ในช่วงสัปดาห์นี้ก็เป็นช่วงหยุดยาวของญี่ปุ่น หรือที่เราเรียกกันว่า “โกลเดนท์วีค” นะครับ ช่วงโกลเดนท์วีคนี่พูดง่าย ๆ ก็ประมาณบ้านเราในช่วงนี้พอดี ที่จะมีวันหยุดติด ๆ กันหลายวัน ถ้ารวมกับวันเสาร์อาทิตย์ก็จะได้วันหยุดยาว ๆ ไปเป็นสัปดาห์เลยทีเดียว
ปกติช่วงนี้ก็จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของญี่ปุ่นนะครับ คนญี่ปุ่นก็จะเดินทางกลับบ้าน หรือออกท่องเที่ยวไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ใครที่เคยมาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงโกลเดนท์วีคนี่ก็คงจะพอรู้ว่าเป็นช่วงที่เที่ยวได้ลำบากมาก เพราะคนญี่ปุ่นเองก็ออกมาเที่ยวกันคึกคัก โรงแรมที่พักก็จะเต็มและมีราคาสูง รถไฟชินคันเซน ตั๋วเครื่องบินก็จะถูกจองเต็มล่วงหน้าไปหลายเดือน จนต้องขายตั๋วแบบยืนกันเลย เรียกว่าใครที่ไม่รู้แล้วหลงมาเที่ยวช่วงนี้นี่ก็จะต้องระทมกันไป
แต่ในปีนี้สถานการณ์ไม่เป็นเหมือนทุกปี อย่างที่รู้กันว่าเนื่องจากเกิดปัญหาการระบาดของไวรัสขึ้น ดังนั้นในช่วงหยุดยาวของญี่ปุ่นในปีนี้ เขาก็เลยมีการรณรงค์ให้อยู่บ้านกัน (อยู่บ้านนี่หมายถึงถ้าเป็นคนต่างจังหวัดเข้ามาทำงานในโตเกียวก็ให้อยู่ในโตเกียว ไม่ใช่เดินทางกลับบ้านเกิดที่ต่างจังหวัดแล้วมาเนียนอ้างว่าบอกให้อยู่บ้านก็อยู่บ้านแล้วนะเฟร้ย แบบนี้ไม่ได้นะ…) รวมถึงขอความร่วมมือไม่ให้ออกไปเที่ยวกันด้วย
แต่แน่นอนว่ามันก็ไม่ได้ผลกับทุกคนครับ เขาก็ยังคาดการณ์กันว่าจะยังมีคนญี่ปุ่นเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเป็นจำนวนมากพอสมควรในช่วงหยุดยาวนี้ แม้จะไม่เยอะเท่าทุกปีก็ตาม โดยจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่คาดว่าจะมีชาวญี่ปุ่นเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวมากกว่า 60,000 คน (นับจากทัวร์และตั๋วที่มีการจองเอาไว้ล่วงหน้า) ก็คือจังหวัดโอกินาว่า หนึ่งในจังหวัดพักร้อนยอดนิยมของญี่ปุ่นนั่นเองครับ
ผู้ว่าจังหวัดโอกินาว่าถึงกับต้องออกมาขอร้องให้คนที่จะเดินทางมาเที่ยวโอกินาว่าในช่วงหยุดยาว จงยกเลิกทัวร์ไปซะ พร้อมกับสั่งให้ร้านค้าต่าง ๆ ในโอกินาว่าปิดเงียบหนีนักท่องเที่ยวกันเลยทีเดียว
ส่วนเกาะมิยาโกะ เกาะในจังหวัดโอกินาว่านั้น ก็ดูจะตื่นตระหนกกว่าใครเพื่อน รีบติดป้ายประกาศทั่วเกาะว่าจะไม่ให้คนที่มาจากต่างเกาะเข้าร้านอาหารในเกาะช่วงหยุดยาวเพื่อป้องกันไวรัส (มาจากเกาะอื่นในโอกินาว่าก็ไม่ได้) ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าการร้องขอให้ยกเลิกการเดินทางมาเที่ยวของจังหวัดโอกินาว่าจะได้ผลหรือไม่
บางบริษัทก็พยายามช่วยรณรงค์การอยู่บ้านเพื่อลดการระบาดของไวรัสนะครับ อย่างบริษัทของเพื่อนผมที่เป็นบริษัทเกี่ยวกับการทำบัญชีในโตเกียว เขาก็ออกกฎอย่างชัดเจนมาให้พนักงานปฏิบัติตามเลยนะว่าช่วงหยุดยาวนี้ ห้ามพนักงานเดินทางกลับบ้านหรือออกไปเที่ยวเด็ดขาด ให้อยู่แต่ในบ้านเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัส ซึ่งก็โดนพนักงานบ่นกันกระจายเลยเหมือนกัน เพราะช่วงนี้ก็อยู่กับบ้านไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยมาเป็นเดือนแล้ว ช่วงวันหยุดแทนที่จะได้กลับบ้านเกิดหรือออกไปเที่ยวเหมือนทุกปีก็กลับต้องมาอยู่ในห้องแคบ ๆ ในโตเกียว เป็นวันหยุดที่เหมือนไม่ได้หยุดเลย แต่ก็นับว่าเป็นมาตการที่เด็ดขาดในการควบคุมการระบาดของไวรัส
