อย่างที่รู้กันว่ามนุษย์มีสัญชาตญาณของการเอาตัวรอด เพราะฉะนั้นสิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ “ความเห็นแก่ตัว”
คนเราทุกคนมีความเห็นแก่ตัวด้วยกันทั้งนั้น เห็นแก่ความสุขส่วนตัวบ้าง เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวบ้าง มากบ้าง น้อยบ้าง แตกต่างกันไป
แต่สิ่งหนึ่งที่คนเห็นแก่ตัวมีเหมือนกัน ก็คือวิธีคิดที่ไม่เหมือนคนทั่วไป คนเหล่านี้จะมีมุมมองและตรรกะที่ประหลาดจนหลายคนต้องตกใจว่าคิดได้ยังไง
วิธีคิดพวกนี้แหละที่หล่อหลอมจนทำให้ “เห็นแก่ตัว” ทั้งในแบบที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ซึ่งทั้ง 7 ความจริงนี้คือเบื้องหลังที่แสดงให้เห็นว่าคนเห็นแก่ตัวเค้าคิดกันยังไง
1. แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก
“นิดเดียวเอง ไม่เป็นไรหรอก” คนเห็นแก่ตัวแทบทุกคนมักมีความคิดแบบนี้ อาศัยคำว่า “ไม่เป็นไร” มาเป็นข้ออ้างอันชอบธรรมให้ตัวเองทำเรื่องไม่ถูกต้อง ทั้ง ๆ ที่ฟังยังไงก็ไม่ชอบธรรมด้วยประการทั้งปวง
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากคนเห็นแก่ตัวจะชอบคิดแบบนี้แล้ว บางคนก็มักคิดแบบนี้ด้วยเหมือนกัน ลองคิดดูถ้าทุกคนคิดแบบเดียวกัน มันไม่มีทางนิดเดียวแน่นอน เช่น แอบทิ้งขยะลงในแม่น้ำแค่ชิ้นเดียว ไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าคน 70 ล้านคนคิดเหมือนกัน ขยะในแม่น้ำก็จะมีแค่ 70 ล้านชิ้นเท่านั้นเอง
อย่าลืมว่าบางทีเรื่องเล็กมันก็ไม่ได้เล็กสมชื่อเสมอไป อย่ามองแค่ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย มองข้าม ๆ ไปบ้างก็ได้ อย่าลืมว่าเมื่อเล็ก ๆ มารวมกันก็ใหญ่และจัดการยากลำบากขึ้นทุกที
2. ใคร ๆ เค้าก็ทำกัน
คนเห็นแก่ตัวบางคนก็ชอบคิดว่าใคร ๆ ก็ทำกัน พอคนหนึ่งเริ่มเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน จนเอาเปรียบคนอื่น คนอื่น ๆ ก็จะเริ่มทำตามกันเป็นแถว ด้วยกลัวว่าจะโดนเอาเปรียบหรืออะไรก็ตาม แต่คนเราก็มีสัญชาตญาณของการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นเรื่องปกติกันอยู่แล้ว
จะบอกว่า “ใคร ๆ เค้าก็ทำกัน” เป็นจุดเริ่มต้นของความเห็นแก่ตัวก็ได้ เพราะมนุษย์ทุกคนมีความเห็นแก่ตัวเองอยู่แล้ว เมื่อมาถูกปลดล็อกด้วยคำว่า “ใคร ๆ เค้าก็ทำกัน” ก็ยิ่งทำให้ความเห็นแก่ตัวของบางคนที่ฝังอยู่ลึก ๆ ตื่นขึ้นมา ซึ่งพอนานไปเราก็จะชินและกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบเต็มตัว
การเห็นแก่ตัวเพราะคิดว่า “ใคร ๆ เค้าก็ทำกัน” ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ยิ่งถ้าเป็นคนใกล้ชิด ยิ่งต้องเตือนกัน เตือนด้วยความเมตตาให้เค้ารู้ตัว ให้เค้าไม่จมจ่อมอยู่กับความไม่สำนึกอีกต่อไป
