โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

[จบแล้ว]โคตรน้ำยาปรับสภาพยีน (อ่านฟรีวันละตอน 12.00)

นิยาย Dek-D

อัพเดต 20 ต.ค. เวลา 04.54 น. • เผยแพร่ 27 มี.ค. 2566 เวลา 09.05 น. • Xianaan
เซี่ยเฟยได้รับน้ำยาปรับสภาพยีนที่ไม่ได้ติดฉลากมาโดยบังเอิญและเรื่องราวอันน่าสนใจของเขาก็ได้เริ่มขึ้นนับจากจุดนี้เป็นต้นไป…

ข้อมูลเบื้องต้น

超级基因优化液

ผู้แต่ง: 秒速九光年

จำนวนตอน: 1,390 ตอน

เจ้าของลิขสิทธิ์ต้นฉบับ: Ink Stone Entertainment Co., Ltd.

ลิขสิทธิ์ฉบับภาษาไทย: สำนักพิมพ์เซียนอ่าน

ผู้แปล: ขออีกตอน

---------------------------------------------------------------------

เรื่องย่อ

'เซี่ยเฟย' ถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไปขัง

เนื่องจากคิดว่าเขาเป็น 'เงาอันธการ' นักฆ่าผู้สังหารจัสทิส

หนึ่งในองค์กรณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจักรวาล

หลังจากพิจารณาคดีเซี่ยเฟยก็ถูกปล่อยตัวพร้อมกับได้ของชดเชยเป็นน้ำยาปรับสภาพยีนสีแปลก ๆ ที่ไม่มีฉลาก

สุดท้ายน้ำยานี้ทำให้เขาเกือบตาย แต่มันก็ทำให้เขาได้รับพลังกลับมา!!

---------------------------------------------------------------------

**Trigger Warning**

- การใช้ถ้อยคำหยาบคาย

- การพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเพศ

- มีฉากฆาตกรรม

---------------------------------------------------------------------

ปลดล็อกให้อ่านฟรีวันละ 1 ตอน เวลา 12.00 น.

อัปเดตตอนเพิ่มทุกวัน วันละ 3 ตอน เวลา 12.00 น. เหมือนกัน

ติดตามข่าวสารหรือพูดคุยกับเราได้ที่เพจ Facebook: สำนักพิมพ์เซียนอ่าน - Xianaan

https://www.facebook.com/xianaan.th/

ค่าชดเชย

ตอนที่ 1: ค่าชดเชย

ตั้งแต่สมัยโบราณมันได้มีผู้คนที่ถูกจำคุกอยู่เป็นจำนวนมากแต่มันก็สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าเซี่ยเฟยน่าจะเป็นมนุษย์โลกคนแรกที่ถูกจับไปขังภายในคุกของมนุษย์ต่างดาว

แน่นอนว่าทุกคนที่ถูกจับขังคุกต่างก็หวังอยากจะให้ประตูของห้องขังได้เปิดออก แต่สำหรับเซี่ยเฟยที่อยู่ภายในห้องอย่างสะดวกสบายแล้ว เขาก็ไม่ต้องการที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้เลยจริงๆ

ปัจจุบันเป็นเวลา 6 โมงเช้าและเซี่ยเฟยก็กำลังนอนขดตัวอยู่บนเตียงเดี่ยวแคบ ๆ พร้อมซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มสีเขียวขี้ม้าขณะที่ยังคงนอนหลับสนิท

ปี๊บ! ปี๊บ! ปี๊บ! ปี๊บ!

แต่ในทันใดนั้นมันก็มีเสียงนาฬิกาปลุกราคาถูกอันน่าสยดสยองแทรกผ่านหูเข้ามา มันจึงทำให้เขาต้องฝืนตื่นขึ้นมาจากการหลับไหล

เมื่อเซี่ยเฟยตื่นแล้วเขาก็กดปุ่มปิดเสียงบนนาฬิกาก่อนที่จะค่อย ๆ ลุกขึ้นมาด้วยความสะลึมสะลือ จากนั้นเขาก็นับ 1-3 ภายในใจก่อนที่จะลืมตาของตนเองขึ้นมา

ไม่กี่วินาทีต่อมาเซี่ยเฟยก็ได้พบว่าเขายังคงอยู่ในห้องขังจริง ๆ เขาจึงเผยรอยยิ้มด้วยความพอใจ

ห้องขังแห่งนี้สบายกว่าห้องของเขาเสียอีก เพราะท้ายที่สุดถึงแม้ว่าห้องขังแห่งนี้จะมีพื้นที่อยู่น้อยกว่า 10 ตารางเมตร แต่มันก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ทุกประเภท นอกจากนี้สภาพอุณหภูมิภายในห้องขังยังอบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อและมันยังมีห้องอาบน้ำแยกออกไปต่างหากอีกด้วย

หลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้วเซี่ยเฟยก็อาบน้ำอุ่นภายในห้องอาบน้ำก่อนที่เขาจะดึงเสื้อผ้าของเขาออกมาจากเครื่องซักผ้าอัจฉริยะ

เซี่ยเฟยไม่สามารถที่จะบรรยายถึงความหลงใหลและความรักที่เขามีต่อเครื่องซักผ้าอัจฉริยะเครื่องนี้ได้ เพราะมันสามารถที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าอันสกปรกให้กลายเป็นเสื้อผ้าอันสะอาดเอี่ยมอ่องได้ในเวลาไม่ถึง 5 นาทีและเสื้อผ้าเหล่านี้ยังเรียบเนียนราวกับถูกรีดมาอย่างพิถีพิถันอีกด้วย

เครื่องซักผ้าเครื่องนี้ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือสวรรค์สำหรับหนุ่มโสดอย่างแท้จริง เพราะพวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาเสื้อผ้าที่มีกลิ่นอับและความยุ่งยากในการซักผ้าอีกต่อไป

หลังจากเซี่ยเฟยได้รับประทานอาหารเช้าที่มีรสชาติเหมือนกับยาสีฟัน เขาก็นั่งลงไปบนเตียงพร้อมกับจ้องมองไปยังอวกาศอันว่างเปล่า

ถ้าหากว่าเขายังคงอยู่บนโลกในตอนนี้เขาก็คงจะขี่จักรยานไปยังบริษัทเพื่อทำการรับพัสดุก่อนที่จะนำไปส่งให้กับลูกค้าตามสถานที่ต่าง ๆ

คนปั่นจักรยานส่งของค่อนข้างที่จะเป็นงานที่ได้รับความนิยมเพราะในช่วงเวลานี้มันไม่มีเมืองใดที่ไม่มีรถติด ดังนั้นรถจักรยานจึงได้กลายเป็นยานพาหนะสำหรับการส่งพัสดุที่เร็วที่สุด

เซี่ยเฟยจะได้รับรายได้จากการจัดส่งพัสดุแต่ละครั้งอยู่ที่ 5 แอลไลคอยน์และรายได้ที่เขาได้ประจำต่อเดือนที่ 6,000 แอลไลคอยน์นั้นก็ถือได้ว่าเป็นรายได้ที่ค่อนข้างดี เพราะมันเป็นเงินจำนวนมากเกินพอที่จะทำให้เขาเข้าไปดูหนังพร้อมกับดื่มโค้กและกินป๊อบคอร์นภายในเมืองขนาดใหญ่อย่างเมืองปักกิ่งได้ทุกสัปดาห์

หลังจากถอนหายใจออกมาเบา ๆ เซี่ยเฟยก็ตัดสินใจวิดพื้นเพื่อฆ่าเวลาโดยการวางขาเอาไว้บนเตียงและวางฝ่ามือเอาไว้บนพื้น

“1, 2, 3, 4…”

ในทุก ๆ ครั้งที่เขาได้ออกกำลังกายมันก็จะมีเม็ดเหงื่อที่ค่อย ๆ ไหลออกมาจากศีรษะและทุก ๆ ครั้งที่เขาได้วิดพื้นลงมามันก็จะเพิ่มความยากลำบากมากยิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่เซี่ยเฟยก็ไม่ได้มีความคิดที่จะยอมแพ้แม้แต่นิดเดียว

หลังจากที่เขาได้วิดพื้นจนเสร็จแล้วเขาก็หยุดพักเล็กน้อยก่อนที่จะทำการวิดพื้นอีกเซ็ต

เมื่อความเหนื่อยล้าได้เข้ามาปกคลุมทั่วทั้งร่างกาย เซี่ยเฟยก็นอนลงบนเตียงและนำผ้าห่มมาคลุมศีรษะ หลังจากนั้นเขาก็ทำกิจวัตรประจำวันเหล่านี้ซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ตื่นนอน, อาบน้ำ, กินข้าว, วิดพื้นและเข้านอน

นี่เป็นกิจวัตรประจำวันที่เซี่ยเฟยได้ทำซ้ำ ๆ มาเป็นเวลานานกว่าครึ่งเดือนแล้วและแน่นอนว่าในช่วงหนึ่งสัปดาห์เขาก็ต้องออกไปรับการสอบปากคำจากเจ้าอ้วนคอนเนอร์ด้วยเช่นกัน

หลังจากที่ไม่รู้ว่ากาลเวลาได้ผ่านพ้นไปนานเท่าไหร่ มันก็ได้มีเสียงฝีเท้าหลายก้าวเดินเข้ามาใกล้ห้องขังของเขา

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้ เซี่ยเฟยที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มก็ลืมตาขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง เพราะโดยปกติฝีเท้าของเจ้าอ้วนคอนเนอร์จะทั้งหนักแน่นและเชื่องช้า แต่เสียงฝีเท้าอีกชุดหนึ่งกลับเป็นเสียงฝีเท้าที่เขาไม่คุ้นเคยและเมื่อพิจารณาจากเสียงแหลมที่กระทบกับพื้นแล้วมันก็น่าจะเป็นฝีเท้าของผู้ที่ใส่รองเท้าส้นสูง

“ผู้หญิง? ทำไมมันถึงมีผู้หญิงเข้ามาในคุก? ช่างมันเถอะฉันคงจะคิดมากเกินไปเอง” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเองพร้อมกับล้มเลิกความคิดนี้ไปอย่างรวดเร็ว

ตึง ๆ ๆ!!

เอี๊ยด!!

ทันใดนั้นมันก็ได้มีเสียงของประตูโลหะได้เปิดออกพร้อมกับคนสองคนที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาภายในห้องทีละคน

เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่เซี่ยเฟยคุ้นเคยดีอยู่แล้วเพราะเขาจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปยังห้องสอบสวนก่อนที่จะต้องถูกถามด้วยคำถามหลายคำถามที่เขาไม่เคยเข้าใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว

“เฮ้!! จะถามผมอีกซักกี่ครั้งมันก็ไม่สำคัญหรอก ผมขอยืนยันเหมือนเดิมว่าผมชื่อเซี่ยเฟยอายุ 17 ปีเป็นชาวโลกที่มีเลขบัตรประชาชน ESS370402… ผมไม่มีเงิน, ไม่มีรถ, ไม่มีมีบ้าน, ไม่มีแฟนเฟินอะไรทั้งนั้นและผมก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณเรียกว่า ‘เงาอันธการ’ ด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยความหงุดหงิด

หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ลุกขึ้นจากเตียงเขาก็ค่อย ๆ ขยี้ดวงตาของเขาพร้อมกับกล่าวออกมาว่า

“ก็ได้ ๆ ผมจะตามคุณไปก็ได้ แต่คุณเข้าใจไหมว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่คือการละเมิดสิทธิมนุษยชนและถึงแม้ว่าดาวโลกจะเป็นดาวเคราะห์ที่ยังไม่ค่อยพัฒนา แต่ท้ายที่สุดพวกเราก็ยังคงเป็นมนุษย์”

อย่างไรก็ตามทันทีที่เซี่ยเฟยได้ลืมตาขึ้นมาเขาก็ต้องหยุดการเคลื่อนไหวไปอย่างกระทันหัน นั่นก็เพราะว่ามันได้มีผู้หญิงอันไม่คุ้นตามาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเขา

เธอคนนี้เป็นหญิงสาวที่มีส่วนสูงประมาณ 175 เซนติเมตร เธอมีรูปร่างค่อนข้างดีและเธอก็เป็นหญิงสาวที่มีผมสีแดง นอกจากนี้เมื่อพิจารณาจากรูปร่างลักษณะของเธอแล้วเธอก็น่าจะมีอายุอยู่ที่ประมาณ 27-28 ปีเท่านั้นและเธอยังเป็นสาวงามตามธรรมชาติที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้เครื่องสำอางในการตกแต่งใด ๆ อีกด้วย

หญิงสาวคนนี้ได้สวมใส่ชุดสูทสีเขียวที่มีตราสัญลักษณ์ดาวสีเงินติดอยู่ตรงบริเวณหน้าอกและตราสัญลักษณ์นั้นก็มีดาวระยิบระยับประดับอยู่ทั้งสิ้นสามดวง

ในเวลาเดียวกันหญิงสาวผมแดงก็จ้องมองมายังเซี่ยเฟยด้วยดวงตาอันเปล่งประกายจนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัว ทันใดนั้นเธอก็หัวเราะออกมาซึ่งเซี่ยเฟยก็สังเกตเห็นลักยิ้มอันซุกซนตรงบริเวณแก้มซ้ายของเธอได้อย่างชัดเจน

“นี่น่ะหรอ ‘เงาอันธการ’ ที่คุณจับได้?”

