โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

ภารกิจใหม่สมาคม TIA ฟ้องคดีกลุ่ม จัดตั้ง “ศูนย์ช่วยเหลือผู้ลงทุนหุ้นไทย”

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 01 เม.ย. 2567 เวลา 06.53 น. • เผยแพร่ 01 เม.ย. 2567 เวลา 04.54 น.

คอลัมน์ : สัมภาษณ์พิเศษ

นับตั้งแต่สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2532 ได้ทำหน้าที่ดูแลผู้ลงทุนรายย่อยในตลาดหุ้นไทยที่ถูกหลอกลวง จนเกิดความเสียหายมาโดยตลอด และตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ก็ได้เพิ่มบทบาทในการเข้าร่วมประเมินคุณภาพการจัดประชุมผู้ถือหุ้น (AGM Checklist) ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จนกระทั่งปัจจุบัน กำลังจะมีภารกิจใหม่

โดยจัดตั้ง “ศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้ลงทุนในตลาดหุ้นไทย” เพื่อช่วยดำเนินคดีฟ้องแบบกลุ่ม (Class Action) การดำเนินการจะเป็นอย่างไร “ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์พิเศษ “สิริพร จังตระกุล” เลขาธิการ TIA มานำเสนอ

“วอชด็อก” พิทักษ์สิทธิผู้ถือหุ้น

“สิริพร” กล่าวว่า ปัจจุบันงานหลักของสมาคม คือการเป็น “วอชด็อก” (หมาเฝ้าบ้าน) ในการทำ AGM Checklist ของ บจ. ซึ่งทาง บจ.จะมีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นหลังปิดงบการเงินประจำปี ซึ่งเกิดขึ้นภายใน 30 เม.ย.ของทุกปี โดยการประเมินของสมาคมจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.ก่อนการประชุม จะเช็กหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นให้ข้อมูลครบถ้วนตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริษัทมหาชน และ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

2.วันประชุม จะส่งอาสาพิทักษ์สิทธิผู้ถือหุ้น ตรวจสอบความถูกต้องในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ซึ่งปัจจุบันมีนักลงทุนจิตอาสาผ่านการอบรมและขึ้นทะเบียนไว้กับสมาคมประมาณ 600 ราย โดยอาสาเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ต้องดูแลก็ได้ เนื่องจากสมาคมเป็นผู้มอบฉันทะ

และ 3.หลังการประชุม ติดตามว่า บจ.มีการส่งรายงานการประชุมให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใน 14 วัน หรือไม่ หากไม่ส่งตามเวลาที่แจ้งไว้ จะมีการรายงานต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ภารกิจใหม่ช่วยเหลือผู้ลงทุน

“สิริพร” กล่าวว่า ปัจจุบันสมาคมกำลังอยู่ในขั้นตอนของการจัดตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้ลงทุนรายย่อยที่ลงทุนอยู่ในตลาดหุ้นไทย เพื่อช่วยดำเนินคดีฟ้องแบบกลุ่ม (Class Action) ซึ่งคาดว่าศูนย์นี้จะเป็นรูปเป็นร่างประมาณเดือนธันวาคม 2567 เพื่อจะเป็นที่พึ่งให้กับนักลงทุนที่ประสบปัญหา

โดยลักษณะของความเสียหายที่ศูนย์จะเข้าไปช่วยเหลือนั้น ทางคณะกรรมการสมาคมได้กำหนดแนวทางความเสียหายที่จะให้ความช่วยเหลือดำเนินคดีฟ้องแบบกลุ่มไว้ ก็คือ 1.ต้องเป็นกรณีที่สำนักงาน ก.ล.ต. ร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว เพราะมีความผิดชัดเจน และกรณีที่ว่าด้วยเรื่องของการฉ้อฉลหรือการทุจริตของผู้บริหาร ที่ทำให้เกิดความเสียหายและส่งผลกระทบกับราคาหุ้นสามัญ

“ปี 2568 จะเป็นปีที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีอายุครบ 50 ปี แต่อดีตที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีคดีว่าด้วยเรื่องของการฟ้องคดีแบบกลุ่ม สำหรับผู้เสียหายที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทยเลย เพราะฉะนั้นในการเริ่มก่อตั้งศูนย์นี้ คาดว่าจะเป็นที่พึ่งของนักลงทุนได้”

รับเคสเฉพาะนักลงทุนหุ้นสามัญ

ทั้งนี้ เบื้องต้นตามกฎหมายกำหนดไว้ว่า ผู้ลงทุนที่ได้รับความเสียหายจะต้องฟ้องศาลภายในระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่ทราบความเสียหาย ไม่เช่นนั้นคดีอาจจะหมดอายุความได้ ซึ่งถือเป็นการขั้นตอนแรกในการรักษาสิทธิของตนเอง หลังจากนั้นสิ่งที่สมาคมพูดคุยกัน คือการช่วยเหลือของศูนย์นี้ จะช่วยเหลือไปจนถึงวันที่ศาลอนุมัติให้เป็นคดีฟ้องแบบกลุ่ม ซึ่งคดีฟ้องแบบกลุ่มจะผ่าน 2 ศาล คือ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ คือ สิ้นสุดที่ศาลอุทธรณ์

“ศูนย์ที่ตั้งขึ้นนี้ จะดูแลกรณีของผู้ลงทุนรายย่อยที่ได้รับความเสียหายจากการลงทุนหุ้นสามัญเท่านั้น เพราะในทางกฎหมายหรือการปฏิบัติงานแล้ว ไม่ได้รวมกรณีหุ้นกู้ เพราะผู้ลงทุนหุ้นกู้จะมีตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ ทำหน้าที่ดูแลผู้เสียหายอยู่แล้ว”

