โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

Sol's Fortress ปราการเทพปัญญา

นิยาย Dek-D

อัพเดต 07 พ.ย. 2566 เวลา 06.19 น. • เผยแพร่ 07 พ.ย. 2566 เวลา 06.19 น. • V.Rondell
เทพแห่งสติปัญญาโซทาลเรล้ำเส้นไปหน่อยจึงมีอันต้องระเห็จมาพักร้อนอย่างไม่เต็มใจ พลังก็ไม่มีอะไรก็ไม่มี มีป้อมให้ดูแล แถมยังมีเด็กบ้าให้ไล่จับอีกฝูงหนึ่ง จะไปไหนก็ไม่ได้มีแต่ต้องลุยไปให้สุดทางเท่านั้น!

ข้อมูลเบื้องต้น

วันที่ 3 พ.ย. 66

เราจะปิดแพ็กเกจ Sol's Fortress เล่ม 6 แพ็กที่ 4-5

และเล่ม Bonus ทั้งสองภาค

(บทที่ 135-140 /ตอนที่ 279-291)

และ (ตอนที่ 294-308 นะคะ

✦✧✦✧✦✧✦✧✦✧✦✧✦✧✦✧✦✧✦✧✦✧

อ่านได้โดยไม่ต้องอ่าน Karan's Isle มาก่อน
แต่หากได้อ่านท่านเทพปลูกผักก่อน จะได้รับความอินมากขึ้น

เหตุเกิดเมื่อโซทาลเร เทพแห่งสติปัญญาพลั้งพลาด
จนมีอันต้องระเห็จลงมาพักร้อนอย่างไม่เต็มใจ

เขาไม่มีพลัง ไม่มีข้ารับใช้ ไร้อาหารหรู แม้แต่เรี่ยวแรงก็ไม่มี

รอบข้างก็ไม่ได้สงบสุขสักนิด อันตรายรออยู่ทั่วทุกหัวระแหง

คนข้างกายก็เต็มไปด้วยคนที่มีสมองไว้คั่นหูทั้งนั้น!

✦✧✦✧✦✧✦✧✦✧✦✧✦✧✦✧✦✧✦✧✦✧

"จงไปจัดการความวุ่นวายที่เจ้าเริ่มต้นไว้
หาคนเหล่านั้นให้พบ ชี้นำพวกเขาไปในเส้นทางที่ถูกที่ควร
เจ้ามีเวลาหนึ่งปี โซทาลเร เซลาเทส"

“ท่านอาจารย์ เราทุบมันเลยได้ไหม…"
“ได้โปรดให้เราอัดมันเถอะครับ”
“นะคะ นะคะท่านอาจารย์”

✦✧✦✧✦✧✦✧✦✧✦✧✦✧✦✧✦✧✦✧✦✧

ชีวิตเขามีเจ้าคู่ตรงข้ามสมองกล้ามคนเดียวก็ว่าแย่แล้ว
แต่ถ้ามีสักสิบคนล่ะ… จะรับมือยังไงดี?

แค่คิดก็ปวดตับ โซทาลเรอยากจะลาพักร้อน!

แต่ เอ๊ะ! ตอนนี้ก็ถูกบังคับลาอยู่แล้วไม่ใช่รึ!

บัดซบ! พักร้อนแบบนี้ เขาไม่ต้องการ!

สวัสดียามเปิดเรื่องค่ะ >w

ตอนแรกเราไม่คิดว่าจะได้เปิดเรื่องใหม่เร็วขนาดนี้ แต่เขียนเรื่องราวของท่านคารันจบแล้วก็รู้สึกค้างคาใจเล็กน้อย ยังไม่รังแกโซทาลเร… แค่กๆ หมายถึง ยังไม่ได้เขียนถึงเรื่องการผจญภัยของท่านหงอกสักประโยคเลยค่ะ จะให้เขาเจอของเบาๆ แบบที่เขียนเป็นตอนพิเศษก็รู้สึกว่าคงไม่สมศักดิ์ศรี เลยมาเปิดเป็นเรื่องใหม่ฟิวชั่นกับพล็อตที่เตรียมไว้พอดิบพอดี

เรื่องนี้ตั้งใจว่าจะเขียนให้อ่านแยกกับ 'Karan's Isle สวนผักเทพสงคราม' ได้ ดังนั้นใครที่ไม่เคยอ่านคารันมาก่อน ไม่ต้องกลัวว่าจะอ่านไม่รู้เรื่องนะคะ

ตอนนี้กำลังเริ่มเขียน มีบางจุดที่ยังไม่อยู่ตัวบ้างเลยคิดว่าจะพร้อมอัพเดทให้อ่านช่วงเดือนธันวาคมปีนี้ค่ะ แต่สมมุติว่าเข้าที่เข้าทางเร็วกว่านั้นก็จะมาอัพก่อนค่ะ

แล้วพบกันเร็วๆ นี้นะคะ

V.Rondell

22 Oct 2020

กำหนดการอัพเดท

สัปดาห์ละ 2 ครั้ง (หากมีเหตุต้องหยุดพักจะแจ้งล่วงหน้าเป็นครั้งๆ ไป)

ขอขอบคุณธีมสวยๆ จาก

☆ Thememie B U T T E R ☆

รวม link ของ Ebook ค่ะ > <

บทนำ

บทนำ

สติปัญญาที่เลิศลอยเกินไป บางคราก็นำมาซึ่งปัญหา

สวบ…

หมาป่าหลงฝูงตัวหนึ่งย่างเท้าออกมาจากป่าลึกยามราตรี ดวงตาสีอำพันสอดส่ายหา ‘ของกิน’ ที่มันตามกลิ่นมา ทันใดนั้นสายตาก็สะดุดเข้ากับร่างหนึ่งที่นอนฟุบอยู่ในพงหญ้า ตามตัวไม่มีบาดแผล ไม่มีเลือด แต่กลิ่นกลับชี้ชัดว่า บุคคลนั้นตายมาได้สักพักหนึ่งแล้ว…

อุ้งเท้าหน้าย่างออกไป หมายใจว่า ต่อให้ร่างที่ว่าเนื้อน้อย แต่ในกระเป๋าเป้ใบโตบนหลังคนตายยังมีอาหารอีก มันมีโชคแล้ว

ทว่าทันใดนั้นเอง ท้องฟ้าเปิดเกลื่อนดวงดาวก็ปรากฏเมฆหนา แสงสว่างปะทุขึ้นเบื้องหลัง แล้วก็…

เปรี้ยง!!

สายฟ้าสีเงินฟาดลงบนศพนั้นอย่างจัง กระเป๋าเป้ใบใหญ่ฉีกขาด สิ่งของที่อยู่ข้างในกระเด็นกระดอนไปทั่วทิศทาง เจ้าหมาป่าตกใจจนหูตั้งหางชี้

สวรรค์เกิดนึกครึ้มอยากให้อาหารมื้อดึกของมันสุกหรือ!