‘เงาอันธการ’ เป็นนักฆ่าลึกลับที่โชคร้ายที่สุดในจักรวาลแห่งนี้ เพราะมันมีข่าวลือว่าเขาได้ลงมือไปเพียงแค่ครั้งเดียวแต่เขากลับได้กลายเป็นอาชญากรที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในจักรวาล

“เอ่อ… ผมคิดว่า…” เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาวคอนเนอร์ก็เริ่มพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก

“ฉันไม่รู้นะว่าพวกคุณคิดยังไงและฉันก็ไม่อยากจะรู้ด้วย พวกคุณเป็นถึงหน่วยสืบลับแต่พวกคุณกลับปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างไร้ประสิทธิภาพ จู่ ๆ คุณก็จับมนุษย์ดึกดำบรรพ์ที่ยังไม่ได้ปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 มาแล้วรายงานพวกเราว่าเขาคือเงาอันธการเนี่ยนะ?! คุณช่วยปฏิบัติงานแบบมืออาชีพหน่อยจะได้ไหม อย่างน้อยถ้าคุณต้องการจะจับ ‘แพะ’ คุณก็สมควรหา ‘แพะ’ ที่ดูน่าเชื่อมากกว่านี้!” หญิงสาวผมแดงกล่าวออกมาอย่างฉุนเฉียว

คำพูดเหล่านี้ได้ทำให้บนหน้าผากของคอร์เนอร์เริ่มเต็มไปด้วยหยดน้ำใส ๆ ดังนั้นเขาจึงได้หยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาทำการซับเหงื่อพร้อมกับพูดว่า

“ตอนที่พวกเรากำลังเข้าไปลาดตระเวนในดาวโลกพวกเราก็สังเกตเห็นว่าเขาได้สวมใส่สร้อยที่ทำขึ้นมาจากหินมัวร์ ซึ่งมันเป็นสร้อยหินชนิดเดียวกันกับที่เงาอันธการมักสวมใส่อยู่เป็นประจำครับ”

หลังจากกล่าวจบคอนเนอร์ก็ได้หยิบสร้อยสีแดงออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับยื่นให้กับสาวงามผมแดง โดยสร้อยนี้มีรูปร่างเหมือนกับหยดเลือดสดและบนสร้อยก็มีป้ายสีเหลืองที่มีคำว่า ‘หลักฐาน’ ติดอยู่

เมื่อหญิงสาวผมแดงได้เหลือบตามองสร้อยสีแดง มือของเธอก็เริ่มสั่นขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวโกรธ หลังจากนั้นเธอก็ขว้างสร้อยนี้ไปที่เซี่ยเฟย

‘เฮ้พี่สาว! ฉันถูกขโมยสร้อยไปแถมยังโดนจับมาขังคุกกว่าครึ่งเดือน แล้วพี่สาวยังจะมาขว้างสร้อยใส่ฉันอยู่อีกหรอ!’ ชายหนุ่มชาวโลกบ่นในใจ

อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปก่อนที่เขาจะทำการฉีกป้ายหลักฐานบนสร้อยออกและทำการสวมใส่มันเข้าไปที่คอของเขาอีกครั้ง

“สร้อยแบบนี้มันมีวางขายตามตลาดนัดดวงดาวทุกที่นั่นแหละและถ้าหากว่าคุณมีเงินมากพอคุณก็สามารถที่จะซื้อสร้อยพวกนี้ได้เป็นร้อย ๆ เส้น แต่คุณกลับบอกว่ามนุษย์ดึกดำบรรพ์ที่สวมใส่สร้อยเส้นนี้เป็นเงาอันธการเนี่ยนะ! ยิ่งไปกว่านั้นถึงมันจะมีข่าวลือว่าเงาอันธการได้สวมใส่สร้อยหินมัวร์ที่มีรูปร่างเหมือนหยดเลือด แต่มันก็ไม่มีใครรู้ว่าสร้อยเส้นนั้นหน้าตาเป็นยังไง” สาวผมแดงกล่าวออกมาด้วยความรังเกียจ

“แต่เขาเป็นแค่มนุษย์ดึกดำบรรพ์นะครับ? ทำไมเขาถึงมีสร้อยหินมัวร์ได้ล่ะ มันไม่น่าสงสัยไปหน่อยหรอ” คอนเนอร์พยายามหาเหตุผลให้กับตัวเอง

“แล้วทำไมมนุษย์ดึกดำบรรพ์จะมีสร้อยหินมัวร์ไม่ได้ คุณเคยไปสำรวจดาวเคราะห์ของพวกเขาอย่างจริงจังหรือเปล่า แล้วมันจะใช่เรื่องแปลกไหมถ้าหากว่าบนดาวเคราะห์ของพวกเขามันมีหินชนิดนี้อยู่” สาวผมแดงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา

เมื่อได้ยินเช่นนั้นคอนเนอร์ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแต่ใช้ผ้าเช็ดหน้าคอยซับเหงื่อบนหน้าผาก โดยในตอนนี้เขากำลังรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมากและรู้สึกราวกับว่าสาวผมแดงคนนี้พร้อมจะฆ่าเขาได้ทุกเมื่อ

“ขอโทษด้วยนะพี่สาวคนสวย ผมไม่ได้ตั้งใจจะขัดจังหวะพวกคุณหรอกนะแต่ชื่อของผมคือเซี่ยเฟยและผมก็เป็นชาวโลกไม่ใช่มนุษย์ดึกดำบรรพ์” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย

“พี่สาวคนสวย? ช่างเป็นคำพูดที่ไม่เลวเลยจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่ในสายตาของฉันคุณก็ยังคงเป็นมนุษย์ดึกดำบรรพ์อยู่ดี แล้วมันก็คงเป็นเรื่องจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” สาวผมแดงหันกลับไปมองเซี่ยเฟยด้วยความประหลาดใจ

สายตาของสาวผมแดงในขณะนี้มันคล้ายกับมนุษย์ที่กำลังจ้องมองไปยังลิงชิมแพนซีแล้วมันก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก

“พี่สาวผมเป็นมนุษย์จริง ๆ ไม่ใช่มนุษย์ดึกดำบรรพ์และผมก็ไม่ได้ใช้หินในการล่าสัตว์ด้วย” เซี่ยเฟยพยายามเผยรอยยิ้มที่เปล่งประกายราวกับดวงอาทิตย์

“อะไรกัน! นี่คุณคิดว่าการคุณไม่ได้ใช้หินในการล่าสัตว์ทำให้คุณไม่ใช่มนุษย์ดึกดำบรรพ์อย่างนั้นหรอ?” สาวผมแดงกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ หลังจากนั้นเธอก็หยิบเครื่องมือขนาดเล็กประมาณกล่องบุหรี่ออกมาก่อนที่เธอจะจิ้มลงไปบนเครื่องมือนี้เบา ๆ

ติ๊ด ๆ ๆ ๆ!!

ทันใดนั้นมันก็มีหน้าจอโฮโลแกรมฉายขึ้นมาบนอากาศและสาวผมแดงคนนี้ก็ทำการค้นหาข้อมูลคำว่า ‘โลก’ อย่างรวดเร็ว

“โลกถูกค้นพบโดยนักสำรวจอวกาศมาดอฟเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน โดยดาวเคราะห์ดวงนี้มีระดับอารยธรรมอยู่ระหว่างดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์กับดาวเคราะห์อารยธรรมระดับ 1 ซึ่งบนดาวโลกได้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 224 ประเทศและมีชาวโลกอาศัยอยู่ประมาณ 7,000 ล้านคน”

“โอกาสที่มนุษย์โลกจะปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 มีเพียง 1 ใน 100 ล้านคนเท่านั้นและพันธมิตรมนุษย์ระหว่างดวงดาวก็ได้กำหนดให้ดาวเคราะห์แห่งนี้มีระดับอารยธรรมอยู่ที่ 0.5” สาวผมแดงอ่านข้อมูลของดาวโลกที่แสดงอยู่บนหน้าจอโดยไม่ได้พยายามปกปิดน้ำเสียงอันเยาะเย้ยของเธอเลย

“มันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจจริง ๆ ที่ดาวโลกเป็นเพียงแค่ดาวเคราะห์ที่มีระดับอารยธรรมอยู่ที่ 0.5 เท่านั้นและเมื่อนำมันมาเทียบกับดาวเคราะห์เป็นจำนวนมากที่อยู่ภายในอวกาศ คุณก็เป็นเพียงแค่มนุษย์ดึกดำบรรพ์ที่เพิ่งเรียนรู้วิธีการมองดูดวงดาวบนท้องฟ้า”

คำพูดของหญิงสาวได้ทำให้คอนเนอร์ส่งเสียงหัวเราะออกมาแล้วมันก็ทำให้พุงขนาดใหญ่ของเขากระเพื่อมขึ้นลงไปตามเสียงหัวเราะอีกด้วย

“นี่คุณยังกล้าที่จะหัวเราะออกมาอยู่อีกหรอ!! หน่วยสืบลับดาวบลูซีของคุณแย่กว่ามนุษย์ดึกดำบรรพ์พวกนี้เสียอีก!” สาวผมแดงกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปยังคอนเนอร์ด้วยสายตาอันเย็นชา

เมื่อได้ยินเช่นนั้นคอนเนอร์ก็ระงับเสียงหัวเราะของตัวเองอย่างฉับพลันพร้อมกับเกาศีรษะของเขาด้วยความขุ่นเคือง แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดจาตอบโต้อะไรกลับไป

แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้ทำให้เซี่ยเฟยถึงกับพูดไม่ออกและนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอกับปัญหาในการพิสูจน์ว่าตัวเองคือมนุษย์

“เอาล่ะพี่สาวฟังผมนะ เรื่องแรกรัฐบาลของสหพันธ์โลกได้จัดตั้งอาคารสมาพันธ์ตามคำร้องขอของพันธมิตรมนุษย์ระหว่างดวงดาวแล้ว ส่วนเรื่องที่สองโอกาสในการปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของมนุษย์โลกก็ไม่ใช่ 1 ใน 100 ล้านคนแต่เป็น 1 ใน 1 ล้านคนต่างหาก ส่วนเรื่องที่สาม…”

เซี่ยเฟยจ้องมองไปยังความว่างเปล่าชั่วครู่ก่อนที่เขาจะถอนหายใจแล้วกล่าวออกมาว่า

“ช่างมันเถอะ! ทำไมผมจะต้องมาอธิบายให้พี่สาวฟังด้วย ท้ายที่สุดถึงแม้ว่าดาวโลกจะไม่ใช่ดาวเคราะห์ที่มีอารยธรรมสูงแล้วเรื่องนี้มันจะเกี่ยวอะไรกับผม”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นสาวผมแดงก็ส่งเสียงหัวเราะและกล่าวออกมาว่า

“คุณจะบอกว่ามันไม่เกี่ยวกับคุณได้ยังไง ท้ายที่สุดดาวโลกก็เป็นดาวบ้านเกิดของคุณ ถึงแม้ว่ามันจะค่อนข้างเป็นดาวดึกดำบรรพ์ก็ตาม”

