โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

3 กูรูการตลาดแนะสูตรบุกจีน ชูแอป ‘เสี่ยวหงชู’ สะพานเชื่อมดีมานด์ทั่วโลก

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 10 ก.ค. เวลา 06.07 น. • เผยแพร่ 10 ก.ค. เวลา 05.22 น.
ดร.ปณิชา ปะทีปะวณิช-เกษแก้ว อิทธิกุล-มีนา อัครพงศ์พิศักดิ์

ในยุคที่การแข่งขันในตลาดโลกทวีความรุนแรง การพาแบรนด์ไทยให้ก้าวไปยืนในใจผู้บริโภคต่างชาติ โดยเฉพาะในตลาดใหญ่อย่างจีน และเวียดนาม อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ง่าย เพราะหากทำการตลาดแบบหว่านแหหรือมองภาพผู้บริโภคแบบผิวเผินก็อาจจะเข้าไม่ถึงกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้นแบรนด์จะต้องเข้าใจถึงพฤติกรรมและความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค เพื่อที่จะสร้างกลยุทธ์ที่เฉียบคมและตรงจุด

โดย 3 กูรูการตลาดจากบริษัทชั้นนำ“Mango Group-เซียงเพียว-ฟาร์อีสท์ เฟมไลน์ ดีดีบี” มาเผยกลยุทธ์เจาะลึกอินไซต์ผู้บริโภคจีน พร้อมชี้ช่องแบรนด์ไทยต้องทิ้งตำราการตลาดแบบเหมารวม หันมาเจาะรายมณฑล-รายพฤติกรรมเฉพาะกลุ่ม แนะใช้แพลตฟอร์ม “เสี่ยวหงชู” เป็นสะพานเชื่อมดีมานด์ชาวจีนทั่วโลก

ในงานเสวนา “AssetWise presents Marketing Oops ! Summit 2025” ภายใต้หัวข้อ“From Local Love to Global Demand : กลยุทธ์ Go Global ของแบรนด์ไทยในตลาดจีน & เวียดนาม” ก็ได้ 3 ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดแถวหน้าของเมืองไทย

ไม่ว่าจะทั้ง “ดร.ปณิชา ปะทีปะวณิช” ผู้ร่วมก่อตั้ง Mango Group,“มีนา อัครพงศ์พิศักดิ์” ผู้ช่วยประธานบริหารด้านการตลาด บริษัท เบอร์แทรม (1958) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ “เซียงเพียว” และ “เกษแก้ว อิทธิกุล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟาร์อีสท์ เฟมไลน์ ดีดีบี จำกัด (มหาชน) เอเยนซี่โฆษณา มาร่วมถอดรหัสพฤติกรรมใหม่ของนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงโอกาสที่แบรนด์ไทยต้องคว้าให้ได้ก่อนจะหลุดมือไปกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด

อย่ามองคนจีนเป็นกลุ่มเดียวกัน

“ดร.ปณิชา ปะทีปะวณิช” เริ่มต้นด้วยการเปิดอินไซต์ใหม่ที่น่าสนใจว่า นักท่องเที่ยวจีนในวันนี้เปลี่ยนจากกลุ่มเดิมที่นิยมมา “เที่ยว-กิน-สปา” ไปสู่กลุ่มใหม่ที่นิยมกิจกรรมที่ต่างออกไป โดยเฉพาะ “เทศกาลดนตรี” ที่กลายเป็นหมุดหมายใหม่ เช่น S2O หรือ Big Mountain ที่มีนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มใหม่เดินทางมาร่วมเป็นจำนวนมาก

ขณะเดียวกันอีกกลุ่มที่เติบโตอย่างรวดเร็ว คือ LGBTQ+ ที่มองเห็นประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่เปิดกว้างและมีงานเทศกาลรองรับหลากหลาย เช่น Pride Parade และ White Party ขณะที่อีกกลุ่มที่ไม่ควรมองข้าม คือ “นักท่องเที่ยวสายสุขภาพ” ที่เดินทางมาเพื่อเข้าคอร์สสปา โยคะ ซึ่งล้วนเป็นโอกาสของธุรกิจที่เข้าใจความต้องการลึกซึ้ง

โดยปัจจุบันถ้าแบรนด์อยากเจาะตลาดจีนให้ได้ผลจะต้องเลิกมองว่า “คนจีนคือกลุ่มก้อนเดียวกัน” เนื่องจากแต่ละมณฑลมีลักษณะนิสัยและความชอบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง บางมณฑลอาจนิยมผลไม้อบแห้ง ในขณะที่บางแห่งไม่ทานผลไม้เลย

