันตาย
เรายอมรับโดยทั่วไปว่าเรามีสิทธิในชีวิต ซึ่งสิทธินี้เป็นสิทธิโดยธรรมชาติ (natural right) เราย่อมมีสิทธิที่จะสามารถดำรงชีวิตของตนให้มีชีวิตดำเนินอยู่ได้ แล้วเรามี “สิทธิที่จะตาย” ได้หรือไม่? การมีชีวิตอยู่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการชีวิตเช่นเดียวกับการตาย สิทธิที่จะตายจึงควรเป็นหนึ่งในสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในการดำรงชีพเราย่อมมีสิทธิที่จะได้รับการรักษาพยาบาล และเนื่องจากในปัจจุบันความรู้ทางการแพทย์เจริญก้าวหน้าขึ้นมาก รวมถึงเทคโนโลยีที่นำมาใช้รักษาและช่วยยืดชีวิตให้มนุษย์มีอายุยืนยาวกว่าในอดีต แต่ถึงอย่างนั้นมนุษย์ก็ต้องประสบกับความตายอยู่ดี ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่าวิธีการและเทคโนโลยีดังกล่าวอาจเป็นการเพิ่มความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวดแก่ผู้ป่วยหรือไม่ อีกทั้งยังเป็นการเหนี่ยวรั้งชีวิตที่ดูเหมือนเป็นการฝืนธรรมชาติจนเกินไป จึงเกิดเป็นปัญหาว่าเรามีสิทธิที่จะตายได้หรือไม่ หรือเลือกที่จะเร่งรัดกระบวนการชีวิตให้จบลงก่อนกำหนดเวลา
ในมุมมองทางด้านศาสนาเห็นว่าการฆ่าเป็นบาป ศาสนาคริสต์มีหลักคำสอนและความเชื่อว่าชีวิตมนุษย์เป็นสิ่งพระเจ้าประทานมา ชีวิตและความตายของมนุษย์ถูกกำหนดโดยพระเจ้า มนุษย์แต่ละคนเป็นสมบัติของพระเจ้า มนุษย์ไม่มีสิทธิที่จะกำหนดความตายหรือฆ่าตัวตาย ซึ่งเป็นการขัดพระประสงค์ของพระเจ้า
ศาสนาอิสลาม เชื่อและยอมรับในการมีอยู่ของพระเจ้าเช่นเดียวกับศาสนาคริสต์ ว่ามนุษย์เกิดขึ้นเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า มนุษย์มีหน้าที่กระทำตามพระสงค์ของพระองค์
ศาสนาพุทธ มีศีลข้อ 1 คือ “เว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต” การฆ่าจึงเป็นบาป พุทธศาสนามองว่าความตายเป็นเรื่องธรรมชาติที่มนุษย์จะต้องประสบ เราไม่ควรหวาดกลัววิตก หรือพยายามหลีกเลี่ยงความตายเมื่อถึงเวลา ความตายเป็นสิ่งที่กำหนดขึ้นตามกำหนดเวลา เราควรเจริญมรณานุสติ คือ ตั้งมั่นมีสติเตรียมพร้อมที่จะเผชิญความตายอยู่เสมอ
คนเรามีสิทธิที่จะตายได้จริงหรือไหม?