“ดาวโลกเป็นดาวอารยธรรมชั้นต่ำแล้วยังไงล่ะ ท้ายที่สุดเรื่องนี้มันก็ไม่เกี่ยวกับผมและผมก็ยังต้องออกไปทำงานทุกวันพร้อมกับต้องจ่ายภาษีให้กับพวกรัฐบาลอยู่ดี” เซี่ยเฟยยืนขึ้นพร้อมกับกล่าวออกมา หลังจากนั้นเขาก็ได้จ้องมองไปยังตราสัญลักษณ์ตรงบริเวณหน้าอกของสาวงามอย่างใกล้ชิดก่อนที่จะอุทานออกมาว่า

“เอ๊ะ! นั่นมันเครื่องหมายของจัสทิสใช่ไหม คุณคือจัสทิสสินะ! ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าอ้วนคอนเนอร์ถึงรู้สึกกลัวคุณมากขนาดนั้น”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นคอนเนอร์ก็ได้จ้องมองไปยังเซี่ยเฟยแต่เขาก็ไม่ได้พูดจาคัดค้านออกมาแต่อย่างใด เพราะท้ายที่สุดสิ่งที่เซี่ยเฟยพูดออกมาก็เป็นเรื่องจริง

เขาเป็นเพียงแค่หัวหน้าหน่วยสืบลับของดาวเคราะห์อารยธรรมระดับ 1 เท่านั้น มันจึงทำให้เขาเป็นเพียงแค่มดแมลงตัวน้อย ๆ ต่อหน้าจัสทิส ยิ่งไปกว่านั้นหญิงสาวคนนี้ยังเป็นถึงจัสทิสระดับ 3 ดาวเงินอีกด้วย

“อะไรกันมนุษย์ดึกดำบรรพ์อย่างคุณรู้จักจัสทิสด้วยงั้นหรอ” สาวสวยผมแดงกล่าวขึ้นมาด้วยความแปลกใจ

“เมื่อปีที่แล้วมันมีสมาพันธ์จัสทิสจัดตั้งขึ้นบนโลกมนุษย์และผมก็ได้ยินมาว่าจัสทิสเป็นหนึ่งในอาชีพที่มีเกียรติมากที่สุดในจักรวาล ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่ามันเป็นอาชีพที่มีเกียรติมากแค่ไหนแต่ผมก็รู้ว่าจัสทิสทุกคนต่างก็รวยมาก!”

“สมกับเป็นมนุษย์ดึกดำบรรพ์จากดาวเคราะห์ที่ไร้อารยธรรมจริง ๆ จัสทิสเป็นอาชีพอันยิ่งใหญ่แล้วคุณเอาพวกเขามาวัดค่าจากเงินได้ยังไง” คอนเนอร์กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ หลังจากนั้นเขาก็ได้คิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะได้ประจบประแจงเอาใจหญิงสาวคนนี้

“จัสทิสกับเฮอร์มิทเป็นสองอาชีพที่สุดยอดที่สุดภายในจักรวาล พวกเขาสามารถที่จะเข้าสู่พื้นที่ลับของดาวเคราะห์ส่วนใหญ่ได้อย่างอิสระ นอกจากนี้พวกเขายังสามารถกู้เงินปลอดดอกเบี้ยจำนวน 1 ล้านสตาร์คอยน์ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้หลักประกันใด ๆ อีกด้วย”

“ขณะเดียวกันเมื่อมันมีบุคคลใดได้รับการประกาศให้เป็นอาชญากรจากสมาพันธ์จัสทิส เหล่าบรรดาจัสทิสก็จะมีสิทธิ์ทำการพิพากษาอาชญากรเหล่านี้ได้โดยไม่ถูกจำกัดโดยกฎหมายใด ๆ และคำตัดสินของพวกเขาก็ถือได้ว่ามีอำนาจสูงสุด ดังนั้นถึงแม้ว่าจัสทิสจะตัดสินผิดไปประหารชีวิตประธานาธิบดีบนดาวโกโรโกโสของคุณแต่พวกจัสทิสก็จะไม่ถูกดำเนินคดีใด ๆ”

“ในขณะเดียวกันเจตนาใด ๆ ที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อจัสทิสจะถือว่าเป็นการประกาศสงครามกับสมาพันธ์จัสทิสทั้งหมดและผู้กระทำความผิดจะถูกจดชื่อเอาไว้ภายในบัญชีดำและจะถูกไล่ล่าไปตลอดชีวิต” คอนเนอร์กล่าวอธิบาย

“เข้าใจแล้ว! พวกจัสทิสคือพวกคนรวยที่อยู่เหนือกฎหมายสินะ! ช่วยบอกผมทีว่าผมจะเป็นจัสทิสได้ยังไง”

สิทธิพิเศษอันน่าสะพรึงกลัวของจัสทิสทำให้ดวงตาของเซี่ยเฟยเปล่งประกายออกมาด้วยความตื่นเต้น

“ฮ่า ๆ ๆ คุณเป็นเพียงแค่มนุษย์ดึกดำบรรพ์ที่ยังไม่ได้ปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ด้วยซ้ำ แต่คุณกลับบอกว่าต้องการจะเป็นจัสทิสอย่างนั้นหรอ? เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ตลกที่สุดในชีวิตเท่าที่ฉันเคยได้ยินมาเลย”

“เอาล่ะ ฉันยังมีธุระที่ต้องกลับไปจัดการ เอาไว้เจอกันใหม่แล้วกันนะหนุ่มน้อย” หญิงสาวกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเย่อหยิ่ง

หลังจากกล่าวจบสาวผมแดงก็หันหลังและเตรียมตัวจะจากไปซึ่งเจ้าอ้วนคอนเนอร์ก็รีบวิ่งไปเปิดประตูให้กับเธออย่างสุภาพ

อย่างไรก็ตามเมื่อสาวผมแดงได้เดินไปจนถึงบริเวณประตูเธอก็หยุดอยู่ที่เดิมอย่างฉับพลันก่อนที่เธอจะหันกลับมาที่เซี่ยเฟยและกล่าวออกมาว่า

“ไม่สิ..ฉันลืมไปว่าคุณเป็นเพียงแค่มนุษย์ดึกดำบรรพ์ ดังนั้นพวกเราไม่จำเป็นที่จะต้องพบกันอีก”

ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็ไม่ได้สนใจคำพูดอันเย่อหยิ่งของสาวงามคนนี้เลย แต่สมองของเขากลับกำลังประมวลความคิดอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยวก่อน! พวกคุณจะเอายังไงกับผมต่อกันแน่” เซี่ยเฟยกล่าวถามออกไปอย่างใจเย็น

“มันก็เป็นเรื่องปกตินี่ที่พวกเราจะต้องทำการส่งตัวคุณกลับไป คุณคิดว่าพวกเราจะเลี้ยงดูคุณไปตลอดชีวิตหรือยังไง” คอนเนอร์กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันไม่พอใจ

“ผมถูกพวกคุณจับมาขังที่นี่ทั้ง ๆ ที่ผมเป็นคนบริสุทธิ์และผมก็ต้องเสียเวลาไป 15 วันกับอีก 8 ชั่วโมงในการถูกขังอยู่ที่นี่ ดังนั้นพวกคุณจะต้องจ่ายค่าชดเชยมาให้กับผมด้วย” เซี่ยเฟยยื่นมือออกไปพร้อมกับเผยรอยยิ้มอันชั่วร้าย

“ค่าชดเชย?”

“นี่คุณ!”

“คุณอย่าลืมว่าพวกเราได้ทำการฝังไมโครชิพแปลภาษาไว้ในตัวคุณแล้ว ไม่อย่างนั้นคุณก็ไม่มีทางเข้าใจภาษาของพวกเราด้วยซ้ำ คุณรู้หรือเปล่าว่าราคาของไมโครชิพแปลภาษาแพงแค่ไหนและในฐานะที่คุณเป็นเพียงแค่มนุษย์ในดาวเคราะห์ไร้อารยธรรม ต่อให้คุณทำงานไปชั่วชีวิตแต่คุณก็ไม่มีทางที่จะจ่ายเงินค่าไมโครชิพแปลภาษาได้!” คอนเนอร์กล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าอันซีดเผือด

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซี่ยเฟยก็เหมือนกับนึกอะไรได้บางอย่างและเขาก็ได้เอื้อมมือไปยังหลังคอของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ

ปัจจุบันตรงบริเวณหลังคอของเขามีรอยแผลสีแดงประดับอยู่ซึ่งมันเป็นรอยแผลที่เกิดขึ้นมาจากการถูกฝังไมโครชิพแปลภาษา

“ขอบคุณสำหรับคำเตือน ผมเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้วนะเนี่ย! ถ้าอย่างนั้นพวกคุณก็จะต้องชดเชยการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชนในเรื่องนี้ด้วย ผมไม่ได้ขอให้คุณทำการฝังไมโครชิพภายในตัวของผมด้วยซ้ำ คุณรู้ไหมว่าผมรู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหนในตอนที่ถูกฝังไมโครชิพอันนี้เอาไว้ในร่างกาย”

คำพูดของเซี่ยเฟยทำให้คอนเนอร์รู้สึกไม่พอใจอย่างแท้จริงและถ้าหากว่าเป็นไปได้เขาก็อยากจะบีบคอเซี่ยเฟยให้ตายไปในตอนนี้เลย อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้มีเพียงแค่การหันไปถามหญิงสาวผมแดงว่า

“ไม่ทราบว่าคุณคิดพิจารณาเรื่องนี้ว่ายังไงบ้าง”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นหญิงสาวผมแดงก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มและคำพูดของเซี่ยเฟยก็ทำให้เธอรู้สึกอารมณ์ดีอย่างแท้จริง

“นี่มันเป็นเรื่องของพวกคุณ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน? แต่เนื่องมาจากว่าเรื่องนี้มันเริ่มต้นขึ้นมาจากความผิดพลาดของคุณ ดังนั้นมันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลถ้าหากว่าคุณจะต้องจ่ายค่าชดเชย”

“นั่นสินะ องค์กรตำรวจของพวกเราเป็นองค์กรที่ยุติธรรมอยู่เสมอและการจ่ายค่าชดเชยก็เป็นเรื่องที่พวกเราทำเป็นประจำอยู่แล้ว” คอนเนอร์กล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“พวกเราจะให้ค่าชดเชยสำหรับการถูกจับขังอยู่ที่นี่วันละ 300 สตาร์คอยน์และการที่คุณได้อยู่ที่นี่เป็นเวลา 16 วัน มันก็หมายความว่าพวกเราจะให้เงินชดเชยกับคุณทั้งสิ้น 4,800 สตาร์คอยน์ หวังว่าค่าชดเชยพวกนี้จะทำให้คุณรู้สึกพึงพอใจ” คอนเนอร์กัดฟันพร้อมกับกล่าวกับเซี่ยเฟย

หากได้นำเงินจำนวน 4,800 สตาร์คอยน์ไปแปลงเป็นสกุลเงินของโลกมันก็จะกลายเป็นเงินจำนวนมหาศาล เพราะท้ายที่สุดสตาร์คอยน์ก็เป็นหนึ่งในสกุลเงินสากลของจักรวาลมันจึงมีค่ามากกว่าแอลไลคอยน์ของโลกอย่างไม่สามารถจะนำมาเปรียบเทียบกันได้ แล้วมันก็คงจะไม่มีคนโง่ที่ไหนนำสตาร์คอยน์ไปแลกเปลี่ยนกับเงินบนดาวเคราะห์อารยธรรมระดับ 0.5

“ไม่! ผมคิดว่ามันจะสมเหตุสมผลมากกว่าถ้าหากว่าคุณจะจ่ายค่าชดเชยให้กับผมเป็นน้ำยาปรับสภาพยีน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“อะไรนะ?! ทำไมคุณถึงไม่ขอยานอวกาศไปเลยล่ะ” คำขอของเซี่ยเฟยทำให้สีหน้าของคอนเนอร์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

ในขณะเดียวกันสาวผมแดงก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาแล้วเธอก็อดที่จะชื่นชมความเจ้าเล่ห์ของเซี่ยเฟยขึ้นมาไม่ได้

“นี่ช่างเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ การจ่ายค่าชดเชยเป็นน้ำยาปรับสภาพยีนถือได้ว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้วและถ้าหากว่าคุณโชคดีมากพอคุณก็อาจจะสามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ขึ้นมาก็ได้ ซึ่งมันจะทำให้คุณได้กลายเป็นคนที่มีพลังพิเศษ!!”