หลังฟ้าผ่าเพียงสายเดียว ทุกอย่างก็กลับมาเงียบสงัด เมฆดำหายไป ดูเป็นอีกคืนหนึ่งที่แสนสงบเช่นเดิม หมาป่าย่องผ่านห่อของกระจัดกระจายเข้าไปดมร่างที่ส่งกลิ่นเหม็นไหม้นิดๆ แล้วก็ต้องผวาเยือก เมื่อเห็นว่าปลายนิ้วซีดขาวขยับ!

คนตายขยับ! ผี! ผีหลอกแล้ว!!

ไวเท่าความคิดหมาป่าตัวนั้นโกยอ้าวสุดชีวิต ไม่เหลียวหลังกลับมามองสิ่งที่ตนหมายตาเป็นอาหารอีกเลย

กึก…

โซทาลเรพยายามขยับนิ้ว แต่ขยับไม่ได้ ร่างกายเขาเป็นอะไรไป มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมรอบๆ ถึงมืดไปหมด…

ในฐานะเทพแห่งสติปัญญาผู้เคยหยั่งรู้ถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ความไม่รู้เป็นเรื่องชวนผวาอย่างมาก ตลอดสองเดือนมานี้เขาคิดว่าตนเองเคยชินแล้ว แต่ที่แท้ก็ยังไม่ชิน

พอคิดถึงภาวะทุเรศทุรังนี้ ความสับสนก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ

เพราะมันเลย… เพราะมัน!

คารัน! เจ้าสมองกล้าม ไอ้น้องชั่ว!

ความโกรธทำให้หัวใจที่หยุดเต้นไปช่วงหนึ่งสูบฉีดเลือดแรงขึ้น ไม่ช้าร่างที่แข็งทื่อขยับไม่ออกของคนเคยตายก็เริ่มขยับได้ทีละน้อย

โซทาลเรกุมศีรษะพลางชันกายขึ้นนั่งช้าๆ กลิ่นเหม็นไหม้แสบจมูกเขาไปหมด รสชาติเขม่าในปากก็รุนแรงจนต้องสำลักออกมาหลายครั้ง หลังจากพยายามต่อสู้กับร่างกายที่เคยหยุดทำงานไปแล้วรอบหนึ่งอย่างหนัก ดวงตาสองสีก็ลืมขึ้นมาสำเร็จในที่สุด

ข้าอยู่ที่ไหน! ที่นี่เป็นป่าทึบ! ไม่ใช่ดงไม้บนเกาะร้างสุดโดดเดี่ยวของข้าสักหน่อย!

เพิ่งลืมตาขึ้นสูดหายใจไม่ถึงสิบครั้ง โซทาลเรก็อยากจะเป็นลม เสียงหัวเราะร่วนของคารัน เทพสงคราม ยังดังกังวานอยู่ในโสตประสาท

“ข้ามีงานใหญ่ให้เจ้าทำ ได้เวลาย้ายที่แล้ว!”

เขา… ถูกโยนมาที่โลกอื่นเป็นครั้งที่สองแล้ว ถูกโยนมาหลังจากที่เขาเพิ่งปรับตัวกับสถานที่ก่อนหน้านี้สำเร็จ ซ้ำยังให้มายืมใช้ร่างคนตาย!

ริมฝีปากของโซทาลเรสั่นระริก มือกำแน่น ด้วยแรงโทสะ ก่อนที่เสียงแหบที่ไม่เหมือนเสียงของเขาเองจะระเบิดออกมาดังลั่นป่า

“คารันดีล เซลาเทส!! เจ้าทำเกินไปแล้ว! ข้าเกลียดเจ้า เกลียดเจ้าฉิบหายเลย!”

ฝูงนกกลางคืนบินแตกฮือ เมื่อจิตสังหารกระจายฟุ้ง เสียงผรุสวาทยังดังก้องไม่เลิกรา

“งานบ้าบออะไรนั่นข้าจะจัดการแน่ คอยดู! ข้าจะใช้พักร้อนเฮงซวยนี้อย่างมีคุณภาพ! อย่ามาดูถูกเทพแห่งสติปัญญา โซทาลเร เซลาเทส นะ!!”

✧✦…✦✧…✧✦…✦✧…✧✦…✦✧…✧✦

บทที่ 1 เจ้าคงรู้แล้วว่า ข้าน่ะฉลาดและขี้เล่นเกินไป

บทที่ 1 เพราะข้าฉลาดและขี้เล่นเกินไป

หากถามตัวเองว่าวินาทีที่น่าอับอายที่สุดในชีวิตของเขาคือวินาทีใด โซทาลเร เซลาเทส ตอบได้ทันทีว่า ต้องเป็น ตอนที่เขาถูกฝ่าเท้าของคู่แฝดตัวร้ายประเคนเตะลงจากสวรรค์เต็มแรง

เขาเกิดเป็นเทพเจ้า อยู่มาเป็นหมื่นปี ยังไม่เคยขายขี้หน้าขนาดนั้นมาก่อน…

ขณะที่ร่วงหล่นลงจากช่องมิติบนท้องฟ้าพร้อมกับบั้นท้ายที่เจ็บร้าว เขายังได้ยินเสียงห้าวลึกของเจ้าสมองกล้ามนั่นหัวเราะไล่หลังอย่างน่ารังเกียจ

“ทำความดีวันละประการจึงจะสมเป็นเทพเจ้าตัวอย่าง! ขอให้สนุกกับการพักร้อนแสนสุขนะ น้องชายที่รัก!”

“ใครเป็นน้องเจ้า!!” ตอนนั้นเขาตะโกนทั้งที่เจ็บจนจุก แต่อึดใจต่อมาก็ประท้วงอะไรไม่ได้อีกต่อไป เขาที่ถูกมัดมือมัดเท้าเป็นหนอนแก้ว ซ้ำยังถูกผนึกพลังโดยสิ้นเชิงหล่นกระแทกโขดหิน ถูกครูดเสียจนเจ็บไปทั้งตัว ก่อนที่ทั้งร่างกระดอนตกตุ๋มลงไปในท้องทะเล…

โซทาลเรเกือบดับอนาถเสียแล้ว ยังดีที่ดิ้นหลุดจากเชือกได้ เขาจึงรอดพ้นจากการเป็นเทพเจ้าองค์แรกที่จมน้ำตาย

ตอนที่ตะกายขึ้นมาบนฝั่งสำเร็จ โซทาลเรสำลักน้ำทะเลออกมาจนหมด แล้วก็นอนหงายอยู่บนชายหาดราวกับเป็นปลาเกยตื้นเป็นเวลานาน ทั้งที่เขาควรจะรังเกียจสภาพตัวเปียกปอนน้ำเค็ม เส้นผมและเสื้อผ้าเปียกลู่ติดตัว แต่ตอนนั้นเขาเหนื่อยเกินกว่าจะสนใจเรื่องอื่น

