“พระแสงราวเทียน” ของ “วังหน้าพระยาเสือ” สมบัติชาติที่สูญหาย คืนสู่วัดมหาธาตุฯ
“พระแสงราวเทียน” คือสมบัติล้ำค่าที่มีความเกี่ยวข้องกับสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท หรือ “วังหน้าพระยาเสือ” มีอายุสืบย้อนไปถึงสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และเคยหายสาบสูญไปหลายสิบปีแล้ว ก่อนจะถูกนำออกมาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในพิธีสมโภช 338 ปี วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร เมื่อต้นปี 2567 ที่ผ่านมา
โบราณวัตถุชิ้นนี้คืออะไร สำคัญอย่างไร?
อันดับแรก ราวเทียน คือเครื่องประกอบการบูชาเนื่องในพุทธศาสนา ปกติจะเป็นคานโลหะแบนทอดขวาง มีเสาคู่หนึ่งตั้งขึ้นรับหัวและท้ายคาน บนหลังคานติดบัวจงกลหรือลูกถ้วยสำหรับปักเทียน แต่ความโดดเด่นของพระแสงราวเทียนคือ เป็นราวเทียนที่ทำจาก “พระแสงดาบ”
สมบัติชาติชิ้นนี้เกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยคือ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท(บุญมา) กรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือพระมหาอุปราชพระองค์แรกในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์เป็นที่รู้จักกันในอีกพระนามหนึ่งคือ “วังหน้าพระยาเสือ” ทรงเป็นพระอนุชาธิราชใน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1
สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท เป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ทรงร่วมกับรัชกาลที่ 1 กอบกู้ชาติบ้านเมืองจนเป็นปึกแผ่นมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ยิ่งไปกว่านั้น ทรงศรัทธาต่อวัดมหาธาตุฯ เป็นอย่างยิ่ง เพราะเคยเป็นที่หลบภัยและเคยบรรพชาที่วัดแห่งนี้ จึงทรงสถาปนาให้เป็นพระอารามหลวงแห่งแรกของกรุงรัตนโกสินทร์ และให้การอุปถัมภ์ดูแลวัดตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์
เมื่อคราวทรงอาพาธหนักก่อนเสด็จสวรรคต พระองค์ได้ถวาย “พระแสงดาบ” ศาสตราวุธคู่พระทัยในการออกรบทุกครั้งตลอดพระชนม์ชีพ รวมถึงในคราวสงครามเก้าทัพ ถวายประจำไว้เพื่อเป็น “ราวเทียน” จุดบูชาพระศรีสรรเพ็ชร พระพุทธรูปองค์ประธานในอุโบสถวัดมหาธาตุฯ
เป็นที่มาของพระแสงราวเทียน หรือราวเทียนที่ทำจากพระแสงดาบคู่พระทัยในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท หรือวังหน้าพระยาเสือนั่นเอง
หลังจากกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ได้เสด็จพระราชดำเนินจากวังหน้ามากราบลาสักการะพระประธานในพระอุโบสถใหญ่ และน้อมถวายพระแสงดาบให้ทำเป็นราวเทียนเพื่อเป็นพุทธบูชาแล้ว ไม่นานหลังจากนั้น พระองค์ก็เสด็จสวรรคต…
พระแสงฯ อยู่คู่วัดมหาธาตุฯ มาอย่างยาวนานนับแต่นั้น กระทั่งสูญหายไปช่วงการบูรณะหลังคาพระอุโบสถ เมื่อราว พ.ศ. 2500
แต่เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2566 พระราชวชิราธิบดี รองเจ้าอาวาส วัดมหาธาตุฯ ได้รับมอบพระแสงฯ จาก อ. ปริญญา สัญญะเดช ศิษย์วัดมหาธาตุฯ และเตรียมถวายคืนต่อพระพักตร์พระบวรราชานุสาวรีย์ ให้ทันการสมโภชพระอาราม ในโอกาสสมโภชพระอาราม 338 ปี ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2566 – 2 มกราคม 2567 ก่อนจะเก็บรักษาอย่างมิดชิด ไม่ได้เปิดเผยสู่สาธารณชน เพื่อไม่ให้เกิดการสูญหายขึ้นอีก
เฟซบุ๊ก เพจ มหาธาตุ มหาธรรม นำสุข เผยว่า ในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ จะเปิดให้ชมอีกครั้ง ในงาน “มหาธาตุ มหาธรรม นำสุข” ระหว่าง 27 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2568 รวม 7 วัน 7 คืน เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ชมความงดงาม ความยิ่งใหญ่ ความอัศจรรย์ และเรื่องราวที่มาของโบราณวัตถุอันล้ำค่าชิ้นนี้
อ่านเพิ่มเติม :
- ความหมองหมางระหว่างพระเจ้าอยู่หัววังหลวง และกรมพระราชวังบวรสถานมงคล
- ตำนานเหตุอัศจรรย์เมื่ออัญเชิญ “พระแสงขรรค์ชัยศรี” มาสู่ชื่อพระราชทานจาก ร.1
- จริงหรือ!? โจรขุดกรุวัดราชบูรณะ โดนอาถรรพณ์-เป็นบ้า ถือพระแสงขรรค์ไปรำที่ตลาดหัวรอ
หมายเหตุ : เนื้อหานี้เก็บความจาก “สมโภช 338 ปีวัดมหาธาตุ จัดแสดง ‘พระแสงราวเทียน’ ครั้งแรก” ใน มติชนออนไลน์, วันที่ 27 ธันวาคม 2566.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 28 ธันวาคม 2566
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : “พระแสงราวเทียน” ของ “วังหน้าพระยาเสือ” สมบัติชาติที่สูญหาย คืนสู่วัดมหาธาตุฯ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com