“ทางสามแพร่ง” ใครๆที่ได้ยินคำนี้ก็คงอยากจะหนีห่างจากมันให้ไกล เพราะได้ยินเสียงร่ำลือถึงความน่ากลัวของมันมาไม่มากก็น้อย บางคนก็ร่ำรือถึงความน่ากลัวของผีที่อยู่ตามทางสามแพร่ง ถึงขนาดเรียกทางสามแพร่งว่าเป็นแหล่งชุมนุมของสัมภเวสีทั้งหลาย! ฟังแล้วขนลุกใช่ไหมละคะ ส่วนบางคนก็บอกว่าใครที่อยู่ที่ทางสามแพร่งจะเจอกับหายนะ ทำมาค้าขายไม่ขึ้น สุดท้ายก็ต้องเจ๊งไป โหยยยยย ฟังแล้วยิ่งอยากหนีจากทางสามแพร่งไปไกล ๆ ยิ่งไกลได้ยิ่งดี แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ความลับของทางสามแพร่ง ว่าแท้จริงแล้วทางสามแพร่งนั้นคือฮวงจุ้ยมหาเศรษฐี!!!
ก่อนอื่นต้องอธิบายความหมายของทางสามแพร่งให้เข้าใจตรงกันซะก่อน ทางสามแพร่งนี้คือทางที่มีลักษณะพุ่งเข้าชน เป็นตัว T หรือ Y รวมถึงทางโค้งหักศอก ซึ่งจะมีพลังวิ่งพุ่งชนอยู่ตลอดเวลา พลังในที่นี้คือกระแสน้ำหรือกระแสรถที่วิ่งผ่านไป โดยทางสามแพร่งนี้จะมีพลังพุ่งเข้าชนอยู่ตลอดเวลา ทางฮวงจุ้ยจะถือว่าทางสามแพร่งเป็นทางที่มีพลังมหาศาลสะสมอยู่
หากบ้านของเราอยู่บริเวณทางสามแพร่งแล้วตั้งอยู่ในทิศทางที่ดี เมื่อปะทะกับพลังที่พุ่งเข้ามามหาศาล จึงทำให้บ้านหลังนั้นเกิดพลังดีมากเป็นพิเศษ ส่งผลให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นมีโชคลาภมากกว่าปกติ เปรียบเสมือนกับเสาอากาศทีวี หากเราตั้งเสาให้เหมาะสมกับการรับคลื่น ภาพที่ได้ก็จะชัดแจ๋ว
แต่หากบ้านอยู่ในทิศทางที่ไม่ดีแถมยังต้องเจอพลังมหาศาลของทางสามแพร่ง จึงทำให้ความไม่ดีมีพลังมากหลายเท่าตัว ซึ่งจะทำให้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นเกิดปัญหาสุขภาพ เจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ ทำการค้าไม่เจริญรุ่งเรือง แถมยังจะเจอแขกที่ไม่ได้รับเชิญ เช่น สัมภเวสี ผีตายโหง มาเยี่ยมเยือนได้บ่อย ๆ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าทางสามแพร่งนั้นไม่ได้แล้วร้ายเสมอไป หากรู้จักใช้ทางสามแพร่งให้เป็นประโยชน์ ก็จะทำให้เกิดผลดีแบบที่คุณคาดไม่ถึงเชียวล่ะ
คุณผู้อ่านต้องอยากรู้แน่ๆเลยว่าทิศทางที่ว่าดีหรือไม่ดีนี้กำหนดมาจากไหน … ทิศทางของหลักวิชาฮวงจุ้ยเกิดจากการคำนวณวิถีโคจรของดวงดาว ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ โดยแต่ละสำนักจะมีการคำนวณที่แตกต่างกันออกไป แต่ที่ใช้กันทั่วไปคือวิชาดาว 9 ยุค หลักการคือเขาจะมีการคำนวณว่าทิศไหนองศาใดดีไม่ดี ซึ่งทิศทางจะเปลี่ยนทุก 20 ปี โดยตอนนี้เรากำลังอยู่ในยุคที่ 8 (พ.ศ.2547-2567)
ท่านผู้อ่านบางคนอาจสงสัยว่าหากถึงปี 2567 แล้วเราต้องรื้อบ้านทิ้งแล้วสร้างใหม่เพื่อให้ถูกทิศทางหรือเปล่า ? … คำตอบคือไม่ต้อง (โห ! ถ้าทำขนาดนั้น สงสัยเจ้าของบ้านต้องจนก่อนแน่เลย) เพราะหัวใจสำคัญในการกำหนดทิศทางคือประธาน ซึ่งก็คือ ตี่จู้เอี๊ยะ พระภูมิเจ้าที่ ภาพหรือรูปปั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเมื่อถึงปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนจากยุค 8 เป็นยุค 9 ก็แค่เปลี่ยนตำแหน่งประธาน เพื่อกำหนดทิศทางให้ดีเท่านั้นเอง ไม่จำเป็นต้องทุบรื้อให้เสียเงิน