เมื่อไร้ซึ่งพลังเทพเจ้า ไม่มีเวทมนตร์ติดตัว ร่างกายเขาอ่อนแอมาก แค่หอบหายใจก็เต็มกลืนแล้ว

ตอนที่สูดอากาศเข้าไปอย่างละโมบ โซทาลเรก็หวนคิดว่า สภาพอนาถของตนเริ่มต้นมาจากเหตุใด

เป็นเพราะเจ้าคารัน… แวบแรกเขาคิดเช่นนั้นโดยอัตโนมัติ แต่วินาทีต่อมาจิตใจที่ไม่ถูกทิฐิบดบังก็กระซิบเบาๆ ว่า อันที่จริงเป็นความผิดของเจ้าด้วยนั่นแหละ โซทาลเร

ทั้งเจ้าและคารันผิดพอๆ กันทั้งคู่ แต่สุดท้ายเป็นเจ้าที่มือหนักกับเขาเกินไป ถึงได้ต้องยอมรับผิดมาใช้หนี้กรรมอยู่นี่ไง

ครุ่นคิดแล้วโซทาลเรก็ต้องขบกรามแน่น ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาฉลาดและขี้เล่นเกินไปแท้ๆ

วงศ์เทพเซเลสเทีย ครอบครัวของพวกเขาจัดว่าเป็นวงศ์เทพใหม่ที่ยังอ่อนเยาว์ โซทาลเร และคารันดีล เซลาเทส ซึ่งเป็นโอรสองค์แรกของเทพบิดาและเทพมารดาจึงมีพลังสูงส่งเป็นพิเศษ ยุคแรกพวกน้องๆ ยังไม่เกิด พวกเขาจึงต้องทำงานหนักหน่วงอย่างยิ่ง

เมื่อเทพเจ้าถือกำเนิดมาก็มีพลังและหน้าที่แล้ว ขณะที่คารันดีล เซลาเทส ผู้ครอบครองพละกำลังมหาศาลควงอาวุธสู้ศึกกับศัตรูนอกบ้านเกิด โซทาลเร เซลาเทส ผู้ทรงสติปัญญาก็รับภารกิจดูแลบริหาร และพัฒนาจักรวาลจากภายในมาตั้งแต่ต้น

สภาพที่แท้จริงของเทพเจ้าคือ กลุ่มก้อนพลังงานมีชีวิต สัญชาตญาณแรกของพวกเขาคือ การหาหนทางระบายพลังงานส่วนเกินออกไปสักทางหนึ่งเพื่อรักษาสมดุล ดังนั้นหากไม่สร้างสรรค์ ก็ต้องทำลายบางสิ่ง

หนทางของการเป็นผู้ทำลายมีแต่จะกัดกร่อนตนเอง เทพเจ้าส่วนใหญ่จึงเอนเอียงไปทางการสร้างสรรค์มากกว่า นอกจากจะเป็นพฤติกรรมตามธรรมชาติแล้ว การสร้างโลกและสิ่งมีชีวิตก็ยังเป็นหนทางเจริญของเทพเจ้าอีกด้วย

แรงศรัทธาและความเชื่อมั่นจากสิ่งที่เทพเจ้าสร้างขึ้นทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น

เทพเจ้าส่วนมากรักการสร้างและดูแลเป็นชีวิตจิตใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทั่วทั้งเอกภพและมิตินับหมื่นแสน ไม่ได้มีแต่เทพรักสงบ พวกที่ชอบก่อกวน แย่งชิงผลงานของคนอื่น หรือแค่ขี้อิจฉาทนเห็นชาวบ้านมีความสุขไม่ได้ก็มีอยู่เยอะแยะ

ดังนั้นทุกจักรวาลจึงจำเป็นที่จะต้องมีทั้งเทพนักรบและเทพนักบริหารทำงานควบคู่กัน

ตลอดเวลาที่ผ่านมา โซทาลเร เซลาเทส มั่นใจมากว่าตนเองทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ นิสัยส่วนตัวของเขาก็ไม่เลวนัก จะมีจุดด่างพร้อยเพียงอย่างเดียวก็คือ

เขาและเจ้าสมองกล้ามที่เกิดมาพร้อมกัน ชิงชังกันและกันเข้าไส้

นอกจากหน้าตาในร่างเริ่มต้นที่เคาะออกมาจากพิมพ์เดียวกันแล้ว โซทาลเรและคารันดีล เซลาเทส ไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักอย่าง

สีผมไม่เหมือน สีตาไม่เหมือน สีผิวก็ยังไม่เหมือน ข้างนอกว่าไม่คล้ายแล้ว ข้างในยิ่งแล้วใหญ่ พวกเขาสองคนต่างรสนิยม ต่างนิสัย ต่างบุคลิก แม้แต่ทัศนคติก็ยังสวนทางกัน ภายหลังคารันถึงกับทนไม่ได้ ชิงแปลงร่างเพิ่มอายุให้ตัวเองกลายเป็นขุนศึกหนุ่มใหญ่ กล้ามล่ำ เคราครึ้ม เพื่อไม่ให้ใครทักเรื่องหน้าตาเหมือนกันอีก

โซทาลเรไม่เข้าใจรสนิยมคารันเลยสักนิด แต่พอพวกเขาดูแตกต่างกันอย่างชัดเจนก็ถือว่าดีมาก เท่านี้เขาจะได้มองกระจกเงาได้โดยไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนอีก

ข้อดีหนึ่งเดียวในความสัมพันธ์ที่สะบั้นไม่ขาดของพวกเขาสองพี่น้องที่ใกล้ชิดยิ่งกว่าฝาแฝดทั่วไปก็คือ พวกเขาแยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวได้ดีเยี่ยม

หากจะจิกกัด ลงไม้ลงมือกลั่นแกล้งกันเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่เคยทำให้เสียการใหญ่ โซทาลเรภาคภูมิใจกับข้อเท็จจริงข้อนี้มาชั่วชีวิต ดังนั้นตอนที่ท่านเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่สร้างปัญหา เขาจึงทั้งโกรธทั้งผิดหวังอย่างมาก…

หากจะผิดพลาดเพราะสุดวิสัยก็คงต้องกัดฟันอภัย แต่ผิดเพราะว่างเกินไปนี่… โซทาลเรรับไม่ได้!