3. มองเห็นแต่ตัวเอง
ขึ้นชื่อว่าเห็นแก่ตัว ก็คงมองไม่เห็นอะไรนอกจากตัวเอง คนที่เห็นแก่ตัวมักเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เป็นศูนย์กลางจักรวาล ใครจะเป็นยังไงไม่สน ขอให้ตัวเองไม่เดือดร้อนเป็นพอ ส่วนจะไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรือไม่ก็ไม่ใช่ประเด็น เพราะมองแค่ว่าเรื่องของตัวเองอยู่แล้ว
โดยทั่วไปคนเห็นแก่ตัวจะรู้สึกขาดอะไรบางอย่างตลอดเวลา ทำให้พยายามหาอะไรก็ได้มาเติมเต็มความต้องการของตัวเอง ก็เลยมองแต่ตัวเอง สนแต่ตัวเอง เพื่อทดแทนส่วนที่ขาดไป แต่คนเราไม่ได้ถูกสร้างมาให้มองแต่ตัวเอง คนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องอยู่ร่วมกัน พึ่งพาอาศัยกัน ถ้าสนแต่ตัวเอง ใครจะอยู่ด้วยได้ !
4. เข้าข้างตัวเองเป็นนิจ
สิ่งที่มาพร้อมกับความเห็นแก่ตัวก็คือการเข้าข้างตัวเอง เรียกว่าเป็นวิธีคิดแบบแปลก ๆ ที่คนเห็นแก่ตัวเท่านั้นจะทำได้ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น จอดรถหน้าบ้านคนอื่น โดยคิดเข้าข้างตัวเองว่าเค้าไม่จอด เราก็มีสิทธิ์จอดได้ ซึ่งเป็นปัญหาโลกแตกที่คนดี ๆ เค้าไม่ทำกัน มีแต่คนเห็นแก่ตัวเท่านั้นที่คิดเข้าข้างตัวเองและทำแบบนี้
ถ้าจะให้พูดกันตามตรงการเข้าข้างตัวเองก็ต้องอาศัยความหน้าด้านอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะคนปกติมักจะรู้จักผิด ชอบ ชั่ว ดี ไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนไร้เหตุผลหรือทำให้คนอื่นเดือดร้อน แต่คนเห็นแก่ตัวมองไม่เห็นภาพพวกนี้เลย
5. เสียเปรียบนิดหน่อยไม่ตายหรอก
ธรรมชาติของคนเห็นแก่ตัวจะชอบเอาเปรียบ พอเอาเปรียบคนอื่นมากเข้า ก็มักจะเข้าข้างตัวว่าเสียเปรียบนิดหน่อยไม่ตายหรอก แต่ต้องเป็นคนอื่นที่เสียเปรียบนะ เพราะตัวเองเสียเปรียบไม่ได้เด็ดขาด !
ทั้งที่ความจริงแล้วคนเราไม่จำเป็นต้องได้เปรียบ หรือเสียเปรียบกันตลอดเวลา มีหลายคนที่ยอมให้คนอื่นเอาเปรียบโดยไม่คิดอะไร เพราะความสัมพันธ์มีค่าเกินกว่าจะมาคิดเล็กคิดน้อย แต่สำหรับคนเห็นแก่ตัวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระดับไหนก็ขอเอาเปรียบเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังดี เพราะคิดแต่ว่าคนอื่นเสียเปรียบนิดหน่อยไม่ตายหรอก
6. คิดเองว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน
ความเข้าใจที่ผิดเพี้ยนอีกอย่างหนึ่งของคนเห็นแก่ตัวก็คือ การคิดว่าสิ่งที่ทำลงไปไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ต่างคนต่างอยู่ ฉันไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใคร แต่การคิดแบบนี้ส่วนใหญ่แล้วคิดผิด !