หรือบางพื้นที่ชอบอาหารทะเล แต่บางพื้นที่อย่างเซี่ยงไฮ้อาจไม่นิยม ดังนั้นการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึกรายพื้นที่ (Consumer Insight) จึงเป็นหัวใจสำคัญในการเจาะตลาดให้ประสบความสำเร็จ

“เราต้องวิเคราะห์ลงลึกถึงระดับภูมิภาค และทำคอนเทนต์หรือแคมเปญที่ตรงใจแต่ละกลุ่ม ไม่ใช่คิดว่าตลาดจีนคือก้อนเดียว”

ปั้นสินค้าม้ามืดสู่ Best Seller

โดย “ดร.ปณิชา” ได้ยกตัวอย่างหนึ่งในกรณีศึกษาที่น่าสนใจ ซึ่งสะท้อนพลังของการเข้าใจผู้บริโภคอย่างลึกซึ้งและนำอินไซต์มาใช้พลิกเกมการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ “มายองเนสคิวพี” ที่เล็งเห็นช่องว่างของการทำการตลาด จากการที่รสชาติของมายองเนสคิวพีบางตัวที่ไม่ได้มีจำหน่ายในตลาดจีน โดยเฉพาะรสทรัฟเฟิล และรสชีส ซึ่งถือเป็นรสชาติที่ได้รับความนิยมสูงจากนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทย จนถึงขั้นซื้อกลับบ้านเป็นลังก็มี

ด้วยการหันมาทำการโปรโมตต่อยอดในแอปพลิเคชั่น “เสี่ยวหงชู” (Xiaohongshu) ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมของชาวจีน ทั้งในประเทศจีนเอง และกลุ่มผู้ใช้ภาษาจีนในต่างประเทศ โดยใช้คีย์เมสเสจที่ทรงพลังว่า “ถ้ามาเมืองไทย ต้องซื้อมายองเนสคิวพี 2 รสชาตินี้กลับไป เพราะไม่มีขายที่ไหนในโลก มีเฉพาะที่ประเทศไทยที่เดียว”

ซึ่งกลยุทธ์นี้ได้ผลอย่างมหาศาล สะท้อนจากที่นักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากเริ่มตามหามายองเนสคิวพีสองรสนี้ผ่านร้านค้าปลีกต่าง ๆ ในไทย จนปัจจุบันได้กลายเป็นสินค้า “ม้านอกสายตา” ที่ขายดีอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้อาจไม่ได้อยู่ในลิสต์ของฝากยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีนมากนัก

เช่นเดียวกับ ยาสระผม Falles ที่ได้เปลี่ยน Key Message ให้ตรงกับพฤติกรรมคนจีนที่ไม่ได้ถนัดในการสระผมทุกวัน ด้วยการเน้นย้ำถึงคุณสมบัติของยาสระผมไทยที่ให้ความสดชื่นและกลิ่นหอมยาวนาน ซึ่งการเปลี่ยนข้อความให้ตรงกับพฤติกรรมจริงของลูกค้า จึงทำให้ Falles ทะยานขึ้นเป็นยาสระผมอันดับ 1 ที่นักท่องเที่ยวต้องซื้อกลับไป

ครอบคลุมทุก Touchpoint

ด้าน “มีนา อัครพงศ์พิศักดิ์” เล่าต่อว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวถือเป็นเซ็กเมนต์ที่สำคัญอย่างยิ่งต่อยอดขายของเซียงเพียวในประเทศไทย โดยมีสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของยอดขายในประเทศทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงได้วางกลยุทธ์การตลาดที่มุ่งเน้นการเข้าถึงและสร้างการมีส่วนร่วมกับนักท่องเที่ยวจีนอย่างเป็นระบบ

โดยเบื้องต้นเราจะมุ่งเน้นเจาะไปที่กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนอิสระ (FIT-Foreign Independent Tour) อายุ 35-50 ปี, กลุ่มทัวร์ อายุ 40-50 ปีขึ้นไป, กลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ และชื่นชอบสมุนไพร และกลุ่มที่มองหาของฝากคุณภาพดี ราคาเข้าถึงง่าย