ซึ่งการที่หลาย ๆ คนต้องอยู่ในโตเกียวไม่ได้เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเหมือนทุกปี มันก็ทำให้เกิดกิจกรรมยอดฮิตขึ้นในช่วงนี้ครับ นั่นก็คือ
“การกลับบ้านแบบออนไลน์”
(オンライン帰省)
หือออ เขาทำยังไงกัน ? การกลับบ้านแบบออนไลน์ ก็คือการกลับบ้านแบบเสมือนจริงด้วยโปรแกรมแผนที่นั่นแหละครับ เปิดสตรีตวิวไล่ไปเรื่อย ๆ ตามท้องถนน จากจังหวัดสู่จังหวัด (ใครมีแว่น VR จะได้อารมณ์มาก) ไล่ไปเรื่อย ๆ จนถึงบ้านเกิดของตัวเอง
พอไปถึงบ้านตัวเองแล้วก็จะทำการวิดีโอคอลคุยกับคนทางบ้าน เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง เหมือนกับได้กลับบ้านจริง ๆ ในขณะที่คุณพ่อคุณแม่หรือญาติผู้ใหญ่ที่อยู่ที่บ้าน ก็จะส่งของจากบ้านเกิดมาให้ ไม่ว่าจะเป็นของท้องถิ่น อาหารฝีมือแม่ เพื่อให้หายคิดถึง ถึงตัวจะกลับมาไม่ได้ แต่การส่งของสมัยนี้มันก็สะดวกและรวดเร็ว จะวิดีโอคอลกับที่บ้านไป ทานอาหารที่แม่จ๋าส่งมาให้ไปด้วยก็ยังได้
การกลับบ้านทางออนไลน์แบบนี้ทำให้หลาย ๆ คนถึงกับน้ำตาคลอเพราะภาพสตรีตวิวส่วนใหญ่ จะเป็นภาพที่ยังไม่ได้อัปเดตจากหลายปีก่อน ทำให้หลายคนได้เห็นสภาพบ้านของตัวเองในอดีต บางคนเห็นสัตว์เลี้ยงของตัวเองที่เสียชีวิตไปแล้วยังคงอยู่ในกรงที่บ้าน หรือเดินเล่นอยู่แถวบ้าน บางคนก็เห็นคุณตาคุณยายที่เสียชีวิตไปแล้วกำลังเกี่ยวข้าวทำนา หรือนั่งพูดคุยกัน มันก็เป็นภาพที่ทำให้นึกถึงอดีต แล้วก็ทำให้รู้สึกคิดถึงบ้านมากกว่าเดิมจนน้ำตาไหลอาบแก้ม (อ้าว สรุปมันดีหรือไม่ดีกันล่ะเนี่ย !)
หากจะมองในแง่ดี การกลับบ้านออนไลน์แบบนี้ นอกจากจะเป็นการควบคุมการระบาดของไวรัสที่ดีแล้ว มันยังเป็นสิ่งที่ทำให้เราได้ตระหนักถึงความอบอุ่น ความสบายใจ รวมถึงความรู้สึกคิดถึงเมื่อได้กลับบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนหลงลืมไปแล้ว
เมื่อได้เข้ามาทำงานในเมืองหลวง วัน ๆ ก็คิดแต่เรื่องงานจนลืมคิดถึงคนที่บ้าน บางครั้งแม้จะมีช่วงหยุดก็ไม่รู้สึกอยากกลับบ้าน พอถูกพ่อแม่รบเร้าให้กลับบ้านก็อารมณ์เสีย หรือกลับบ้านไปแบบไม่เต็มใจ แต่พอวันนี้ไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้เหมือนเดิม ความรู้สึกเหล่านั้นกลับชัดเจนมากขึ้น ว่าที่บ้านนั้นมีใครที่รอเราอยู่ เราอยากกลับไปเพื่อใช้เวลาอยู่กับคนที่เรารัก ที่ไม่รู้ว่าเราจะมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกนานเพียงใด อยากบอกรักกับคนที่เรารัก อยากเห็นรอยยิ้ม อยากเล่าเรื่องราวในชีวิตของเราให้เขาฟังก่อนที่มันจะสายเกินไป …
เราอาจจะได้รู้ตัวว่าเราอยากทำเรื่องที่น่าเบื่ออย่างเช่นการกลับบ้านมากขนาดไหน
ในวันที่เราไม่สามารถกลับไปได้เหมือนเดิม …
ติดตามบทความใหม่เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้และเรื่องแปลก ๆ ของประเทศญี่ปุ่นทาง LINE TODAY: TOP PICK TODAY จากผมได้ทุกวันเสาร์นะครับ
ช่องทางการติดตามเพิ่มเติม
Facebook :Eak SummerSnow
Youtube : Eak SummerSnow
ความเห็น 1
ทุกอย่างจะเป็นไปดั่งที่ใจเราต้องการได้ ก็ย่อมที่จะต้องขึ้นอยู่กับในความร่วมมือเท่านั้น.
02 พ.ค. 2563 เวลา 02.33 น.
ดูทั้งหมด