ปั้นหลักสูตรเพิ่มทนายตลาดทุน

“สิริพร” อธิบายอีกว่า การฟ้องคดีแบบกลุ่ม แม้ว่ากฎหมายอนุญาตให้ดำเนินการได้มาตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งมีผลบังคับใช้มาเกือบ 10 ปีแล้ว แต่ยังไม่เคยเกิดคดีฟ้องแบบกลุ่มในตลาดหุ้นไทยเลย โดยจากผลงานวิจัยของคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า มีอุปสรรคอยู่ด้วยกัน 2 เรื่องใหญ่ คือ 1.ทนายความที่มีความรู้เรื่องของตลาดทุนยังมีจำนวนน้อย เมื่อชงคดีทำให้คดีอ่อนเกินไป ไม่สามารถที่จะเป็นคดีแบบกลุ่มได้

2.ผู้เสียหายรวมตัวกันไม่ได้ ซึ่งจากที่สังเกตนักลงทุนที่เสียหายมักจะหลบไปอยู่ในมุมมืด หรือเศร้าสร้อยอยู่เพียงลำพัง และคิดว่าเป็นเรื่องของเวรกรรม โดยไม่ลุกขึ้นมารักษาสิทธิของตนเอง ทำให้ไปต่อไม่ได้

ดังนั้น เพื่อปิดช่องเหล่านี้ สมาคมจึงหยิบงานวิจัยนิติฯ จุฬาฯ มาทำเป็น Action Plan ด้วยการทำ MOU หรือบันทึกความเข้าใจร่วมกับสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อเปิดหลักสูตรให้กับทนายความในการส่งเสริมความรู้เรื่องของตลาดทุน ซึ่งเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา มีทนายความที่ผ่านหลักสูตรนี้ขึ้นทะเบียนไว้กับสมาคมรวมกัน 81 ราย ถือเป็นการพัฒนาและยกระดับทนายความวิชาชีพได้เช่นเดียวกัน และนี่คือการเตรียมพร้อมเมื่อศูนย์นี้จัดตั้งสำเร็จ ก็จะเป็นศูนย์รวมในการช่วยอำนวยความสะดวกให้การรวมตัวกันของผู้ถือหุ้นรายย่อย

“การฟ้องคดีแบบกลุ่มเพื่อไม่ให้คดีรกโรงรกศาล โดยผู้เสียหายสามารถรวมตัวกันแต่งตั้งตัวแทนโจทก์ผู้เสียหายขึ้นมาดำเนินการฟ้องจำเลยได้ เช่น จาก 1,000 คดี ก็จะกลายเป็นแค่ 1 คดี อีกทั้งเกี่ยวโยงกับค่าธรรมเนียมศาล 2% ของมูลค่าความเสียหาย โดยเมื่อคดีถึงสิ้นสุด ถ้าชนะคดี จำเลยจะต้องจ่ายเงินค่าเสียหายให้กับโจทก์ทั้งกลุ่ม คือทั้ง 1,000 คน”

ถอดบทเรียนคดีหุ้นดัง

เลขาธิการสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยกล่าวว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 50 ปีของตลาดทุนไทย มักพบวัฏจักรการเกิดความเสียหายอยู่ อาจจะทุก ๆ รอบมากกว่า 10 ปี ทั้งหมดทั้งมวลแม้จะมีการฉ้อฉล ทุจริต การสร้างราคา หรือการปั่นหุ้นก็ตาม ล้วนแล้วแต่เป็นวัฏจักรไม่แตกต่างจากของเดิม อาจจะเปลี่ยนรูปแบบเท่านั้นเอง ตามเทคโนโลยี กาลเวลา และพัฒนาการของตลาดทุน

“อยากเตือนผู้ลงทุน เพราะมักเป็นการต่อสู้กันระหว่างความโลภและความเสี่ยง โดยปัจจัยพื้นฐานของหุ้นยังคงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความรู้และตระหนักรู้ของนักลงทุนทุกคน เรียกว่าเป็นการถอดบทเรียนครั้งสำคัญของตลาดทุนไทย จากกรณีคดีหุ้นดังที่เกิดขึ้นในกลางปี 2566 ที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนตื่นรู้ ว่าถ้าเกิดกรณีลักษณะนี้จะต้องทำอย่างไร”

เพราะฉะนั้น สิ่งที่อยากแนะนำเบื้องต้น คือ 1.ผู้ลงทุนต้องรักษาสิทธิของตนเอง ปัจจุบันสำนักงาน ก.ล.ต. มีศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ หรือโทร.เบอร์ฮอตไลน์ 1207 โดยตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน ไม่ว่าจะเป็น ตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ตระหนักเรื่องนี้ และมีการขันนอตปรับปรุงกฎเกณฑ์และกิโยตินกฎหมายเพื่อให้ทันสมัย

“เชื่อว่าเวลานี้นักลงทุนน่าจะมีความอุ่นใจขึ้นได้ในระดับหนึ่ง เพราะ ก.ล.ต.ได้ประกาศนโยบายเรียกความเชื่อมั่นและเรียกศรัทธากลับคืนมาให้นักลงทุน จากนี้ไปนอกเหนือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแล้ว นักลงทุนเองก็เป็นฟันเฟืองหนึ่งที่สำคัญที่จะดูแลตัวเองด้วย”

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ภารกิจใหม่สมาคม TIA ฟ้องคดีกลุ่ม จัดตั้ง “ศูนย์ช่วยเหลือผู้ลงทุนหุ้นไทย”

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...