แค่นึกถึงความวุ่นวายในช่วงนั้น ร่างที่นอนหมดแรงเปียกซ่กอยู่บนชายหาดก็ชันกายลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้ามืดทะมึน ช่วงสามร้อยปีที่ผ่านมานั้น แย่มากจริงๆ

แสงแดดแรงกล้าเริ่มแผดเผาผิวขาวของเขาจนแสบร้อน โซทาลเรยกมือป้องตามองพระอาทิตย์เจิดจ้า ขืนอยู่ตรงนี้ต่อเขาต้องแย่แน่ คิดดังนั้นเขาจึงมองไปรอบๆ เมื่อเห็นดงไม้หนาทึบมีร่มเงาจึงลากสังขารเข้าไปหลบแดดทันที

หลังพักเอาแรงแล้ว เขาต้องหาน้ำ หายา และหาที่พัก… แต่ตอนนี้ขอหายใจให้ทั่วท้อง และจัดระเบียบความคิดอีกสักหน่อย…

เริ่มจากทบทวนความผิดที่ทำให้เขาต้องระเห็จมาอยู่ที่นี่และไปไหนไม่ได้อีกหนึ่งปีเต็มๆ

ตั้งแต่โซทาลเรและคารันถือกำเนิดขึ้นมาไม่เคยได้อยู่อย่างสงบเลย จักรวาลของพวกเขายังอ่อนเยาว์จึงตกเป็นเป้าโจมตีหลายครั้ง เพิ่งจะมาพบสันติสุขอย่างแท้จริงหลังจากเทพสงครามปราบจอมอสูรตนล่าสุดสำเร็จเมื่อสามร้อยปีก่อน

โซทาลเรและเทพเจ้าสายพลเรือนรอช่วงเวลาสงบนี้มาโดยตลอด ในที่สุดพวกเขาก็มีโอกาสได้ทำงานของตนโดยไม่ต้องระแวงว่าโลกใดจะระเบิด หรือเทพต่างถิ่นโรคจิตองค์ใดจะยกพวกมาต่อยตี

ขณะที่พวกเขากำลังซาบซึ้งกับสันติภาพจนน้ำตาแทบไหล กลับต้องร้องไห้จริงๆ ด้วยเหตุผลอื่น ซึ่งดันเป็นคนกันเองอย่างคารันดีล เซลาเทส ที่พี่น้องเรียกสั้นๆ ว่า ‘คารัน’

เทพสงครามต่อสู้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เมื่อจู่ๆ ไม่มีงานให้ทำจึงเบื่อหน่าย เที่ยวท้าเทพองค์อื่นประลองฝีมือไปทั่ว

ร้อยปีแรกทุกคนคิดว่าเขาคงเหงามือจึงยอมตามน้ำ โซทาลเรก็จงใจหลับตาข้างหนึ่ง คิดว่าอีกเดี๋ยวคารันก็คงเลิกไปเอง แต่ที่ไหนได้สองร้อยปีต่อมาเขาก็ยังไม่เลิก…

จวบจนล่วงเลยมาสามร้อยปี เทพกว่าครึ่งบนแดนสวรรค์เป็นโรควิตกจริตหวาดผวากันไปหมดแล้ว พวกเขาเสียสุขภาพจิต เสียสมาธิ การงานต่างๆ จึงเริ่มเกิดข้อบกพร่องมากขึ้นเรื่อยๆ

สุดท้ายความอดทนของทุกคน รวมถึงโซทาลเรก็สิ้นสุดลง

เทพบิดามารดาหลับใหลเพื่อฟื้นพลังมาหลายปีแล้ว อำนาจสูงสุดจึงตกอยู่ที่พี่ชายคนโตทั้งสอง ในเมื่อคารันทำตัวนักเลงโตก่อเรื่องเสียเอง โซทาลเรก็รู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องสั่งสอน

แต่หากวัดด้วยฝีไม้ลายมือการต่อสู้ ใครจะไปสู้จอมทัพหมายเลขหนึ่งได้ แม้แต่ปราชญ์และผู้ใช้มนตราอันดับหนึ่งอย่างโซทาลเรยังต้องคิดแล้วคิดอีกหลายตลบ

ใช่ว่าเขากลัวว่าจะแพ้ ทว่าเขาไม่ชอบเปลืองแรงเสียเปล่า ไม่ชอบสร้างความเสียหาย ดังนั้นเรื่องการปะทะตรงๆ ก็ลืมไปได้เลย เขาต้องมีแผนการ จะเลวสักหน่อยก็ไม่เป็นไร หากหยุดความบ้าพลังไม่เข้าเรื่องของคารันได้

ดังนั้นโซทาลเรจึงคิดแผนพักร้อนมัดมือชกแบบไร้พลังเทพเจ้าขึ้นมา…

เริ่มจากการมอมเหล้าคารันจนหมดสติ จับเขามัด ผนึกพลัง ทำลายแหล่งพลังงานสำรองที่เป็นทางหนีของเขา จากนั้นก็เตะอีกฝ่ายลงจากสวรรค์ชั่วคราว

พวกเขาทวงความสงบคืนมาได้ในที่สุด ถึงจะยังฝันร้ายกันอยู่บ้าง แต่ก็ยังดีกว่ามีเทพสงครามตัวเป็นๆ มาร้องท้าสู้หน้าวิมานแล้วจับพวกเขาอัดเอาๆ ราวกับเป็นกระสอบทราย

ชีวิตที่ปลอดคารันแม้จะรู้สึกโหวงๆ แต่ก็ชวนโล่งใจมาก

เริ่มแรกโซทาลเรใช้สมองอันชาญฉลาดคิดแผนที่ออกจะชั่วร้ายนี้ขึ้นมาเพื่อดัดนิสัยคารันและแก้ปัญหาส่วนรวมอย่างบริสุทธิ์ใจ ทว่าหลังจากใช้โสตทิพย์เงี่ยหูฟังเสียงด่าทอของคารันหลายประโยคเข้า ต่อมขี้เล่นที่ไม่ค่อยได้ทำงานของโซทาลเรก็ถูกกระตุ้นอย่างแรง

ไม่บ่อยนักที่เขาจะต้อนคารันให้จนตรอกแบบนี้ได้ งานนี้คารันผิดก็สมควรแล้วที่ต้องโดนแกล้งให้หนัก แค่ส่งไปให้ลำบากไกลๆ ในสภาพไม่ต่างจากมนุษย์น้อยคนหนึ่งแค่ช่วงเวลาสั้นๆ คงไม่พอ ต้องทิ้งเอาไว้ให้ได้คิดนานๆ หน่อย

สภาพดูไม่ได้ของหมอนั่น มองแล้วสนุกพิลึก ถึงบางทีโซทาลเรจะเผลอสงสารนิดหน่อย แต่พอคิดได้ว่าคารันป่วนเขาไว้มาก ทำให้เขาเครียดเรื้อรังมาตั้งสามร้อยปี เขาก็ทำใจแข็งและมุ่งมั่นคิดบัญชีต่อไป

ไหนๆ เริ่มแกล้งจนติดลมแล้ว โซทาลเรเลยจงใจปล่อยเกาะคู่ตรงข้ามของตนเองไว้อย่างนั้น แสร้งลืมเขาไปเสียเลย…