“แต่ที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือบนดาวเคราะห์อารยธรรมระดับ 0.5 ไม่สามารถที่จะหาซื้อน้ำยาปรับสภาพยีนได้แม้ว่าจะมีเงินเป็นจำนวนมหาศาลก็ตาม มนุษย์ดึกดำบรรพ์ฉันต้องขอยอมรับว่าคุณค่อนข้างจะเป็นคนที่ฉลาดพอสมควรเลยทีเดียว” สาวผมแดงกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“หัวหน้าคอนเนอร์ไม่ทราบว่าคุณกำลังคิดที่จะทำตามคำขอของเขาอยู่หรือเปล่า”

คำขอของเซี่ยเฟยในครั้งนี้ได้ทำให้คอนเนอร์รู้สึกโกรธจนใบหน้าถึงกับบิดเบี้ยว แต่ในทันใดนั้นเขาก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้

“ไม่มีปัญหาครับ เรื่องแค่นี้ถือได้ว่าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยอยู่แล้ว ท้ายที่สุดมันก็แค่น้ำยาปรับสภาพยีนเพียงขวดเดียว ผมจะนำมันมามอบให้กับเขาในภายหลัง” คอนเนอร์กล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซี่ยเฟยก็แทบที่จะไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง แต่กว่าที่เขาจะคิดอะไรบางอย่างได้ร่างของคอนเนอร์และหญิงสาวผมแดงก็ได้หายออกไปจากห้องขังแห่งนี้แล้ว

“โถ่เว้ย! ดูเหมือนว่าน้ำยาปรับสภาพยีนจะเป็นของถูกของที่นี่สินะ รู้งี้ฉันน่าจะขอน้ำยาเพิ่มไปอีกสองขวด!” เซี่ยเฟยกล่าวกับตัวเองด้วยความไม่พอใจ

-----

ในขณะเดียวกันคอนเนอร์ก็ส่งสาวผมแดงออกจากกองบัญชาการหน่วยสืบลับด้วยความเคารพ

“คุณจะให้น้ำยาปรับสภาพยีนกับเขาจริง ๆ หรอ? คุณก็น่าจะรู้ว่าแม้แต่น้ำยาปรับสภาพยีนที่ถูกที่สุดก็มีราคาอยู่ไม่น้อยกว่า 50,000 สตาร์คอยน์” สาวผมแดงกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ

เมื่อได้ยินเช่นนั้นคอนเนอร์ก็ตบท้องของตัวเองอย่างแรง ซึ่งในความเป็นจริงเขาก็อยากจะตบไปที่หน้าอกแต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างที่อยู่ใต้ศีรษะของเขาต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นพุงทั้งหมด

“พวกเราคือหน่วยสืบลับและการจ่ายค่าชดเชยจำนวนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินกว่าความสามารถของพวกเราครับ นอกจากนี้พวกเรายังจำคุกเขาเอาไว้โดยไม่มีความผิดเป็นเวลานาน ดังนั้นมันเป็นเรื่องปกติที่พวกเราจะต้องจ่ายค่าชดเชย” คอนเนอร์กล่าวโอ้อวดอย่างไร้ยางอาย

เมื่อได้ยินเช่นนั้นสาวผมแดงก็เผยรอยยิ้มออกมาเป็นคำตอบ จากนั้นเธอก็เดินขึ้นไปบนรถโฮเวอร์สีแดงเปิดประทุนก่อนที่จะหายตัวออกไปจากสถานที่แห่งนี้โดยไม่หันหลังกลับมาเลยแม้แต่นิดเดียว

*รถโฮเวอร์ คือ รถลอยได้

หลังจากนั้นคอนเนอร์ก็ได้กลับมายังห้องทำงานของเขาบนชั้น 26 ก่อนที่เขาจะได้นั่งลงบนเก้าอี้ขนาดใหญ่และได้เผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา

ต่อมาเขาก็ได้ใช้นิ้วอันอ้วนกลมกดลงบนโต๊ะก่อนที่มันจะได้มีหน้าจอโฮโลแกรมปรากฏขึ้นมาอย่างฉับพลัน โดยภาพบนหน้าจอนั้นมีชายชุดดำที่ดูมีอายุราว ๆ 30 ปีปรากฏตัวขึ้นมา ซึ่งชายคนนี้มีรูปร่างผอมแห้งเหมือนกับไม้เสียบผี

“หัวหน้ามีอะไรหรือเปล่าครับ” ชายคนนั้นกล่าวถาม

“เฮ่ยหนาน ฉันจำได้ว่าเมื่อวานพวกเรากำลังตรวจสอบชุดน้ำยาปรับสภาพยีนที่ลักลอบนำเข้ามาใช่ไหม?”

“ใช่แล้วครับ มันมีน้ำยาปรับสภาพยีนถูกลักลอบนำเข้ามาทั้งหมด 74 ขวด แล้วมันก็ไม่มีน้ำยาขวดไหนซักขวดที่ติดฉลาก ผมกำลังสงสัยว่าน้ำยาพวกนี้น่าจะเป็นของปลอม”

“ดีมาก! ถ้าอย่างนั้นเอาน้ำยาไม่มีฉลากไปมอบให้กับเจ้าเด็กดาวโลกในชั้นใต้ดินชั้นที่ 7 ขวดนึง จำเอาไว้ว่าไม่ต้องอธิบายอะไรและขอให้มันกินน้ำยาเข้าไปหลังจากที่ได้กลับไปยังดาวโลกแล้วเท่านั้น” คอนเนอร์กล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย

“หัวหน้า! น้ำยาพวกนั้นยังไม่สามารถระบุที่มาได้เลยนะครับ นอกจากนี้รายงานการตรวจสอบของน้ำยาก็ยังไม่ออกมา ถ้าหากว่ามันมีใครสักคนได้ดื่มน้ำยาพวกนี้ไปมันก็อาจจะทำให้เขาตายได้เลย” เฮ่ยหนานกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

ปัง!!

“ทำตามคำสั่งไปซะ! ไม่ต้องตั้งคำถาม!!” คอนเนอร์กล่าวพร้อมกับเอามือกระแทกโต๊ะด้วยท่าทางอันโกรธเกรี้ยวและก่อนที่เฮ่ยหนานจะได้ตอบอะไรกลับไปคอนเนอร์ก็ปิดหน้าจอสื่อสารไปแล้ว

“ไอ้หนูเอ็งเป็นคนขอน้ำยานั่นเองนะ” คอนเนอร์พึมพำกับตัวเองพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างโหดเหี้ยม

-----

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเซี่ยเฟยก็ได้รับกล่องที่บรรจุน้ำยาปรับสภาพยีนและเขาก็กำลังนั่งยานอวกาศเพื่อกลับไปยังโลกมนุษย์

ในเวลาเดียวกันหน้าจอสื่อสารของคอนเนอร์ก็ได้ถูกเปิดขึ้นอย่างฉับพลันเนื่องมาจากเขาได้รับการติดต่อมาอย่างเร่งด่วน

“หัวหน้า! แย่แล้ว! ผลการตรวจสอบได้รายงานออกมาว่าน้ำยาปรับสภาพยีนพวกนั้นคือน้ำยาหยกม่วง!!” เฮ่ยหนานกล่าวขึ้นมาอย่างเร่งรีบ

“น้ำยาหยกม่วง? มันคืออะไร?” คอนเนอร์กล่าวถามด้วยความสับสนเล็กน้อย

“หัวหน้า! น้ำยาหยกม่วงเป็นน้ำยาปรับสภาพยีนระดับสูงที่ถูกคิดค้นโดยดร.แฮร์ริส ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าตั้งแต่เมื่อ 13 ปีก่อน ว่ากันว่าเขาได้ใช้เวลาในการค้นคว้าก่อนที่จะทำการผลิตน้ำยาชนิดนี้มาเป็นเวลานานกว่า 60 ปี แต่ในระหว่างการทดลองผู้เข้าร่วมการทดสอบทั้ง 179 คนต่างก็เสียชีวิตทั้งหมด ส่วนตัวแฮร์ริสก็หนีไปเพราะกลัวว่าจะโดนลงโทษ มันจึงทำให้น้ำยาปรับสภาพยีนพวกนั้นมันไม่ใช่น้ำยาปรับสภาพยีนอีกต่อไป แต่มันเป็นยาพิษที่ร้ายแรงถึงชีวิต!” เฮ่ยหนานกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าอันกังวล

“อ๋อ! ฉันจำได้แล้ว! มันใช่น้ำยาปรับสภาพยีนที่ถูกระบุประเภทว่าเป็นน้ำยาต้องห้ามระดับจักรวาลใช่ไหม? แล้วทำไมมันถึงถูกเอามาวางขายในตลาดได้? เจ้าพวกนั้นจะต้องได้รับโทษประหารชีวิต!” คอนเนอร์กล่าวพร้อมกับพยักหน้าหลังจากที่เขาได้ตระหนักว่าน้ำยาพวกนั้นคืออะไร

“เข้าใจแล้วครับ ว่าแต่..เราจะทำยังไงเรื่องชายหนุ่มคนนั้นดีล่ะครับ?” เฮ่ยหนานกล่าวถามอย่างลังเล

“ชายหนุ่มคนไหน? พวกเราไม่ได้ทำอะไรลงไปซักหน่อย” คอนเนอร์กล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าอันไม่แยแส

***************

เอาแล้ว!! ถ้าเซี่ยเฟยได้ดื่มน้ำยาหยกม่วงเข้าไปมันจะเป็นยังไงกันน๊อ…

ปล.เรื่องนี้มี E-Book แล้วน๊า สามารถซื้อสะสมหรืออ่านกันได้ทางเด็กดีและ meb ได้เลยนะคะและขอบคุณที่ติดตามผลงานกันน๊า
ตอนนี้กำลังจัดเต็ม เล่มแรกฟรี เล่มที่ 2 ลด 20% ไปเล้ยยยย

ช่องทางเด็กดี https://bit.ly/3LDePFCช่องทาง Meb https://bit.ly/3NZ3Qca

น้ำยาปรับสภาพยีน

ตอนที่ 2: น้ำยาปรับสภาพยีน

ในปัจจุบันมันได้มียานอวกาศร่อนลงมาจอดภายในพื้นที่อันถูกทิ้งร้างบริเวณชานเมืองทางตอนใต้ของปักกิ่ง ก่อนที่อีกไม่กี่นาทีต่อมายานอวกาศลำนี้จะได้หายไปกับความมืดยามค่ำคืนราวกับว่ามันไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน

การเดินทางระหว่างดวงดาวด้วยเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวเหล่านี้รวดเร็วกว่าที่ผู้คนบนโลกมนุษย์ได้คาดคิดเอาไว้มาก เพราะด้วยเทคโนโลยีการวาร์ปมันจึงทำให้การเดินทางระหว่างดวงดาวใช้เวลาเพียงแค่ไม่นานเท่านั้น

ระยะห่างระหว่างดาวบลูซีกับโลกมนุษย์อยู่ห่างกันเกือบ 200,000 ปีแสง แต่ยานอวกาศลำนี้กลับใช้การวาร์ปเพียงแค่สี่ครั้งและใช้เวลาเดินทางรวมกันเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่มันจะนำเซี่ยเฟยเดินทางกลับมายังโลกมนุษย์

หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ลงมาจากยานอวกาศแล้วเขาก็ได้ก้าวเท้าเข้าไปยังเมืองปักกิ่งอันคุ้นเคยพร้อมกับสัมผัสกับธนบัตรใบบาง ๆ ที่อยู่ภายในกระเป๋าและถึงแม้ว่าเขาจะไม่หยิบพวกมันขึ้นมานับ แต่เขาก็รู้ว่าเขามีเงินติดตัวอยู่เพียงแค่ 73 แอลไลคอยน์เท่านั้น ซึ่งเงินเหล่านี้มันก็เป็นเงินทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาแล้ว

หลังจากที่เซี่ยเฟยได้เดินเลี้ยวตรงบริเวณหัวมุมเขาก็โชคดีได้พบกับแท็กซี่คันหนึ่งและหลังจากที่เขาได้เดินทางต่อไปอีกเพียงแค่ประมาณ 20 นาทีในที่สุดเขาก็ได้กลับบ้านหลังจากที่ไม่ได้กลับมาเป็นเวลานานกว่าครึ่งเดือน