หากเราเชื่อว่าเรามีร่างกายเป็นของตนเองเรามีสิทธิอย่างเต็มที่ที่จะทำอะไรก็ได้กับร่างนั้น แม้แต่จะพรากชีวิตของตนเอง เราเลือกเกิดไม่ได้แล้วเราจะเลือกตายได้หรือ แต่การที่เราพยายามเหนี่ยวรั้งชีวิตจนเกินไปเมื่อความตายมาเยือนเท่ากับว่าเราเลือกที่จะไม่ตาย และเมื่อเราเชื่อว่าเรามีสิทธิเสรีภาพอย่างเต็มที่แต่ว่าสิทธิของเรานั้นไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น ฉะนั้นเรามีสิทธิจริงๆอย่างเต็มที่หรือไม่ โดยสามัญสำนึกทั่วไปเราเชื่อว่าเรามีสิทธิที่จะทำอะไรก็ได้แต่จะต้องไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน การกระทำที่เป็นการละเมิดความสงบสุขแก่ส่วนรวม การกระทำนั้นควรหลีกเลี่ยงหรือห้ามกระทำได้ ความตายที่ถูกมองว่าเป็นอันตราย ไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้กระทำ และทำให้เกิดเรื่องเดือดร้อนแก่ส่วนรวม ผู้อื่นย่อมมีสิทธิจะแทรกแซงการกระทำนั้นได้หรือไม่ เราควรให้น้ำหนักไปด้านใดด้านหนึ่งอย่างไรดี
สำหรับคุณ คุณคิดเห็นอย่างไร ถ้าคนเราสามารถที่จะเลือกเวลาตายได้ เพราะนั่นอาจถือเป็น “สิทธิขั้นพื้นฐาน” อย่างหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนพึงมี
อ้างอิง
https://www.bbc.com/thai/international-40692105
https://thestandard.co/right-to-die-case-david-goodall-scientist-dies/
https://waymagazine.org/right_to_die/
ความเห็น 68
BEST
ร่างกายของเราตัวเราควรมีอำนาจการตัดสินใจเองใครไม่ป่วยไม่ร้หรอก
28 ต.ค. 2561 เวลา 00.44 น.
RANCHIDA,🐠
BEST
คือถ้าเต็มใจตายก็ตายได้น่ะ แต่ต้องทำให้มันเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย ขออย่างเดียวเวลาจะฆ่าตัวตายอย่าให้เป็นภาระสังคม ไม่เอาแบบว่ากระโดดลงมาจากชั้น3ของห้าง แบบนี้น่ะไม่เอา! ชีวิตใครชีวิตมัน เคารพการในตัดสินใจน่ะเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว แต่อย่าสร้างภาระให้สังคมแค่นั้นพอ
28 ต.ค. 2561 เวลา 00.46 น.
Pim
BEST
ดีอยากให้มีกฏหมายมารองรับเหมือนต่างประเทศ หลายอย่างที่เราควรพัฒนา
28 ต.ค. 2561 เวลา 00.43 น.
Kenny2
เห็นด้วยว่าควรอนุญาตื ภายใต้เงื่อนไขที่ ร่างนั้นหมดสภาพแล้วในส่วนที่สำคัญ และ การเก็บไว้เป็นภาระ ของญาติ แพทย์ เครื่องมือ....ต้องแพทย์ยืนยัน เจ้าตัวยืนยัน(หรือเดี้ยงไปแล้ว) และ ญาติโอเค----ไม่ใช่คนที่ มือ เท้าครบ สติครบ ป่วยเรื้อรัง แล้วอยากจะตาย อันนี้ไม่ควรยอมรับ/เพราะ ท่านมีสิทธิฆ่าตัวตายเอง(อัน สิทธินั้น มนุษย์ดำริขึ้นเองตามระบบสังคม....ในธรรมชาติไม่มีคำนี้นะ แล้วก็ไม่มีสัตว์ที่เกิดมาแล้ว ทำลายชีวิตตัวเอง_ทุกชีวิตเค้า สู้กันจนกว่าจะสู้ไม่ไหวทั้งนั้น...เค้าไม่ "เอาง่าย"กันแบบ มนุษย์หรอก)
28 ต.ค. 2561 เวลา 01.16 น.
โรคบางโรคคนไข้ก็ทรมานคนรักษาก็หมดเงินติดหนี้ต้องมาใช้หนี้ก็ทรมานน่าจะเป็นทางเลือกนะคับ
28 ต.ค. 2561 เวลา 00.44 น.
ดูทั้งหมด