โซทาลเรได้มอบปัจจัยพื้นฐานและสิ่งที่ใช้ต่อยอดในการดำเนินชีวิตแบบมนุษย์ที่ค่อนข้างพิเศษให้คารันแล้ว ประกอบกับความถึกทนอันไม่ธรรมดาของหมอนั่น เชื่อว่าทิ้งเขาไว้สักปีสองปีก็คงไม่ถึงตาย

ซึ่งคารันก็ไม่ตายจริงๆ… ซ้ำยังใช้วิธีเหนือความคาดหมายในการดำรงชีพอีกต่างหาก

ถ้าก่อนหน้านี้มีคนบอกเขาว่าเทพสงครามจะเบนเข็มไปปลูกผัก เขาคงหัวเราะจนฟันร่วงแน่ๆ แต่คารันพิสูจน์แล้วว่ายามคับขันเขาหาทางออกของตนได้จริงๆ…

จากทีแรกที่ตั้งใจรังแกอีกฝ่าย โซทาลเรจึงเฝ้ามองอย่างสนใจ ถึงแม้เขาไม่ได้คาดหวังกับทริปพักร้อนของคารันนัก แต่การเปลี่ยนสภาพแวดล้อมก็คล้ายจะทำให้คารันคิดได้จริงๆ

ตอนนั้นโซทาลเรเริ่มคิดว่า อาจจะควรพาคารันกลับมาได้แล้ว แต่เกรงว่าคารันเพิ่งเริ่มเปลี่ยนตัวเองได้ไม่นาน หมอนั่นซึ่งหัวทื่อมาก อาจจะยังไม่เข้าใจข้อผิดพลาดอย่างถ่องแท้ จึงควรรออีกนิด เขาเลยชะลอกำหนดการไว้

ใครจะรู้ว่าตอนหลังจะเกิดวิกฤติใหญ่ชนิดแทบจะพลิกจักรวาลขึ้น ณ โลกที่คารันไปพักร้อน ความปลอดภัยของบ้านเกิดต้องมาก่อน โซทาลเรจึงเลิกแกล้งคารันและอาศัยสภาพมนุษย์ของเขาช่วยสืบสาวราวเรื่องจนลากศัตรูออกมาจากเงามืดได้ในที่สุด

ภาพรวมวิกฤติการณ์ผ่านไปอย่างราบรื่น และท้ายที่สุดเทพสงคราม คารันดีล เซลาเทส ก็ได้กลับขึ้นสวรรค์อย่างเต็มภาคภูมิ

คารันถือคติ ‘บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ’ ดังนั้นเทพทุกองค์ที่ร่วมมือเตะเขาลงไปพักร้อนจึงต้องใช้หนี้กรรมให้เขาบวกดอกเบี้ยไม่เว้นแม้แต่คนเดียว

เอาคืนเขาไม่ผิด แต่ล้ำเส้นแกล้งเขามากเกินไป และยังกล้าทำลายศักดิ์ศรีของเขานั้นผิดมาก คารันเสียความรู้สึก ทุกคนจึงต้องจ่ายมันคืนให้เขาอย่างสาสม

และแน่นอนในฐานะตัวตั้งตัวตี ข้า โซทาลเร เซลาเทส ย่อมโดนเอาคืนหนักที่สุด…

หลังถูกเตะเต็มเท้า ก็หล่นกระแทกโขดหิน เกือบจมน้ำตาย ขึ้นบกก็ถูกแดดเผา และตอนนี้ที่เขานั่งอยู่ในร่มไม้ได้ไม่กี่นาทีก็ถูกแมลงกัดจนคันยิบๆ หากไม่เรียกการต้อนรับแบบนี้ว่า ‘อบอุ่นซาบซึ้ง’ ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว

ทั้งที่เจ็บไปทั้งตัวโซทาลเรก็ยังกัดฟันลุกขึ้นยืน เขาจำเป็นต้องสำรวจสถานที่พักร้อนนี้อย่างเร็วที่สุด ต้องปรับตัวอยู่ที่เกาะนี้ให้ได้ แล้วก็ยังต้องหาอีกด้วยว่า คารันส่งเขามาที่นี่เพื่อแกล้งอย่างเดียวจริงๆ หรือมีงานให้ทำ

ถึงเขาจะชอบดูแคลนว่าหมอนั่นสมองน้อย แต่อันที่จริงคารันก็ไม่ได้โง่ทึ่มนัก เรื่องการใช้งานชาวบ้าน หมอนั่นก็ถือเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง

โซทาลเรพาตัวเองที่ถูกแดดเผาจนแสบไปหมด คันเพราะยุงกัด เจ็บแผลถลอกตั้งแต่หัวจรดเท้า และยังปวดบั้นท้ายออกเดินช้าๆ

ข้างหลังเขาคือป่าเขตร้อนขนาดย่อม ข้างหน้าคือชายหาดและทะเลสีครามเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา แม้เทพแห่งปัญญาดวงอับจะไม่มีญาณทิพย์ แต่เขาก็พอจะดูออกว่า ตนถูกโยนตุ้บลงมาที่เกาะกลางทะเลแห่งหนึ่ง

ตอนเขาส่งคารันไปพักร้อน เขาก็โยนหมอนั่นไปที่เกาะเหมือนกัน แต่เป็นเกาะลอยฟ้า คารันคงตั้งใจจะเอาคืนเขาถึงได้ส่งเขามาที่นี่

ต่อให้มีปัจจัยสี่บวกสมบัติเทพเจ้าจำนวนหนึ่ง การใช้ชีวิตที่นี่ด้วยร่างกายปวกเปียกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โซทาลเรถอนหายใจ ตอนนั้นเขาไม่น่าเล่นเล่ห์กับคารันและนึกสนุกมากจนเกินไปเลย แกล้งแค่พอให้รู้สำนึกได้ก็ควรจะหยุดแล้ว

แต่เอาเถอะ ที่ผิดก็ผิดไปแล้ว ที่ยอมชดใช้ก็ยอมแล้ว มีแต่ต้องใช้ชีวิตติดกรรมนี้ให้ดี อย่าให้หมอนั่นได้หัวเราะเขามากกว่าที่ควรแม้แต่ครั้งเดียว

ดวงตาสองสีหลับลงช้าๆ แล้วก็ลืมขึ้นอีกครั้งพร้อมแววตามุ่งมั่น

“ข้าคือโซทาลเร เซลาเทส ต่อให้มาพักร้อนแบบไร้พลัง ข้าก็จะใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ”

ตั้งแต่วันนั้นจวบจนสองเดือนต่อมาโซทาลเรใช้ชีวิตและปรับตัวอย่างตั้งอกตั้งใจ มุ่งหมายจะยกระดับคุณภาพชีวิตติดเกาะให้ดีตลอดหนึ่งปี

เขาไม่ได้รู้เลยแม้แต่น้อยว่า เกาะร้างกลางทะเลแห่งนี้ ไม่ใช่ปลายทางของเขา

แค่จุดเริ่มต้นก็ยังไม่ใช่เลย

✧✦…✦✧…✧✦…✦✧…✧✦…✦✧…✧✦

To be Continue on
บทที่ 2 เจ้าสมองกล้าม! เอาเกาะของข้าคืนมา!