มันมีคำที่เคยใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณของเมืองปักกิ่งว่า ‘คนรวยจะอยู่ทางทิศตะวันออก เหล่าบรรดาผู้สูงศักดิ์จะอยู่ทางทิศตะวันตก พวกคนจนจะอยู่ทางทิศใต้และสามัญชนจะอยู่ทางทิศเหนือ’ ซึ่งแน่นอนว่าบ้านของเซี่ยเฟยได้ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองโดยมันเป็นหอพักของอดีตโรงงานเครื่องหนัง

โรงงานของรัฐบาลแห่งนี้ได้ปิดกิจการไปเป็นเวลานานหลายปีแล้วและผู้อยู่อาศัยภายในหอพักส่วนใหญ่ก็เคยเป็นลูกจ้างของโรงงานที่ถูกเลิกจ้าง โดยตัวอาคารเป็นอะพาร์ตเมนต์เก่า ๆ ที่ถูกก่อสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยเมื่อหลายสิบปีก่อน

เมื่อมาถึงอะพาร์ตเมนต์เซี่ยเฟยก็ได้พบกับอาคารที่มืดสนิทและไม่มีแหล่งกำเนิดแสงสว่างใด ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องเดินขึ้นบันไดไปท่ามกลางความมืด

หลังจากที่เขาได้ถูกจำคุกอยู่นอกโลกมาเป็นเวลานานกว่าครึ่งเดือน มันจึงทำให้โทรศัพท์มือถือซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแสงเพียงอย่างเดียวของเขาไม่สามารถที่จะนำมาใช้การได้ นั่นก็เพราะว่าแบตเตอรี่ของมันได้หมดไปตั้งนานแล้ว

เซี่ยเฟยได้ก้าวเท้าขึ้นไปบนบันไดแต่ละขั้นด้วยท่าทางอันมั่นคง โดยทางเดินของบันไดนี้ได้เต็มไปด้วยจักรยาน, ขวดเบียร์และสิ่งกีดขวางอื่น ๆ อีกอย่างมากมาย

แม้ว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันจะก้าวล้ำพัฒนาไปไกลแต่สำหรับพื้นที่สลัมที่เซี่ยเฟยได้อาศัยอยู่มันก็ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากเดิมมากนักและถ้าหากว่าคนภายนอกได้มาชำเลืองมองพื้นที่บริเวณนี้เพียงแค่ครั้งเดียว มันก็อาจจะทำให้พวกเขาเข้าใจผิดว่าพวกเขากำลังหลงยุคกลับไปเป็นเวลานานนับสิบ ๆ ปี

ห้องของเซี่ยเฟยอยู่ที่ชั้นบนสุดโดยภายในห้องมีพื้นที่เพียงแค่ประมาณ 40 ตารางเมตร ซึ่งภายในนั้นได้ถูกประดับตกแต่งเอาไว้ด้วยเฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ เพียงแค่ไม่กี่ชิ้นและเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นเพียงของเหลือที่เจ้าของเก่าได้ทิ้งเอาไว้

สิ่งเดียวที่เป็นของเซี่ยเฟยคือเสื้อผ้า, คอมพิวเตอร์เก่า ๆ ในห้องนอนและจักรยานเสือหมอบยี่ห้อไจแอนส์ไบซิเคิล

หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ปิดประตูเบา ๆ เขาก็เดินเข้าไปภายในห้องนอนพร้อมกับนั่งลงบนโต๊ะ ก่อนที่เขาจะได้เปิดคอมพิวเตอร์ของตนเองขึ้นมา

คอมพิวเตอร์เครื่องนี้เป็นรุ่นที่ล้าสมัยมากและมันก็จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการเปิดเครื่องขึ้นมาค่อนข้างนาน ซึ่งในระหว่างนั้นเซี่ยเฟยก็ได้หยิบกล่องโลหะรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขึ้นมาพร้อมกับค่อย ๆ เปิดมันออกอย่างระมัดระวัง

ภายในกล่องได้บรรจุขวดของเหลวสีม่วงที่ส่องประกายและเมื่อมันได้กระทบกับแสงไฟมันก็ทำให้ของเหลวภายในขวดนี้ดูลึกลับอย่างไม่น่าเชื่อ

ขวดของเหลวสีม่วงภายในกล่องไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก ซึ่งในความเป็นจริงมันดูเหมือนกับขวดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่สามารถกระดกขึ้นมาดื่มด้วยปากได้อย่างง่ายดาย โดยบริเวณรอบ ๆ ขวดไม่มีข้อมูลใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต, วันหมดอายุหรือฉลากที่ให้คำแนะนำ

ระหว่างนั้นเซี่ยเฟยก็ได้ใช้นิ้วของเขาถูที่ขวดของเหลวสีม่วงภายในกล่องเบา ๆ โดยหัวใจของเขาได้ถูกเติมเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง

ในทุก ๆ ปีพันธมิตรมนุษย์ระหว่างดวงดาวจะทำการส่งมอบน้ำยาปรับสภาพยีนมาให้กับสหพันธ์โลกจำนวน 100 ขวดและพวกมันก็ช่วยให้ชนชั้นสูงบนโลกสามารถทำการปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของพวกเขาได้

อย่างไรก็ตามน้ำยาปรับสภาพยีนจำนวน 100 ขวดย่อมไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนทั้งโลกอยู่แล้วและมันก็สามารถจะจินตนาการได้อย่างง่ายดายว่าการแข่งขันเพื่อแย่งชิงน้ำยาปรับสภาพยีนเหล่านี้จะเป็นการแข่งขันที่มีความเข้มข้นมากแค่ไหน ซึ่งคนที่ไม่มีอำนาจใด ๆ อย่างเซี่ยเฟยย่อมไม่กล้าคิดฝันที่จะได้ครอบครองน้ำยาปรับสภาพยีนพวกนี้เลย

เซี่ยเฟยเคยดูข่าวที่ประธานสหพันธ์โลกได้ทำการมอบกล่องที่บรรจุน้ำยาปรับสภาพยีนให้แก่ชนชั้นสูงที่เหมาะสมจำนวน 100 คนต่อหน้าสื่อทั่วทั้งโลก โดยชนชั้นสูงที่ได้รับน้ำยาปรับสภาพยีนต่างก็พากันยืนร้องไห้ในขณะที่บางคนถึงกับเป็นลมไปเพราะความสุข

ส่วนทางด้านผู้ที่ไม่มีโอกาสได้รับน้ำยาก็ทำได้เพียงแต่ยืนมองดูภาพข่าวด้วยความอิจฉาริษยาและพวกเขาทุกคนต่างก็ใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งพวกเขาอาจจะได้รับน้ำยาอันล้ำค่าเหล่านั้นบ้าง

อย่างไรก็ตามเท่าที่เซี่ยเฟยจำได้น้ำยาปรับสภาพยีนสมควรที่จะมีสีเขียวอันสดใส แต่น้ำยาปรับสภาพยีนที่เขาได้รับกลับเป็นสีม่วงที่ดูลึกลับและชวนให้น่าค้นหา

ระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังคิดเรื่องต่าง ๆ อยู่ภายในใจคอมพิวเตอร์ของเขาก็ได้เปิดขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เซี่ยเฟยจึงอดกลั้นความต้องการของตัวเองเอาไว้ก่อนที่จะทำการปิดกล่องและเก็บมันลงไปในลิ้นชัก

เนื่องมาจากเมื่อ 3 ปีที่แล้วมันได้มีมนุษย์ต่างดาวติดต่อเข้ามายังโลกมนุษย์ มันจึงทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันอย่างมากมายและภายในคืนเดียวมันก็ได้มีเว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวข้องกับอารยธรรมนอกโลกผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดโดยเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาเว็บไซต์เหล่านั้นก็คือสตาร์รี่สกายเน็ตเวิร์ก

หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็เริ่มทำการค้นหาข้อมูลของน้ำยาปรับสภาพยีนจากสตาร์รี่สกายเน็ตเวิร์กด้วยความคาดหวัง

สมองเป็นอวัยวะที่น่าทึ่งที่สุดของร่างกายมนุษย์ซึ่งโดยปกติมนุษย์โดยทั่วไปจะสามารถใช้งานศักยภาพของสมองได้ไม่ถึง 10% และแม้แต่อัจฉริยะอย่างไอน์สไตน์ก็สามารถที่จะใช้ศักยภาพของสมองออกมาได้เพียงแค่ 30% เท่านั้น

แต่ถ้าหากว่าใครได้ทำการดื่มน้ำยาปรับสภาพยีนเข้าไปมันก็จะช่วยทำให้พวกเขาสามารถใช้งานสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากข้อมูลที่ระบุเอาไว้ผู้คนแต่ละคนจะสามารถใช้งานศักยภาพของสมองได้แตกต่างกัน โดยผู้ที่สามารถใช้สมองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุดก็จะสามารถใช้ศักยภาพของสมองได้เกินกว่า 90%

อันที่จริงสมองยังมีพื้นที่ส่วนพิเศษที่ซ่อนอยู่ โดยพื้นที่ส่วนพิเศษของสมองนี้ได้ถูกเรียกว่าพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ซึ่งถ้าหากว่าใครสามารถปลดล็อกใช้งานพื้นที่สมองส่วนนี้ได้สำเร็จพวกเขาก็จะสามารถใช้พลังพิเศษที่เหนือมนุษย์ได้

“พลังพิเศษ?! แบบนี้ฉันก็อาจจะมีพลังเหมือนไอ้แมงมุมจากนิวยอร์กใช่ไหม” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยดวงตาอันเปล่งประกาย

แม้ว่าการพัฒนาศักยภาพของสมองและทำให้ผู้คนฉลาดขึ้นจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ท้ายที่สุดสิ่งที่ทุกคนใฝ่ฝันก็คงจะเป็นเรื่องการได้รับพลังพิเศษมากกว่า

พลังพิเศษที่บุคคลแต่ละคนได้รับจากการกระตุ้นพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ก็จะมีความแตกต่างกันไป ซึ่งแม้แต่อารยธรรมนอกโลกที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดก็ยังไม่สามารถที่จะให้คำอธิบายเกี่ยวกับพลังพิเศษเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน

โดยส่วนใหญ่ผู้คนกว่า 70% ที่ได้รับการปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 จะกลายเป็นยอดนักสู้ที่มีความแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ แต่มันก็มีบางคนที่ได้กลายเป็นนักดนตรี, นักคณิตศาสตร์, นักฟิสิกส์, นักเคมีและอื่น ๆ อย่างมากมาย

“นักคณิตศาสตร์? นี่ถ้าหากว่าฉันได้กลายเป็นนักคณิตศาสตร์มันคงจะเป็นเรื่องที่แย่ที่สุดในชีวิตของฉันเลย” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับขมวดคิ้วเพราะตลอดทั้งชีวิตเขาไม่เคยให้ความสนใจกับวิชาคณิตศาสตร์หรือวิชาฟิสิกส์เลย

ตามสถิติมันจะมีคนเพียงแค่ 1 ใน 10,000 คนเท่านั้นที่จะไม่ได้รับพลังพิเศษใด ๆ หลังจากที่พวกเขาได้ทำการดื่มน้ำยาปรับสภาพยีนเข้าไปอย่างเพียงพอและมันก็มีคน 1 ใน 100,000 คนที่จะเสียชีวิตและมีคนอีก 1 ใน 1,000,000 คนที่จะกลายเป็นเจ้าชายนิทราหลังจากที่ได้ดื่มน้ำยาปรับสภาพยีนเข้าไปด้วยเช่นกัน ซึ่งมันก็หมายความว่าน้ำยาปรับสภาพยีนในปัจจุบันยังไม่ใช่สิ่งที่มีความปลอดภัย 100%

หลังจากเซี่ยเฟยได้อ่านบทความทั้งหมดเขาก็เหลือบสายตามองไปยังกล่องบุหรี่ยี่ห้อหงตะชานที่เหลืออยู่ครึ่งกล่องซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ

เซี่ยเฟยถือได้ว่าเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่สูบบุหรี่ค่อนข้างจัดและเขาก็เลือกที่จะทำการสูบบุหรี่ยี่ห้อหงตะชานซึ่งเป็นบุหรี่ที่มีราคาถูกที่สุดเท่านั้น