คนเราถ้าลองมีความเห็นแก่ตัวขึ้นมาแล้วก็มักจะเบียดเบียนคนอื่นในแบบที่ทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจได้ตลอดเวลา ไม่มีการเห็นแก่ตัวแบบไหนที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน จะมากหรือน้อยเท่านั้นเอง
7. ไม่รู้ตัวเอง
คนเห็นแก่ตัวมักคิดว่าตัวข้าถูกเสมอ ตัวข้าคือศูนย์กลางจักรวาล การคิดแบบนี้เป็นความเห็นแก่ตัวที่ปนมาด้วยความหลงตัวเองเบา ๆ เป็นการหลงนึกไปว่าสิ่งที่ฉันคิด สิ่งที่ฉันทำคือความถูกต้อง ใครคิดต่างคือผิด คือไม่ดี แถมยังปฏิเสธความคิดของคนอื่นด้วย นี่แหละคือคนที่คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลที่แท้ทรู
คนเหล่านี้มักไม่ค่อยรู้ตัวว่าทำอะไรไปบ้าง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเห็นแก่ตัว ไม่นึกถึงคนอื่น ลืมที่จะเอาใจเขามาใส่ใจเรา จนร้ายแรงถึงขั้นกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ไม่รู้ว่าตัวเองเห็นแก่ตัว คนแบบนี้รับมือยาก ทำอะไรลงไปก็ไม่รู้ตัว แถมมาพร้อมอาวุธพิฆาตอย่างการเข้าข้างตัวเอง 1,000% ติดมาด้วย
เมื่อรู้เท่าทันคนเห็นแก่ตัวแล้วว่าเค้าคิดยังไง ความจริงที่อยู่เบื้องหลังคนเหล่านี้คืออะไร ทีนี้เราก็จะรับมือกับคนเห็นแก่ตัวได้ง่ายขึ้น แต่บางคนเป็นประเภทเสียเปรียบนิดหน่อย ไม่เป็นไร ก็เลยยอมโดนเอาเปรียบอยู่เรื่อย ๆ แต่รู้อะไรไหม…การยอมเป็นการติดอาวุธให้เค้าไปแบบไม่รู้ตัว เพราะคนเห็นแก่ตัวจะคิดเข้าข้างตัวเองและมองว่าสิ่งที่ทำถูกแล้ว ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ ! อย่ายอมให้ใครเอาเปรียบ แค่เพราะเค้าเป็นเพื่อนหรือคนใกล้ชิด เพราะไม่ว่าใครก็ไม่ควรถูกคนเห็นแก่ตัวเอาเปรียบทั้งนั้น~
ความเห็น 34
modmod
ใช่ค่ะ
24 ส.ค. 2565 เวลา 18.37 น.
MIKELA W.
เจอคนขับรถบนถนน เป็นทุกข้อที่กล่าวมาบ่อยมาก รายวัน วันละอย่างน้อย5คัน ไม่รุ้เห็นแก่คัวหรือโง่จริง..เราก็ไม่ได้บอกว่าเราถุกตลอดนะ แต่เวลาเราผิด แล้วแทบอยากลงไปกราบ แต่ทำไมพวกเขาผิด โดนเราบีบแตร ก็บีบกลับแถมชูนิ้วกลางใส่..เห้ออ เพลียจิต
04 ธ.ค. 2563 เวลา 19.03 น.
Phrayanaka Thira..
เลิกคบไปเลยคนแบบนี้ทำมาเป็นตีสนิทอยากรู้จักอยากเป็นเพื่อนเพื่อมาอาศัยผลประโยชน์จากเพื่อนเป็นคนที่น่ารังเกลียดมากก็เห็นแก่ตัวนั่นล่ะ
04 ธ.ค. 2563 เวลา 14.48 น.
มีสเกลวัดรึป่าว.. สมัยนี้เยอะกว่า7ข้อน่ะดิ....นับไม่ถ้วนแล้วแต่อารมณ์... ยิ่งอธิปไตยด้วย... เว่าบ่ได่เด้
02 ธ.ค. 2563 เวลา 23.49 น.
.
จริงทุกข้อ
02 ธ.ค. 2563 เวลา 10.25 น.
ดูทั้งหมด