ทักทายต้นเรื่องค่ะ หายต๋อมไปปั่นงานมาหลายอย่าง เลยมาโผล่เอาใกล้ปีใหม่เลย ยินดีต้อนรับทุกคนสู่เรื่องราวการใช้หนี้ แค่กๆ หมายถึงผจญภัยของเทพเจ้าสายสมอง โซทาลเร ค่ะ

หลังจากไปก่อเรื่องกับคนอื่นเขาไว้ ก็เป็นช่วงเวลาถูกเอาคืนของเทพแห่งสติปัญญาบ้างแล้ว แต่ด้วยนิสัยนักเลงโตของท่านเทพสงครามก็ไม่แน่เหมือนกันว่างานนี้จะเก็บหนี้แค่พอดี หรือจะจัดหนักต่อให้สะใจเล่นอีกสักหลายยก

เป็นอย่างที่คอมเมนต์ในบทนำว่าไว้จริงๆ โซทาลเรอาจจะโกรธเส้นเลือดในสมองแตกตายก่อนรึเปล่าก็ไม่รู้ ใครก็ได้ส่งยาพาราฯ หรือชาคาโมไมล์ให้เขาหน่อยค่า 55

เราจะมาอัพอีกทีประมาณวันอังคารที่จะถึงนี้นะคะ
ขอฝากการผจญภัยของท่านโซลไว้ด้วยนะคะ

V.Rondell
27 Dec 2020

ป.ล. เมื่อคืนจะมาอัพอีกบทแต่ปรากฏว่า เจอจุดที่ต้องแก้เลยเลตมาอีกวันนึงเลย TvT

บทที่ 2 เอาเกาะของข้าคืนมา!

บทที่ 2 เอาเกาะของข้าคืนมา!

เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว…

คงเพราะปกติออกกำลังกายน้อย พอไม่มีพลังเทพและเวทมนตร์ ต้องลงแรงเองทั้งหมด โซทาลเรจึงพลังงานต่ำ เหนื่อยง่ายจนน่าสังเวช

เอาแค่วันแรกที่มาถึงเกาะ กว่าจะปฐมพยาบาลตนเอง และตามหาบ้านต้นไม้กับถ้ำสมบัติที่คารันเตรียมไว้ให้ เขาก็แทบล้มประดาตายแล้ว

ในบรรดาความไม่สะดวกทั้งหมด สิ่งที่โซทาลเรหงุดหงิดที่สุดคือ ร่างมนุษย์มีเหงื่อไคล…

สำหรับเทพผู้รักความสะอาด โซทาลเรทนการไม่อาบน้ำ ไม่สระผม และไม่ซักเสื้อผ้าไม่ได้เลย แต่ที่นี่ไม่มีเทพบริวาร ไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกดีๆ เขาจึงต้องลำบากไม่น้อยกว่าจะหาทางทำให้ตนเองมีสุขอนามัยที่ดีได้

คราวเจ้าคารันยังมีเทพน้องๆ ส่งของใช้ประโยชน์ได้ไปให้เขา แต่พอถึงคราวเขา หมอนั่นที่ไร้ความละเอียดอ่อนดันให้มาแต่อาวุธกับของไร้ประโยชน์ (เช่น หวีสับฝังพลอย กับโคมระย้า) กระทั่งสบู่หนึ่งก้อน หรือแปรงสีฟันสักด้ามก็ยังไม่มี เสื้อผ้าที่คัดมาให้ก็มีแต่พวกชุดลุยๆ หน้าตาไม่น่าสวมใส่ทั้งสิ้น

โชคดีที่โซทาลเรครอบครองสมองที่ชาญฉลาด เขาจำเรื่องดีๆ ในจักรวาลได้มากมาย แม้ต้องใช้เวลาคิดอยู่บ้าง หัวสมองตื้อชาเหมือนเทพป่วยหนักตลอดเวลา ทว่าเขาก็ยังมีข้อมูลใช้การได้อยู่เยอะแยะ

เขาเพียรออกไปสำรวจ สร้างสิ่งโน้นประดิษฐ์สิ่งนี้อย่างขยันขันแข็งทุกวัน ไม่ลืมที่จะเริ่มออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อเผื่อวันอันแสนลำบากข้างหน้า

กิจวัตรอันยากเย็นดำเนินไปถึงสองเดือน ท่านเทพแห่งสติปัญญาจึงปรับตัวกับชีวิตติดเกาะของตนได้ในที่สุด

เขาปรับปรุงบ้านต้นไม้ให้ดูดีขึ้น ติดตั้งพัดลม (ที่เสียเวลาแกะสลักเองและเชื่อมต่อเข้ากับผลึกพลังงานที่แคะมาจากเครื่องเล่นดนตรี) เรียบร้อย ยาพ่นกันแมลงก็ผสมเสร็จแล้วใช้ได้อีกครึ่งปี เจลกันแดดจากสมุนไพรก็พร้อมใช้งานทุกวัน แม้แต่สบู่หอมก็ยังทำไว้พอใช้ไปถึงปีหน้า

แต่ไหนแต่ไรมาโซทาลเรมีงานอดิเรกชอบประดิษฐ์สิ่งของและสร้างสิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่แล้ว หากไม่นับว่าเขาต้องลงแรงถากไสไม้เอง ต้มโน่นคนนี่เอง ชีวิตช่วงนี้ก็ไม่ถึงกับเลวร้ายนัก แย่แค่ตรงที่เขาเหนื่อยมาก และรู้สึกว่าตนเหม็นเหงื่อจนต้องไปอาบน้ำอย่างน้อยวันละสี่ครั้งเท่านั้น

ช่วงเวลาที่เหลือไม่น่าห่วง ตอนนี้เขาเตรียมพร้อมแล้ว หนึ่งปีนี้จะต้องอยู่ดีมีสุขได้แน่

น่าเสียดายที่ความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน…

เช้าวันเกิดเหตุ โซทาลเรตื่นขึ้นมาหลังจากฝันถึงวันคืนอันดีงามบนสวรรค์ วันนี้เขาอารมณ์ดี จึงเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการทำอาหาร

อนึ่งพรสวรรค์ด้านงานครัวของเขามีค่าเท่ากับศูนย์ ต่อให้ตั้งใจมากก็ยังทำอาหารได้แค่ระดับพอกระเดือกได้ ดังนั้นอะไรที่ซับซ้อนเขาจึงไม่ทำ อยู่กับปลาย่างสมุนไพร ซุปผัก มันเผา สลัดผัก และผลไม้สดก็เพียงพอแล้ว