เมื่อเซี่ยเฟยได้จุดบุหรี่ขึ้นมามันก็ได้ปล่อยควันออกมาจาง ๆ และทำให้บรรยากาศภายในห้องนอนของเขาได้กลายเป็นภาพศิลปะที่ชวนน่าหลงใหล

ถึงแม้ว่ามันจะมีความเสี่ยงในการบริโภคน้ำยาปรับสภาพยีนเข้าไป แต่ความเสี่ยงจากน้ำยาปรับสภาพยีนเหล่านี้มันก็เทียบไม่ได้จากผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับกลับมา

ในความเป็นจริงนอกเหนือจากการบริโภคน้ำยาปรับสภาพยีนแล้วมนุษย์ยังสามารถที่จะทำการฝึก ‘มนตราดวงดาว’ เพื่อทำการปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้อีกด้วย

เมื่อความรู้ในเรื่องนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไปมันก็ทำให้ผู้คนเป็นจำนวนมากตั้งแต่เด็กไปจนถึงคนแก่ได้พยายามฝึกฝนมนตราดวงดาวในทุก ๆ วัน แต่น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าเวลาจะได้ผ่านพ้นไปนานกว่า 3 ปีแต่มันก็มีคนที่สามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้ด้วยการฝึกฝนมนตราดวงดาวเพียงแค่ไม่ถึง 8,000 คน

“ไม่ต้องรีบร้อน ฉันต้องตรวจสอบมันให้ได้ก่อนว่าทำไมน้ำยาปรับสภาพยีนของฉันมันถึงมีสีม่วง” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเอง

หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็ค่อย ๆ เลื่อนเมาส์เพื่อทำการค้นหาบทความเกี่ยวกับน้ำยาปรับสภาพยีนภายในเว็บไซต์ เพราะท้ายที่สุดเพียงแค่ภายในสตาร์รี่สกายเน็ตเวิร์กเพียงเว็บไซต์เดียวก็มีบทความเกี่ยวกับน้ำยาปรับสภาพยีนอยู่ไม่น้อยกว่า 2,000-3,000 บทความ

“น้ำยาปรับสภาพยีนมีหลายประเภทอย่างนั้นหรอ?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาพร้อมกับทำการคลิกเปิดบทความขึ้นมาเบา ๆ

คุณภาพของน้ำยาปรับสภาพยีนได้ถูกแบ่งประเภทออกเป็นน้ำยาระดับสูงสุด, น้ำยาระดับสูง, น้ำยาระดับกลางและน้ำยาระดับต่ำ โดยอารยธรรมส่วนใหญ่ภายในจักรวาลจะทำการผลิตน้ำยาที่มีความเหมาะสมกับยีนของผู้คนภายในดวงดาวของตนเอง ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้น้ำยาปรับสภาพยีนมีสีและรสชาติที่แตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ของจักรวาล ซึ่งแน่นอนว่าน้ำยาที่มีประสิทธิภาพแตกต่างกันย่อมให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน

“อ๋อ! น้ำยาปรับสภาพยีนไม่จำเป็นที่จะต้องมีสีเขียวเพียงอย่างเดียวสินะ ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าน้ำยาขวดนี้เป็นน้ำยาปรับสภาพยีนระดับไหนกันแน่?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาหลังจากที่เขาได้อ่านบทความจนจบ

“ช่างหัวมันก็แล้วกัน! หลังจากดื่มมันเข้าไปเดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดฉันก็แค่ตายหรือไม่ก็กลายเป็นนักคณิตศาสตร์ ท้ายที่สุดมันก็ไม่สำคัญว่าน้ำยาขวดนี้อยู่ในระดับไหนเพราะมันคงจะไม่ทำให้สถานการณ์ของฉันเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว” เซี่ยเฟยคิดภายในใจขณะที่กวาดสายตามองไปยังสภาพห้องอันน่ากลัว

หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็หยิบขวดน้ำยาสีม่วงออกมาจากลิ้นชัก

โบ๊ะ!

เมื่อเขาได้เปิดฝาขวด เขาก็กระดกมันเข้าไปในปากทันที

อึก ๆ ๆ!

เซี่ยเฟยทำการกลืนน้ำยาปรับสภาพยีนทั้งหมดลงไปในครั้งเดียว ซึ่งตลอดกระบวนการเขาไม่ได้มีร่องรอยแห่งความลังเลใด ๆ ได้ปรากฏขึ้นมาเลย

น้ำยาสีม่วงภายในขวดมีรสเปรี้ยวอยู่เล็กน้อยแล้วมันก็ผสมกับรสชาติอันแปลกประหลาดอย่างที่เขาก็ไม่สามารถที่จะอธิบายออกมาได้ด้วยเช่นเดียวกัน

หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็ทำการจุดบุหรี่ขึ้นมาอีกมวนพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้และรอคอยการเปลี่ยนแปลงอยู่เงียบ ๆ

เมื่อเวลาผ่านพ้นไปครบ 1 นาทีนอกเหนือจากความรู้สึกอุ่น ๆ ภายในท้องของเขาแล้วเซี่ยเฟยก็ไม่ได้พบกับความผิดปกติอื่นใดอีก

เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้เซี่ยเฟยก็รู้สึกกังวลและเมื่อเขาได้เหลือบสายตามองไปยังขวดน้ำยาเล็ก ๆ เขาก็ได้พบว่ามันยังคงมีของเหลวสีม่วงติดอยู่ภายในขวดเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งไปในห้องน้ำก่อนที่จะเติมน้ำจากก๊อกเข้าไปภายในขวด จากนั้นเขาก็ทำการเขย่าขวดซ้ำ ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำยาสีม่วงภายในขวดทุกหยดจะได้ผสมเข้ากับน้ำเปล่าที่เขาได้เติมเข้าไป

อึก ๆ ๆ!

เมื่อเซี่ยเฟยได้ทำการดื่มน้ำยาที่ผสมกับน้ำเปล่าเข้าไปจนหมดเขาก็ได้พบว่าขวดน้ำยาไม่ได้หลงเหลือน้ำยาสีม่วงอยู่เลยแม้แต่หยดเดียว ซึ่งมันก็ทำให้เขาได้เผยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจออกมา

ทันใดนั้นน้ำยาปรับสภาพยีนก็เริ่มส่งผล!!

ในชั่วเวลาเพียงแค่พริบตาเซี่ยเฟยก็รู้สึกเวียนหัวอย่างรุนแรงและเขาก็รู้สึกเหมือนกับเห็นผีเสื้อนับพันได้บินอยู่ตรงหน้าพร้อมกับสภาพจิตใจของเขาที่กำลังได้รับความเจ็บปวดอย่างไม่น่าเชื่อ

ภายในห้องน้ำมีอ่างน้ำเก่า ๆ ที่ไม่ได้ใช้งานมานานหลายปีและในพื้นที่สลัมเช่นนี้ก็มักที่จะมีเหตุการณ์น้ำหยุดไหลขึ้นมาอยู่เสมอ ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงได้เปิดน้ำเก็บไว้ภายในอ่างน้ำจนเต็มอยู่เป็นประจำเผื่อเอาไว้ในกรณีที่น้ำไม่ไหลเขาจะได้มีน้ำเอาไว้ใช้งาน

หลังจากที่เซี่ยเฟยได้สะบัดหัวเรียกสติ 2-3 ครั้งเขาก็รีบมุ่งตรงไปยังอ่างอาบน้ำ ก่อนที่เขาจะได้จุ่มศีรษะของเขาลงไปภายในอ่างน้ำเย็น

***************

สารภาพมาซะ! ใครเกลียดคณิตเหมือนพี่เฟยบ้าง?

พลังพิเศษ

ตอนที่ 3: พลังพิเศษ

อันที่จริงน้ำยาหยกม่วงที่ ดร.แฮร์ริสได้ทำการวิจัยขึ้นมาไม่ใช่ยาพิษแต่อย่างใดและผลลัพธ์ของน้ำยาชนิดนี้มันก็เหนือเกินกว่าสิ่งที่ทุกคนได้คาดคิดเอาไว้มาก

เมื่อเซี่ยเฟยได้ทำการดื่มน้ำยาหยกม่วงเข้าไปเขาก็สามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าหากวิธีการที่น้ำยาชนิดอื่น ๆ ได้ทำการปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 เทียบกับการเปิดประตู น้ำยาหยกม่วงที่เซี่ยเฟยได้ดื่มเข้าไปมันก็มีประสิทธิภาพคล้ายกับการระเบิดประตูและทำให้แม้แต่กำแพงบริเวณรอบ ๆ ประตูก็ยังถูกพังทลายหายไป

เมื่อปราศจากสิ่งกีดขวาง พลังอันมหาศาลที่ถูกกักเก็บเอาไว้ในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ทั้งหมดก็ได้ถูกปลดปล่อยออกมา โดยพลังอันไร้ขอบเขตเหล่านี้ได้พุ่งเข้าหาสมองของเซี่ยเฟยราวกับสึนามิถล่ม!!

เหตุการณ์นี้ได้ทำให้เซี่ยเฟยสูญเสียความรู้สึกของเขาไปทั้งหมดก่อนที่ร่างทั้งร่างของเขาจะได้จมลงไปในอ่างน้ำเย็น

ถ้าหากว่าเซี่ยเฟยไม่ได้ทำการต่อต้านพลังของน้ำยาหยกม่วงและปล่อยให้พลังของน้ำยาพุ่งทะยานต่อไปเหมือนกับผู้เข้าร่วมการทดลองใช้น้ำยาหยกม่วงในก่อนหน้านี้ เขาก็คงจะหลับไปชั่วนิรันดร์และไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย

อย่างไรก็ตามเมื่อมนุษย์ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันน่าสิ้นหวังพวกเขาก็จะระเบิดแรงปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดออกมาอย่างบ้าคลั่งโดยเฉพาะผู้ที่ดูอ่อนแอในช่วงเวลาปกติ!

สถานการณ์ในปัจจุบันได้ทำให้ร่างของเซี่ยเฟยที่จมอยู่ในอ่างน้ำสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรงจนทำให้น้ำภายในอ่างสาดกระเซ็นไปทั่วทั้งพื้นที่ โดยปฏิกิริยาของเซี่ยเฟยคล้ายกับว่ามันได้มีใครเอาสายไฟฟ้าแรงสูงจุ่มลงไปในอ่างน้ำ

ช่วงเวลานี้เซี่ยเฟยได้สูญเสียสติของเขาไปเกือบทั้งหมดแต่สัญชาตญาณของเขาก็กำลังกรีดร้องออกมาว่า

อย่ายอมแพ้จนวินาทีสุดท้าย!!

โดยปกติความสำเร็จจะเกิดขึ้นจากการทำงานอย่างหนัก 99% และพึ่งพาอาศัยโชคอีก 1% แต่ในปัจจุบันเซี่ยเฟยได้พยายามดิ้นรนต่อสู้เอาชีวิตรอดโดยใช้พลังไปเกินกว่า 200% แล้วแต่มันก็ยังไม่มีความโชคดีปรากฏขึ้นมาในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเลย

ระหว่างนั้นน้ำภายในอ่างก็ไหลเข้าไปภายในปาก, จมูกและหูของเซี่ยเฟยอย่างต่อเนื่องจนทำให้เขาหายใจไม่ออกและต้องทนทุกข์ทรมานกับของเหลวภายในร่างกายถึงสองชนิด

ทุก ๆ วินาทีที่ผ่านพ้นไปแรงของเซี่ยเฟยก็ลดลงไปอย่างต่อเนื่อง แต่ในทันใดนั้นเองสร้อยหินมัวร์ที่มีรูปร่างเหมือนหยดเลือดที่เขาแขวนเอาไว้อยู่ที่คอก็ได้เปล่งแสงสว่างสีแดงออกมาจนทำให้ห้องน้ำอันคับแคบแห่งนี้ดูเหมือนกับถูกย้อมไปด้วยโลหิต

—--

แสงอาทิตย์ยามเช้าได้สาดส่องผ่านเข้ามาภายในห้องอันคับแคบและทำให้ห้องน้ำที่เซี่ยเฟยนอนสลบอยู่ค่อย ๆ สว่างขึ้นมามากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ

ฮัดชิ้ว!

เซี่ยเฟยจามออกมาก่อนที่เขาจะพยายามลุกขึ้นมาจากพื้น โดยในตอนนี้เขามีสีหน้าอันซีดเผือดและร่างกายของเขาก็ให้ความรู้สึกอ่อนแอเป็นอย่างมาก

ฮัดชิ้ว ๆ ๆ!