ด้วยการทำกลยุทธ์การตลาดที่ครอบคลุมตลอดการเดินทาง โดยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 1.ก่อนการเดินทาง (Pre-Trip) สร้างการรับรู้และกระตุ้นความสนใจผ่านช่องทางออนไลน์ที่นักท่องเที่ยวจีนใช้ในการค้นหาข้อมูลท่องเที่ยว เช่น Xiaohongshu (เสี่ยวหงชู) และ Douyin (โต้วอิน)

โดยใช้กลยุทธ์ Social Seeding ผ่าน KOLs และ KOC ทั้งที่อยู่ในจีนและคนจีนที่อาศัยในไทย, การซื้อโฆษณาแบบ Programmatic Buying และการทำ Baidu SEM เพื่อให้แบรนด์ปรากฏในการค้นหาอันดับต้น ๆ

2.ระหว่างการเดินทาง (During Trip) เน้นสร้างประสบการณ์และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ณ จุดขาย และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ผ่านกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ เช่น สื่อโฆษณานอกบ้าน ติดตั้งสื่อโฆษณาในจุดที่นักท่องเที่ยวหนาแน่น เช่น สายพานรับกระเป๋าที่สนามบินสุวรรณภูมิ และเรือด่วนข้ามฟากที่เชื่อมต่อไปยังเอเชียทีคและไอคอนสยาม

3.หลังการเดินทาง (Post-Trip) วางแผนสร้างการจดจำและรักษาความสัมพันธ์กับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำหรือระลึกถึงแบรนด์ในการเดินทางครั้งถัดไป ด้วยการจัดทำป้ายและสื่อส่งเสริมการขายเป็นภาษาจีนที่ชัดเจนบริเวณชั้นวางสินค้า พร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะ

รวมไปถึงการจัดบูทกิจกรรมในห้างสรรพสินค้าและแหล่งช็อปปิ้งยอดนิยม เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองใช้และสัมผัสกลิ่นผลิตภัณฑ์โดยตรง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อ

ทั้งนี้ นอกจากลูกค้าชาวจีนแล้ว การทำการตลาดแบบ 360 องศา ซึ่งใช้การเข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง มาผสมผสานทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ และออนกราวนด์ เพื่อกระตุ้นยอดขายนี้สามารถนำไปปรับใช้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น ๆ เช่น เวียดนามและมาเลเซีย ได้เช่นกัน

ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว

ขณะที่ด้าน “เกษแก้ว อิทธิกุล” ได้ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของแพลตฟอร์ม “เสี่ยวหงชู” ว่าเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังเปรียบเสมือน “ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว” เนื่องจากเป็นแอปพลิเคชั่นที่ใช้ภาษาจีนเป็นหลัก ทำให้สามารถเข้าถึงผู้ใช้ภาษาจีนที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในจีนแผ่นดินใหญ่

โดยคาดการณ์ว่าในปี 2568 จะมีผู้ใช้งานในไต้หวันเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านคน, มาเลเซียกว่า 3 ล้านคน, ฮ่องกง 2.5 ล้านคน และสิงคโปร์ 1 ล้านคน ซึ่งผู้ใช้งานเหล่านี้มีพฤติกรรมขยันรีวิวและปักหมุดสถานที่ในไทย ทำให้ร้านค้าหรือแบรนด์ต่าง ๆ สามารถโด่งดังขึ้นมาได้แบบไม่รู้ตัว

ดังนั้น จึงถือเป็นโอกาสของแบรนด์ไทยที่จะใช้เสี่ยวหงชูเป็นเครื่องมือในการเจาะตลาดชาวจีนในประเทศอื่นได้ อาทิ ไต้หวัน สิงคโปร์ หรือมาเลเซีย เป็นต้น

เข้าใจ Insight เจาะตลาดไม่ยาก

“เกษแก้ว อิทธิกุล” กล่าวทิ้งท้ายว่า การทำตลาดในยุคนี้ไม่ใช่แค่การขายของที่มีอยู่แล้ว แต่คือการเข้าใจว่านักท่องเที่ยวกำลังหาอะไร และอะไรที่บ้านเขาไม่มี เพราะถ้าแบรนด์เข้าใจ Insight นักท่องเที่ยวอย่างแท้จริง ไม่ว่าเขาจะมาจากจีน มาเลเซีย หรือเวียดนาม โอกาสการโตในตลาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : 3 กูรูการตลาดแนะสูตรบุกจีน ชูแอป ‘เสี่ยวหงชู’ สะพานเชื่อมดีมานด์ทั่วโลก

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...