ตัวอย่างสถานที่สำคัญที่อยู่บริเวณทางสามแพร่ง ซึ่งทุกท่านต้องรู้จักเป็นอย่างดีแน่นอน คือศาลเจ้าพ่อเสือใกล้ๆกับเสาชิงช้า กรุงเทพมหานคร หากใครที่เคยมากราบไหว้เจ้าพ่อเสือก็จะรู้ว่าท่านศักดิ์สิทธิ์มากเพียงใด หากเราพิจารณาในด้านฮวงจุ้ยจะพบว่า ที่ตั้งของศาลเจ้าพ่อเสืออยู่ในบริเวณทางสามแพร่ง ซึ่งทางที่พุ่งเข้ามาเป็นทางยาวตรงแล้วพุ่งเข้ามาหาบริเวณที่ตั้งศาล การที่ทางที่พุ่งเข้ามามีลักษณะตรงและยาวทำให้มีพลังมากกว่าปกติ เมื่อมีพลังพุ่งเข้ามาสะสมบริเวณศาลมาก จึงทำให้ศาลเจ้าพ่อเสือมีความศักดิ์สิทธิ์มากเป็นพิเศษ หากใครอยากจะสมหวังในเรื่องที่ปราถนาก็ลองไปขอพรได้นะคะ
ด้วยความพิเศษของทางสามแพร่งนี้เอง จึงทำให้มีสถานที่สำคัญๆมักนิยมไปตั้งอยู่ในบริเวณทางสามแพร่ง เพราะสถานที่นั้นๆจะได้รับพลังพิเศษและก่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง อย่างเช่น พระที่นั่งอนันตสมาคม มีถนนยาวตรงพุ่งมาทางด้านทิศใต้ ทำให้พระที่นั่งแห่งนี้ได้รับพลังอันมหาศาลซึ่งจะก่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง การจัดวางตำแหน่งสถานที่สำคัญให้อยู่บริเวณทางสามแพร่งไม่ใช่มีเพียงในประเทศไทยเท่านั้น แต่รวมถึงต่างประเทศอีกด้วย !! เช่น พระราชวังแห่งราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงในปักกิ่งและเสิ่นหยาง ประเทศจีน อาคารเพนตากอน กระทรวงกลาโหม ประเทศสหรัฐอเมริกา จะเห็นได้ว่าสถานที่สำคัญของต่างประเทศก็ตั้งอยู่บริเวณทางสามแพร่งเช่นกัน
ตัวอย่างที่กล่าวไปอาจทำให้คุณผู้อ่านยังนึกภาพไม่ค่อยออก แต่ยังมีอีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในเรื่องของทางสามแพร่ง คือ เซเว่น เชื่อว่าคุณผู้อ่านต้องเคยเข้าเซเว่นกันใช่ไหมคะ ? แล้วเคยสังเกตไหมว่าเซเว่นมักจะชอบตั้งอยู่บริเวณทางสามแพร่งซึ่งทำให้ร้านขายดีมากๆ
หากเรามองในมุมที่นอกเหนือชจากเรื่องของพลังอันมหาศาลของทางสามแพร่งแล้ว จะพบว่าชัยภูมิของสามแพร่งเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้ผู้คนเห็นมาก จึงทำให้เซเว่นมีลูกค้ามาก เซเว่นจึงชอบมาตั้งบริเวณทางสามแพร่ง ดังนั้นหากร้านค้าบริษัทมาเปิดบริเวณทางสามแพร่งจะดีมาก (แต่ต้องมีทิศทางที่ดีด้วยนะ) แต่หากเป็นบ้านพักอาศัยอาจจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ เพราะจะมีคนพลุกพล่านไม่เหมาะกับการพักผ่อน อาจทำให้คนที่พักอาศัยบริเวณนั้นเปลี่ยนสปีชีส์จากคนกลายเป็นหมีแพนด้าขอบตาคล้ำๆเพราะไม่ได้นอนก็ได้
ตอนนี้คุณผู้อ่านคงพอจะเก็ทไอเดียเรื่องทางสามแพร่งกันบ้างแล้วใช่ไหมคะ เชื่อว่าหลายคนพออ่านบทความนี้เสร็จ ต้องอยากย้ายร้านค้าบริษัทของตัวเองไปอยู่ทางสามแพร่งแน่ๆเลย และหลายคนคงอยากทราบเคล็ดลับการจัดฮวงจุ้ยให้ถูกต้องเพื่อรับพลังทางสามแพร่งอย่างเต็มที่ ในครั้งหน้าคุณผู้อ่านจะได้พบกับเคล็ดลับฮวงจุ้ยแบบจัดเต็มไม่มีกั๊ก อย่าลืมติดตามกันนะคะ
พ.พาทินี
ความเห็น 6
ปรียาวดี นากเสวี
คนไหนที่ยังไม่เคยไปไหว้ศาลเจ้าพ่อที่เสาชิงช้า ไปไหว้ค่ะ แล้วจะรู้ว่าศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน
20 ต.ค. 2560 เวลา 04.47 น.
ได้ความรู้ดีมาก
11 ต.ค. 2560 เวลา 23.07 น.
😊🤗wipada🥰😍
เก็ท
10 ต.ค. 2560 เวลา 11.29 น.
khachi
งงสรุปคืออะไร
08 ต.ค. 2560 เวลา 03.14 น.
Atthaphinya
งง
07 ต.ค. 2560 เวลา 10.25 น.
ดูทั้งหมด