หลังจากที่เซี่ยเฟยได้จามออกมา 3 ครั้งติดต่อกันเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากนั้นร่างกายของเขาก็สามารถที่จะฟื้นตัวขึ้นมาด้วยความรวดเร็วในอัตราที่น่าเหลือเชื่อ

“โอ้ยหนาว!!”

เซี่ยเฟยส่งเสียงอุทานพร้อมกับรีบวิ่งออกไปจากอ่างอาบน้ำและไปมุดซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียง ซึ่งกระบวนการทุกอย่างที่เขาได้ทำในช่วงเวลานี้เกิดขึ้นในอัตราที่รวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!!

ครึ่งชั่วโมงต่อมาร่างกายของเซี่ยเฟยก็ค่อย ๆ อุ่นขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหลังจากที่เขาได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่แห้งสนิทแล้วเขาก็กลับไปยังห้องนั่งเล่นอีกครั้ง

เขาลืมไปหมดแล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงได้ไปนอนอยู่ในห้องน้ำและตัวเปียกโชกไปทั่วทั้งร่างกาย เขาจำได้เพียงแต่ว่าเขาได้ดื่มน้ำยาปรับสภาพยีนเข้าไปก่อนที่ภาพจะตัดมาในตอนที่เขาตื่นนอน อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาเริ่มตั้งสติได้แล้วเขาก็รีบทำการตรวจสอบตัวเองเพื่อทำการค้นหาว่าเขาได้รับพลังพิเศษอะไรมา

เซี่ยเฟยลองทำการยืดร่างกายและเขาก็รู้สึกว่ามันไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ จากการที่เขาได้ดื่มน้ำยาปรับสภาพยีนเข้าไปเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้สึกว่าทั้งสภาพร่างกายและจิตใจของเขาต่างก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีและเขาก็รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลัง

ขณะเดียวกันภายในห้องนั่งเล่นแห่งนี้ก็มีกระสอบทรายโทรม ๆ อยู่หนึ่งอันและถึงแม้ว่ามันจะอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนักแต่มันก็สามารถนำมาใช้ทดสอบกำลังของเขาได้

หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็หรี่ตาพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ ก่อนที่เขาจะทำการปล่อยหมัดขวาออกไปเต็มแรง!!

ปัง

“เอ๊ะ?”

เซี่ยเฟยแทบที่จะไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเองเพราะความเร็วของหมัดที่เขาได้ปล่อยออกไป มันรวดเร็วกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัดและมันก็ทำให้เขาได้นึกถึง 'หัตถ์ไร้เงา' ในตำนาน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานี้มันก็มีโอกาสความเป็นไปได้อยู่ 2 ประเภท โดยความเป็นไปได้ประการที่หนึ่งคือตาของเขาคงจะพร่ามัวจนมองเห็นภาพหลอน ส่วนความเป็นไปได้ประการที่สองคือน้ำยาปรับสภาพยีนได้เพิ่มความเร็วของเขา

น่าเสียดายที่ห้องแห่งนี้คับแคบจนเกินไปและเขาก็ไม่สามารถที่จะทดสอบความเร็วของเขาภายในห้องแห่งนี้ได้ ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงเดินลงบันไดของอะพาร์ตเมนต์และมุ่งหน้าตรงไปยังสวนที่อยู่ตรงบริเวณด้านหลังของอาคาร

สวนด้านหลังอะพาร์ตเมนต์เคยเป็นโรงงานเครื่องหนังมาก่อน ซึ่งเมื่อเซี่ยเฟยได้เดินเข้ามาเขาก็ได้พบกับกลิ่นเหม็นและวัชพืชที่เติบโตขึ้นมาอย่างมากมาย

ในปัจจุบันมันยังเป็นเวลาเช้าตรู่ดังนั้นสวนแห่งนี้จึงยังคงว่างเปล่า ซึ่งนอกเหนือจากแมวน้อยตัวสีขาวที่กำลังนอนบิดขี้เกียจอยู่ตัวหนึ่ง เขาก็ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใด ๆ ที่อยู่บริเวณใกล้ ๆ กับเขาเลย

หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็ลองก้าวเท้าของเขาออกไปพร้อมกับพยายามวิ่งไปบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยวัชพืชอย่างรวดเร็ว ซึ่งในระหว่างที่เขากำลังวิ่งอยู่นั้นเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของสายลมที่ได้ดังแว่วเข้ามาภายในหู

“ความเร็วขนาดนี้มันจะต้องเป็นพลังพิเศษแน่ ๆ! หรือว่าฉันจะได้กลายเป็นเหมือนกับเจ้าของวลี ‘บุรุษที่เร็วที่สุด’ ไปแล้ว!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น

มนุษย์มากกว่า 70% ที่สามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้จะได้รับพลังที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ โดยพลังในการต่อสู้จะแบ่งประเภทหลัก ๆ ได้ทั้งหมด 3 สายคือ พลังสายความแข็งแกร่ง, พลังสายความเร็วและพลังสายพิเศษ

ในบรรดาพลังทั้งสามประเภทพลังสายความแข็งแกร่งเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยที่สุด รองลงมาคือพลังสายความเร็วและพลังสายพิเศษจะเป็นสิ่งที่หาพบได้ยากมากที่สุด

จากสถิติเท่าที่เขาได้อ่านมาในบรรดาผู้ที่ได้รับพลังการต่อสู้ 100 คนจะเป็นผู้ที่ได้รับพลังสายความแข็งแกร่ง 80 คน, พลังสายความเร็ว 15 คนและมีผู้ที่ได้รับพลังสายพิเศษอยู่เพียงแค่ 5 คน

ขณะเดียวกันตรงหน้าของเซี่ยเฟยก็เป็นกำแพงที่มีขนาดความสูงประมาณ 1.7 เมตร ซึ่งหลังจากที่เขาได้ออกแรงถีบจากขาซ้ายเพียงแค่เล็กน้อยเขาก็สามารถที่จะกระโดดข้ามกำแพงตรงหน้าของเขาได้อย่างง่ายดายและท่าทางการกระโดดของเขามันก็ดูสมบูรณ์แบบมากยิ่งกว่านักกีฬากระโดดข้ามรั้วเสียอีก

การเคลื่อนไหวราวกับสายลมมันให้ความรู้สึกแบบนี้นี่เองสินะ!

จากการประเมินในตอนนี้เขาก็สมควรที่จะวิ่งก้าวข้ามระยะ 100 เมตรได้ในเวลาเพียงแค่ 5 วินาทีทั้ง ๆ ที่คนปกติจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาวิ่งเกินกว่า 10 วินาที ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ก็ทำให้เด็กหนุ่มผู้เคยเป็นพนักงานปั่นจักรยานส่งของได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ใช้พลังพิเศษที่หายากในเวลาเพียงแค่ชั่วข้ามคืน

ในขณะที่เซี่ยเฟยรู้สึกประหลาดใจกับพลังของตัวเองเขาก็รู้สึกทึ่งกับพลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากพื้นที่สมองส่วนที่ 7 อย่างแท้จริง

ยิ่งไปกว่านั้นการวิ่งก้าวข้ามระยะ 100 เมตรภายในเวลา 5 วินาทีก็ยังไม่ใช่ขีดจำกัดของเขา ซึ่งในอนาคตอันใกล้เขาย่อมสามารถวิ่งได้เร็วกว่านี้อย่างแน่นอน!

หลังจากได้กลับเข้ามาภายในห้องเซี่ยเฟยก็รีบทำการอาบน้ำพร้อมกับเปลี่ยนชุดด้วยความรวดเร็วเนื่องมาจากว่าเสื้อผ้าที่เขาได้ใส่ออกไปในตอนเช้าได้เปียกโชกไปด้วยเหงื่อระหว่างที่เขาพยายามทดสอบความสามารถของตัวเอง

ในเวลาต่อมาเซี่ยเฟยก็ได้ทำการขี่จักรยานของเขามุ่งหน้าตรงไปยังพื้นที่ทางทิศตะวันตกของเมือง ซึ่งมันเป็นสถานที่ตั้งของสำนักงานจัดการพลเมืองของสหพันธ์โลก

สำนักงานจัดการพลเมืองของเมืองปักกิ่งได้ตั้งอยู่ตรงบริเวณย่านอันพลุกพล่านทางทิศตะวันตก ซึ่งแต่เดิมมันเคยเป็นสถานที่ตั้งของสถานทูตประเทศต่าง ๆ แต่ในปัจจุบันมันได้ถูกเปลี่ยนเป็นอาคารของสหพันธ์โลกและทำให้สถานทูตค่อย ๆ ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา

เนื่องมาจากมนุษย์ได้รู้จักพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ทางสหพันธ์โลกจึงได้ทำการแบ่งระดับคลาสของพลเมืองเอาไว้เป็นหลายๆระดับและพลเมืองที่มีพลังพิเศษก็จะถูกจัดระดับให้เป็นพลเมืองระดับคลาส A

สหพันธ์โลกยังถือได้ว่าได้อยู่ในช่วงเริ่มต้นของอารยธรรมจักรวาล มันจึงทำให้ผู้มีพลังพิเศษแต่ละคนเป็นตัวตนที่มีค่าเป็นอย่างมาก โดยทางรัฐบาล, กองทัพและบริษัทขนาดใหญ่ต่างก็พยายามที่จะยื่นข้อเสนอเพื่อดึงตัวผู้มีพลังเหล่านี้เข้าไปภายในองค์กรของตนเอง

ในขณะเดียวกันเมื่อพลเมืองคนใดสามารถที่จะเลื่อนระดับกลายเป็นพลเมืองระดับคลาส A ได้สำเร็จ พวกเขาก็ไม่เพียงแต่จะได้รับสิทธิพิเศษอย่างมากมายเท่านั้นแต่พวกเขายังจะได้รับเงินรางวัลจากรัฐบาลกลางจำนวน 100,000 แอลไลคอยน์อีกด้วย

“ถ้าฉันได้รับเงินรางวัล ฉันจะได้ย้ายออกไปจากเขตสลัมและหางานที่ดีกว่านี้ทำซักที” เซี่ยเฟยคิดถึงอนาคตด้วยความสุข

ปัจจุบันเซี่ยเฟยกำลังขี่จักรยานลัดเลาะไปตามท้องถนนราวกับว่าเขาเป็นปลาไหลที่ว่องไวและเมื่อเขาได้มองไปในระยะไกลเขาก็ได้เห็นอาคารสูง 12 ชั้นที่ถูกประดับเอาไว้ด้วยตัวอักษร ‘A’ ขนาดยักษ์สีทอง ซึ่งตัวอักษรขนาดใหญ่ตัวนี้มีความโดดเด่นเป็นอย่างมากและมันก็ทำให้ตัวอาคารได้กลายเป็นสถานที่อันโดดเด่นยิ่งกว่าอาคารโดยทั่วไป

หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ทำการจอดรถจักรยานของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาก็เดินเข้าไปภายในอาคารอันโดดเด่น ซึ่งเขาก็ได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงบริเวณแผนกต้อนรับโดยเธอคนนี้ดูมีอายุเพียงแค่ 20 นิด ๆ เท่านั้น

“สวัสดีครับผมมาขอลงทะเบียนเป็นพลเมืองระดับคลาส A ครับ” เซี่ยเฟยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูสุภาพ แต่หลังจากที่เขากล่าวจบผู้คนที่นั่งกระจัดกระจายทั่วทั้งห้องโถงก็รีบวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยความรวดเร็ว โดยคนเหล่านี้ได้พยายามยื่นกล่องของขวัญอันปราณีตไปให้กับเซี่ยเฟย

“สวัสดีครับผมเป็นตัวแทนจากกลุ่มบริษัทไฟเซอร์ฟาร์มาซูติคอล ผมหวังว่าคนที่โดดเด่นแบบคุณจะเลือกมาทำงานกับบริษัทของพวกเรา ส่วนทางด้านของค่าตอบแทนและสวัสดิการผมรับรองได้เลยว่ามันจะต้องทำให้คุณตาลุกวาวอย่างแน่นอน” ตัวแทนจากบริษัทแห่งหนึ่งได้ทำการยื่นนามบัตรและของขวัญให้กับเซี่ยเฟย

ไฟเซอร์ฟาร์มาซูติคอล!