โซทาลเรทำซุปง่ายๆ ให้ตนเอง วันนี้รสเค็มไปหน่อย มันที่ต้มก็ไม่ค่อยสุก แต่โซทาลเรก็กินจนหมด อาหารที่นี่เป็นของหายาก ต้องกินอย่างประหยัด

เขาลังเลว่าจะเริ่มทำพัดลมอีกสักตัวดีไหม ก็นึกได้ว่าควรจะไปตรวจสอบท้ายเกาะดูสักหน่อย

ภารกิจส่วนหนึ่งของเขาอยู่ที่นั่น…

ตอนที่คารันดีล เซลาเทส ถูกส่งไปพักร้อน เขาต้องเจอกับเรื่องใหญ่ระดับจักรวาล ดังนั้นปณิธานของเขาก็คือ คนอื่นๆ ก็ต้องไปลำบากเหมือนเขา

ที่จริงไม่ควรเรียกว่า ‘พักร้อน’ เลย เรียกว่า ส่งไปทำงานแบบมัดมือมัดเท้ายังตรงเสียกว่า

โซทาลเรคว้าไม้พลองเรียบๆ ติดมือมาใช้ช่วยในการเดินป่า ผ่านมาสองเดือนจากที่สะดุดหกล้มจนหมดสภาพ เขาก็ชินทางจนประหยัดเวลาเดินเหินไปมากกว่าครึ่ง

ป่าและเกาะแห่งนี้ประหลาดมาก เพราะไม่มีสัตว์ชนิดใดอยู่เลย หากไม่นับนกที่บินผ่านมาเป็นครั้งคราวและปลาในทะเลก็เรียกได้ว่าเกาะแห่งนี้ร้างอย่างแท้จริง ซึ่งสาเหตุของการไร้สัตว์ป่าก็อยู่ที่ท้ายเกาะนี่เอง

พอเดินพ้นจากแนวป่าทึบที่มีเถาวัลย์และรากอากาศของต้นไม้ใหญ่แล้ว โซทาลเรก็โผล่มาที่ส่วนท้ายของเกาะ ร่างของสัตว์โลหะสีดำขนาดยักษ์นอนอยู่ในถ้ำ รอบๆ มีแต่เศษกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วน

บนเกาะนี้เคยมีสัตว์ประหลาดเหล็กที่หลุดมาจากจักรวาลอื่น มันกินสัตว์และคนบนเกาะจนหมด และคงหาทางขึ้นฝั่งแผ่นดินใหญ่ไปแล้วหากไม่ใช่เพราะเทพนักรบสักองค์หนึ่งมาปราบเสียก่อน

แม้ตอนนี้มันจะนอนนิ่งเหมือนตาย แต่ที่จริงสัตว์ประหลาดตนนี้เป็นเครื่องจักรที่กำลังซ่อมแซมตนเอง วงศ์เทพเมโทรวาที่เป็นผู้สร้างมันสิ้นสูญไปนานแล้ว แต่อสูรจักรกลตนนี้ยังไม่พัง

กลไกภายในบางส่วนของมันยังทำงานอยู่ หน้าที่ของโซทาลเรคือ การปลดสลักอาคมให้มันซ่อมแซมตัวเองไม่ได้และเคลื่อนไหวไม่ได้อีกต่อไป

การปลดสลักอาคมของอสูรจักรกลเป็นงานประณีตที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านมนตรา วิศวกรรม และภาษา นอกจากโซทาลเรแล้วก็หาคนที่ทักษะถึงพร้อมได้ยาก

อยู่ที่นี่มาสองเดือน โซทาลเรแก้สลักอาคมไปกว่าครึ่งแล้ว คิดว่าต่อให้มานั่งปลดเดือนละครั้ง ก็คงทำเสร็จภายในครึ่งปี

งานที่นี่ไม่ได้ยากมาก แต่การใช้ชีวิตที่นี่ยากมากทีเดียว

โซทาลเรวางตะเกียงมนตรา หนึ่งในของมีประโยชน์ไม่กี่อย่างที่คารันเตรียมไว้ให้ลงที่พื้น จากนั้นก็พับแขนเสื้อขึ้น สวมถุงมือแล้วก็เริ่มทำงาน

เวลาตั้งสมาธิมากๆ โซทาลเรมักจะลืมเวลา เขากินผลไม้ที่เตรียมไว้เป็นอาหารกลางวันสาย ดังนั้นแม้จะเย็นแล้วเขาก็ยังไม่หิว เขาแวะไปอาบน้ำที่ลำธารก่อน เพื่อความสะดวกเขาใช้รอกแขวนฟองน้ำ สบู่ และยาสระผมไว้บนต้นไม้ใกล้ๆ จึงดึงลงมาใช้ได้ทุกเมื่อ

มองในแง่หนึ่งการอยู่บนเกาะคนเดียวก็ใช่ว่าจะไม่ดี เขาจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีศัตรูโผล่มาจิ้มหลังเขาทีเผลอ

โซทาลเรอาบน้ำสระผมเสร็จก็หอบข้าวของกลับบ้านต้นไม้ เดินมาได้ครึ่งทางเขาก็ชะงัก เพราะว่าในบ้านเปิดไฟทิ้งไว้…

“ข้าลืมหรือ?” โซทาลเรเลิกคิ้ว

ไม่ดีแล้ว โคมและตะเกียงมนตราที่คารันให้มาเป็นแบบบรรจุพลังงานในตัว คำนวณแล้วใช้ได้แค่ดวงละครึ่งปี เปิดทิ้งไว้แบบนี้สิ้นเปลืองตายพอดี!

เทพแห่งสติปัญญาที่ผมยังเปียกชื้นหอบกระเป๋าเป้ใหญ่และผ้าเช็ดตัวปีนบันไดไม้ขึ้นไป แล้วเขาก็เห็นว่าพัดลมกำลังหมุนอยู่ ส่วนบนเปลเชือกถักเองของเขาก็มีใครบางคนนอนเล่นพลางส่งผลไม้ป่าหน้าตาคล้ายองุ่นพวงใหญ่เข้าปากอย่างสบายอกสบายใจ

แค่เห็นร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำ ผมดำยาวชี้ไม่เป็นทรง และยังงี่เง่าสวมชุดเกราะเต็มยศมาเดินป่า ความอดทนอดกลั้นอันดีของโซทาลเรก็ขาดผึง

“วางผลไม้ของข้าลง! แล้วก็ย้ายก้นออกไปจากเปลญวนของข้าด้วย!”

“อะไรกันไม่เจอกันตั้งสองเดือน ทักทายกันแบบนี้หรือ น้องชาย”

“ใครน้องเจ้า! คารันดีล เซลาเทส ลงไปเดี๋ยวนี้!”