“นั่นมันบริษัท 500 อันดับแรกของโลกผู้คิดค้น 'ไวอากร้า'!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาภายในใจ

“สวัสดีครับผมเป็นตัวแทนจากบริษัทเอ็กซอนโมบิล หากคุณต้องการคุณสามารถที่จะร่วมงานกับพวกเราได้ในทันที”

“สวัสดีครับผมเป็นตัวแทนจากบริษัทไอบีเอ็มไม่ทราบว่าคุณต้องการที่จะร่วมงานกับบริษัทของพวกเราหรือเปล่าครับ”

“สวัสดีครับผมเป็นตัวแทนจากบริษัทไมโครซอฟท์ถ้าหากว่าคุณมีความสามารถด้านปัญญาเชิญคุณเดินทางมาเยี่ยมชมบริษัทของพวกเราได้เลย แล้วถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้มีความสามารถทางด้านปัญญาแต่พวกเราก็พร้อมที่จะยินดีต้อนรับคุณอยู่เสมอ”

“นี่ครับนายท่านกระผมเป็นตัวแทนจากบริษัทดีลอยท์ ถ้าหากว่าคุณต้องการได้รับคำแนะนำทางด้านการเงินบริษัทของพวกเรายินดีที่จะให้บริการคุณด้วยความเต็มใจและพวกเราจะไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ กับคุณทั้งสิ้น”

ไอบีเอ็ม! ไมโครซอฟท์! เอ็กซอนโมบิล!

เซี่ยเฟยเกือบจะเป็นลมหลังจากที่เขาได้ยินชื่อของบริษัทที่ตัวแทนเหล่านี้ได้กล่าวขึ้นมา

ตัวแทนจากบริษัทเหล่านี้ทั้งหมดต่างก็ล้วนแล้วแต่มาจากบริษัทอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งการพยายามจะสมัครเข้าไปเป็นพนักงานของบริษัทเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในตอนนี้บริษัทระดับโลกจำนวนมากกลับได้มาร้องขอให้เขาไปทำงานกับบริษัทของตน

นี่มันไม่ใช่ความฝันใช่ไหม!?

ในคืนเดียวพนักงานปั่นจักรยานส่งของอย่างเซี่ยเฟยกลับได้กลายเป็นบุคคลที่บริษัทระดับโลกเป็นจำนวนมากต่างก็ต้องการแย่งชิงตัว ซึ่งมันไม่ต่างไปจากการที่นกกระจอกได้รับการวิวัฒนาการจนกลายเป็นนกฟินิกซ์

นี่สินะคือผลประโยชน์ของผู้ที่สามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้สำเร็จ!

“เอาล่ะทุกคน! เรื่องของพวกคุณเอาไว้ค่อยไปคุยกันทีหลัง ตอนนี้ฉันต้องพาเขาไปทำการทดสอบก่อน” พนักงานชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับพยายามแยกตัวแทนจากบริษัทต่าง ๆ ออกไปและถึงแม้ว่าตัวแทนจากบริษัทเหล่านี้จะรู้สึกไม่ค่อยพอใจแต่พวกเขาก็ยินยอมที่จะถอยกลับไปยังที่นั่งของตนเองแต่โดยดี

“สวัสดีผมชื่อหวังปิน เชิญคุณตามผมมาทางนี้หน่อย”

หลังจากนั้นหวังปินก็ได้พาเซี่ยเฟยเข้าไปภายในห้องสว่างไสวที่มีพนักงานในชุดเครื่องแบบ 2 คนยืนรออยู่ โดยใบหน้าของพนักงานทั้ง 2 คนต่างก็ถูกประดับเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม

ต่อมาพนักงานชายผมสีทองที่ดูมีอายุก็เดินเข้ามาหาเซี่ยเฟยด้วยความกระฉับกระเฉง ซึ่งด้านข้างของเขาก็มีสาวแว่นอายุประมาณ 30 ปีเดินตามมาด้วย

“ขอแสดงความยินดีกับคุณด้วยที่สามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 อันลึกลับได้สำเร็จ ไม่ทราบว่าคุณได้รับความสามารถแบบไหนมาอย่างนั้นหรอ” พนักงานผมสีทองกล่าวถามเซี่ยเฟยด้วยรอยยิ้ม

“ความเร็ว” เซี่ยเฟยกล่าวตอบอย่างตรงไปตรงมา

“เอ๊ะ! นี่คุณเข้าใจภาษายูเครนที่ผมพูดอย่างนั้นหรอ!!” พนักงานผมทองอุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะแต่เดิมเขาตั้งใจที่จะให้สาวแว่นด้านข้างทำการแปลภาษาให้ แต่มันกลับกลายเป็นว่าเซี่ยเฟยพูดภาษายูเครนได้คล่องกว่าล่ามของเขาเสียอีก

“ผมพูดได้แค่นิด ๆ หน่อย ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวตอบพร้อมกับเกาหัวด้วยความเขินอาย

ความจริงเซี่ยเฟยก็ไม่เคยเรียนภาษายูเครนมาก่อน สาเหตุที่เขาสามารถพูดคุยกับพนักงานผมทองคนนี้ได้นั่นก็เพราะไมโครชิพแปลภาษาที่ถูกฝังเอาไว้ภายในร่างกายของเขา

ไมโครชิพแปลภาษาเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่น่าทึ่งเป็นอย่างมากเพราะมันสามารถที่จะทำการแปลภาษาส่วนใหญ่ภายในจักรวาลแห่งนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นอุปกรณ์อัจฉริยะที่ไม่จำเป็นจะต้องมีการเก็บข้อมูลเอาไว้ล่วงหน้าอีกด้วย

ด้วยผลของไมโครชิพแปลภาษานี่เองมันจึงทำให้ทันทีที่เซี่ยเฟยได้ยินพนักงานคนนั้นพูดด้วยภาษายูเครนออกมา ปากของเขาก็ได้ตอบกลับไปเป็นภาษายูเครนอย่างเป็นธรรมชาติด้วยเช่นกัน

“คุณช่างเป็นชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความสามารถจริง ๆ ผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการผมมีชื่อว่าโพดอสกี้เป็นผู้จัดการสำนักงานจัดการพลเมืองประจำสาขาเมืองปักกิ่ง” โพดอสกี้กล่าวออกมาด้วยความยินดี

โดยปกติสหพันธ์โลกก็ให้ความสำคัญกับผู้ที่สามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 อย่างมากอยู่แล้วและเมื่อเซี่ยเฟยสามารถพูดภาษายูเครนได้อย่างคล่องแคล่วโพดอสกี้จึงรู้สึกถูกชะตากับชายหนุ่มคนนี้มากเป็นพิเศษ

“ผมชื่อเซี่ยเฟยเป็นชาวจีน” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับไป

“มันคงจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมกว่าถ้าหากว่าคุณจะเรียกตัวเองว่าเป็นพลเมืองของสหพันธ์โลก” โพดอสกี้กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

“ขอโทษทีครับ ผมค่อนข้างจะเคยชินกับการแนะนำตัวแบบเดิมไปซักหน่อย มันคงจะต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าที่ผมจะเคยชินกับการแนะนำตัวแบบใหม่” เซี่ยเฟยเกาหัวด้วยความเขินอายเล็กน้อย

ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายกำลังแลกเปลี่ยนคำพูดกันอย่างรวดเร็วสาวแว่นก็อดที่จะเงี่ยหูฟังอย่างระมัดระวังขึ้นมาไม่ได้ ซึ่งในบางครั้งเธอก็ไม่สามารถตามบทสนทนาระหว่างทั้งสองคนนี้ได้ทันและมันก็ทำให้เธอรู้สึกชื่นชมเซี่ยเฟยเป็นอย่างมาก

‘เขาพูดภาษายูเครนได้อย่างคล่องแคล่วจริง ๆ ภาษายูเครนถือได้ว่าเป็นภาษาที่เรียนรู้ได้อย่างยากลำบากและโดยปกติมันก็ไม่ค่อยมีใครสนใจจะมาเรียนรู้ภาษานี้มากนัก แม้ว่าฉันจะได้เรียนรู้ภาษายูเครนมาเป็นเวลามากกว่า 10 ปีแล้วแต่ฉันก็ไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจบทสนทนาระหว่างพวกเขาได้หรือว่าเซี่ยเฟยคนนี้จะเป็นอัจฉริยะทางด้านภาษา?’ สาวแว่นคิดกับตัวเองด้วยความสงสัย

“พระเจ้า! นี่มันความเร็วเฉลี่ย 23 เมตรต่อวินาที!! ตอนนี้คุณได้กลายเป็นผู้มีพลังระดับสตาร์ไลท์แล้ว!!!”

ทั้งหวังปินและสาวแว่นต่างก็เผยสีหน้าออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ผู้มีพลังพิเศษได้ถูกแบ่งระดับย่อย ๆ ออกเป็นหลายระดับโดยผู้มีระดับต่ำที่สุดคือระดับสตาร์ไลท์ จากนั้นจะเป็นระดับสตาร์เบส, ระดับสตาร์ฟิลด์และระดับสตาร์ริเวอร์

แน่นอนว่าถ้าหากใครเป็นผู้มีพลังพิเศษในระดับที่สูงขึ้นย่อมได้รับสิทธิพิเศษที่มากยิ่งขึ้นและพวกเขาก็จะมีอำนาจภายในจักรวาลที่มากขึ้นเช่นเดียวกัน

ขณะเดียวกันในทุก ๆ ระดับมันก็จะมีการแบ่งระดับย่อยลงไปอีกโดยระดับย่อย ๆ จะแบ่งออกเป็นขั้นพื้นฐาน, ขั้นกลางและขั้นสูง

ในตอนนี้ระดับพลังพิเศษของเซี่ยเฟยได้อยู่เหนือระดับสตาร์ไลท์ขั้นพื้นฐานไปไกลและเขาก็คงจะเลื่อนระดับไปเป็นระดับสตาร์ไลท์ขั้นกลางในไม่ช้า

“เซี่ยเฟย ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่าคุณสามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้เมื่อไหร่ แล้วคุณใช้วิธีไหนในการปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7?” โพดอสกี้กล่าวถาม

“ผมใช้วิธีการฝึกฝนตามปกติและผมก็เพิ่งปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้เมื่อวานนี้เอง ถ้าจะพูดให้ลงลึกไปกว่านั้นนั่นก็คือผมสามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้เมื่อคืน”

เซี่ยเฟยตั้งใจที่จะหลีกเลี่ยงการบอกว่าเขาได้ทำการดื่มน้ำยาปรับสภาพยีนเข้าไป เพราะมันคงจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากถ้าหากว่าเขาต้องมานั่งอธิบายเรื่องที่เขาได้ถูกจับไปขังเอาไว้ภายในคุกของดาวบลูซี

ช็อก!

โคตรช็อก!

ผู้ที่สามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ผ่านการฝึกฝนด้วยตัวเองมีอยู่น้อยกว่า 1 ใน 10,000 คน นอกจากนี้หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 เขาก็สามารถพัฒนาความสามารถจนอยู่ในระดับสตาร์ไลท์ขั้นพื้นฐานได้ในทันที ซึ่งเรื่องนี้ได้พิสูจน์ว่าเขาเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง

การปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 กับการพัฒนาความสามารถให้อยู่ในระดับสตาร์ไลท์ขั้นพื้นฐานเป็นเรื่องราวที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะถึงแม้ว่ามันจะมีคนที่สามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของพวกเขาได้ แต่คนที่สามารถพัฒนาความสามารถมาจนถึงระดับสตาร์ไลท์ขั้นพื้นฐานได้ก็มีอยู่น้อยมาก

ขณะที่โพดอสกี้, หวังปินและสาวแว่นกำลังชื่นชมเซี่ยเฟยอยู่นั้น จู่ ๆ ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงใครบางคนพูดกับเขาว่า

“ไอ้โง่!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซี่ยเฟยก็ขมวดคิ้วพร้อมกับมองไปรอบ ๆ ตัวด้วยความรวดเร็ว แต่นอกเหนือจากโพดอสกี้, หวังปินและสาวแว่นแล้วมันก็ไม่มีใครอยู่ในห้องนี้อีกเลย

“ใครวะ!?”

***************

เออ..ใครวะ?

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...