“ขี้เหนียว” คนบนเปลยอมลุกขึ้นในที่สุด พอเขายืนจึงเห็นชัดว่าเขาสูงกว่าโซทาลเรอยู่ครึ่งศีรษะ แม้ว่าจะมีกล้ามเนื้ออย่างนักรบ แต่ใบหน้าที่โกนหนวดเคราเกลี้ยงเกลาเหมือนเขาราวกับส่องกระจก

มองแล้วขัดตาฉิบหาย… ตั้งแต่เจ้าคารันลงไปพักร้อน แปลงร่างไม่ได้ ต้องใช้ร่างดั้งเดิม หมอนั่นก็ชินจนไม่ยอมเปลี่ยนร่างอีก

โซทาลเรโยนกระเป๋าเป้ลงพื้นและจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างมาดร้าย “เจ้าบุกบ้านข้าทำไม คารัน ข้ายังไม่ได้เชิญเจ้ามาสักหน่อย”

เทพเจ้าที่ถูกส่งไปพักร้อนชดใช้ความผิดทั้งหมดล้วนมีสิทธิ์ติดต่อเทพสงครามได้ในกรณีฉุกเฉิน โซทาลเรมั่นใจว่าเขายังไม่ได้เชิญเจ้าสมองกล้ามสักคำ กระทั่งเอ่ยชื่อดังๆ ให้วันดีๆ มัวหมองเขายังไม่ทำเลยด้วยซ้ำ

“ข้าแวะมาเยี่ยมเจ้ายังไงล่ะ ปรับตัวได้ดีกว่าที่ข้าคิดนะ เปลี่ยนบ้านเปล่าๆ ให้ดูมีวัฒนธรรมเชียว” อีกฝ่ายไม่ตอบคำถาม ซ้ำยังยื่นมือไปจิ้มพัดลมเล่นอย่างนึกสนุก

“ถ้าเป็นเจ้าคงได้ใช้ชีวิตแบบมนุษย์ถ้ำไปแล้ว” โซทาลเรฉวยพลองจิ้มหลังเขาแรงๆ ให้ถอยไป มือหนักอย่างคารันถ้าทำพัดลมเขาหักก็แย่พอดี

“อย่าดูถูกมนุษย์ถ้ำสิ พวกเขาล่าสัตว์เก่งกว่าเจ้าอีก”

“มีธุระอะไรรีบว่ามา” ถ้าจะมาหาเรื่องก็รีบหาให้เสร็จ แล้วไปๆ ซะ!

ดวงตาสองสีสองคู่จ้องมองกันนิ่งนาน เทพสงครามจึงยกยิ้มมุมปากน้อยๆ ขึ้นมา “มีรายงานด่วนเข้ามา เจอของเคี้ยวยากเข้าอย่างหนึ่ง ข้าเลยนึกถึงเจ้าเป็นคนแรก”

“จะปรึกษาอะไรก็ว่ามา”

“ข้าไม่ได้มาปรึกษา” ใบหน้าของคารันเปื้อนยิ้มดูไม่น่าวางใจ

โซทาลเรรีบคว้าเชือกกระโจนหนีลงจากต้นไม้ทันที สายตาแบบนั้น ไม่เข้าทีแล้ว

เท้าของเขาเพิ่งแตะพื้น คอเสื้อด้านหลังก็ถูกมือล่องหนคว้าไว้เสียแล้ว คารันลอยตัวลงมายืนเอียงคอกวนประสาทตรงหน้าเขา “จะหนีไปไหน สภาพแบบนี้ยังคิดจะต่อกรกับข้าอีกรึ”

คารันเคาะเท้ากับพื้นแรงๆ ทีหนึ่ง ห้วงอากาศก็ปริแยก เห็นห้วงมิติดำมืดปรากฏขึ้นมา เขาแสยะยิ้มก่อนจะพูดกลั้วหัวเราะอย่างรื่นรมย์ว่า

“โซทาลเร เซลาเทส ข้ามีงานใหญ่ให้เจ้าทำ ได้เวลาย้ายที่แล้ว!”

จากนั้นมือใหญ่หยาบกระด้างก็เขวี้ยงเขาเข้าไปในนั้น เขาหัวหมุนติ้วๆ เจ็บชาไปทั้งตัวอยู่นาน พอตื่นมาอีกทีก็อยู่ในสภาพนี้แล้ว… อยู่ในร่างคนตายกลางป่าที่ไหนก็ไม่รู้!

โซทาลเรโกรธจนตัวสั่น ยิ่งพอนึกถึงเกาะที่เขาเตรียมพร้อมใช้ชีวิตเป็นอย่างดี เจลกันแดดทั้งถัง ภูเขาสบู่ทำมือ แล้วยังพัดลมของเขา เทพแห่งสติปัญญาก็โกรธเกรี้ยวจนสบถด่าหยาบคายไปหลายสิบประโยค

“คารันดีล เซลาเทส !! เจ้าทำเกินไปแล้ว! ข้าเกลียดเจ้า เกลียดเจ้าฉิบหายเลย!”

เจ้าลงโทษข้า ข้าก็ยอมรับแล้วไง จำเป็นไหมต้องแกล้งข้าซ้อนถึงสองชั้น หลอกให้ชินที่ ตายใจก่อนค่อยย้ายมาเริ่มต้นใหม่ที่อื่น เจ้ามันชั่ว ชั่วจริงๆ!

เจ้าสมองกล้าม! ข้าไม่ให้อภัยเจ้าแน่ เอาเกาะของข้าคืนมา! สบู่ของข้าด้วย นิสัยเด็กน้อยแบบนี้ยังหน้าไม่อายบอกว่าตัวเองเป็นพี่อีกหรือ ไร้สาระที่สุด!

จะงานจะเรื่องบ้าอะไร มันมีแต่ต้องแจกแจงรายละเอียดดีๆ ถามไถ่กันให้ชัดเจนแล้วค่อยส่งคนไปไม่ใช่หรือ แล้วไอ้การเขวี้ยงคนอื่นไปทันทีโดยไม่บอกไม่กล่าวนี่มันอะไร!

แย่! แย่มาก เลวร้ายจริงๆ!

โซทาลเรเงยหน้ามองฟ้าทั้งเลือดขึ้นหน้า เขาไม่รู้สึกว่าคารันอยู่แถวนี้ แต่เชื่อว่าหมอนั่นต้องได้ยินเสียงของเขาแน่ จึงตะเบ็งเสียงออกไปสุดกำลัง

“งานบ้าบออะไรนั่นข้าจะจัดการแน่ คอยดู! ข้าจะใช้พักร้อนเฮงซวยนี้อย่างมีคุณภาพ! อย่ามาดูถูกเทพแห่งสติปัญญา โซทาลเร เซลาเทส นะ!!”

✧✦…✦✧…✧✦…✦✧…✧✦…✦✧…✧✦

To be Continue on

บทที่ 3 เจ้าจงใจทำให้ข้าขายขี้หน้าใช่ไหม!

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...