คอลัมน์ เล่าเรื่องหนัง : ‘Borgen’ กรณีศึกษาการเมืองในเดนมาร์ก
คอลัมน์ เล่าเรื่องหนัง : ‘Borgen’ กรณีศึกษาการเมืองในเดนมาร์ก
Borgen – การเมืองไทยกำลังกลับมาร้อนแรง…สัปดาห์นี้อยากจะแนะนำซีรีส์การเมืองเรื่องหนึ่ง…
“Borgen” ซีรีส์การเมืองสัญชาติเดนมาร์ก ฟังแบบนี้อาจจะรู้สึกว่าการเมืองของประเทศในแถบยุโรปเหนือนี้ช่างห่างไกลตัวเราเสียเหลือเกิน แต่จริงๆ แล้วก็มีบางอย่างคล้ายคลึงกันอยู่ในแง่ที่เดนมาร์กเป็นประเทศในกลุ่มที่ปกครองด้วยระบอบพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และได้รับการยกย่องว่าเป็นระบอบที่มีเสถียรภาพ ความมั่นคงและมีความเป็นประชาธิปไตยสูง
ประเทศที่มีประชากร 5.8 ล้านคนนี้อยู่ในดัชนีประเทศที่มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่ดีในระดับต้นๆ ของโลก ฟังแบบนี้ยิ่งทำให้อยากรู้ว่าแล้วซีรีส์การเมืองเดนมาร์กจะทำออกมาได้น่าสนใจขนาดไหน ก็ต้องบอกว่า Borgen เป็นซีรีส์ฮิตในช่วงเวลาที่ออกอากาศ นั่นคือช่วงปี 2010-2013 นอกจากเป็นซีรีส์ยอดนิยมของเดนมาร์กขณะนั้นแล้ว ตัวซีรีส์ยังถูกพูดถึงในเชิงยกย่องชื่นชมจากนักวิจารณ์ และยังฮิตในสหราชอาณาจักรด้วย
เท่านั้นไม่พอ แม้แต่เจ้าพ่อนิยายเขย่าขวัญ “สตีเฟ่น คิง” ยังเลือก Borgen เป็น 1 ใน 10 ละครเรื่องโปรดของเขาประจำปี 2012 ส่วนใครที่อยากดูก็สามารถเปิดดูได้บนเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งตัวซีรีส์มีทั้งหมด 3 ซีซั่น และจะมีซีซั่นที่ 4 ในปี 2022 โดยเน็ตฟลิกซ์ลงทุนให้ทีมงานสร้างชุดดั้งเดิมของซีรีส์ พร้อมนักแสดงหลักกลับมาร่วมงานกันต่อ แต่กว่าจะได้ดู Borgen ซีซั่น 4 ก็คือปี 2022
การันตีกันมาขนาดนี้เราลองมาคุยถึงเนื้อใน Borgen กันบ้าง เริ่มกันตั้งแต่ชื่อเรื่อง Borgen ในภาษาเดนมาร์ก มีความหมายว่า “The Castle” หรือปราสาท ซึ่ง Borgen เป็นคำย่อของการเรียกขานถึง “Christiansborg Palace” ซึ่งก็คือสถานที่สำคัญทางการเมืองที่ภายในเป็นทั้งเป็นทำเนียบรัฐบาลที่ทำการของนายกรัฐมนตรี รัฐสภา และศาลสูงของเดนมาร์ก
เรื่องราวของ Borgen ก็จะวนเวียนอยู่ใน Christiansborg Palace เพราะซีรีส์เล่าถึง ตัวละครหลัก “บิกิตเต้ นูบอร์ก” นักการเมืองจากพรรคสายกลาง ที่ทวนกระแสชนะเลือกตั้งขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของเดนมาร์ก และร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคแรงงานและพรรคฝ่ายซ้ายได้สำเร็จ โดยมีพรรคอนุรักษ์ฝ่ายขวาเป็นฝ่ายค้าน
โดยก่อนจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงได้นั้นซีรีส์จะปูเรื่องให้เรารู้จักคาแร็กเตอร์ของ “บิกิตเต้” ให้เราเห็นว่าเป็นนักการเมืองในอุดมคติระดับหนึ่ง เพราะเธอไม่นิยมเล่นตามเกมบลั๊ฟ หรือฉวยโอกาส เป็นนักการเมืองที่พยายามจะทำสิ่งใหม่ๆ ฟังดูชวนฝันขายอุดมการณ์ที่สวนทางการเมืองแบบที่เราคุ้นเคย แต่ซีรีส์เรื่องนี้มีวิธีเล่าและเขียนบทที่ทำให้เรามองเชิงบวกหรือมีทัศนคติในแง่ดีกับโลกการเมืองได้ และเชื่อว่ามันจะเป็นได้ถ้าเรามีระบบและคนที่มีคุณภาพ
ฟังดูอาจจะไกลตัวจากประเทศไทยไปอีก แต่จุดที่อยากให้ดูกันจริงๆ ในซีรีส์เรื่องนี้คือ สภาพการเมืองในเดนมาร์กนั้นมีความน่าสนใจหลายมิติ เริ่มตั้งแต่ความหลากหลายของนักการเมือง ทั้งนักการเมืองที่เป็นคนรุ่นใหม่ ผสมกับนักการเมืองรุ่นลายคราม คาแร็กเตอร์ต่างๆ ที่ถ้ามาเทียบกับบ้านเราก็เรียกว่าการเมืองบ้านเขา “ล้ำหน้า” และเคารพความหลากหลายกว่ามาก เรื่อยไปถึงความหลากหลายของอุดมการณ์ทางการเมือง แต่ยังทำงานการเมืองในระบบเดียวกันได้ ด้วยการบาลานซ์ความขัดแย้งกันไปเรื่อยๆ
ดู “Borgen” จบ จะยิ่งน่าศึกษาว่าการเมืองและประชาธิปไตยในเดนมาร์กนั้นน่าสนใจอย่างไร เพราะเดนมาร์กถือเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็น “ต้นแบบ” สำหรับการพัฒนาสถาบันทางการเมือง หรือ Model for Development โดยมีงานเขียนเชิงวิชาการในโลกตะวันตกเคยพูดถึงระบบสถาบันการเมืองเดนมาร์กว่า เป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยสูง มีความมั่นคง มีธรรมาภิบาล คอร์รัปชั่นต่ำ และมีสถาบันการเมืองที่มีความสมดุล นอกจากนี้ ยังขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ส่งเสริมมาตรฐานและค่านิยมที่สำคัญ ทั้งประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และสิ่งแวดล้อม
ที่ว่ามาคือมุมมองของนักวิชาการที่มีต่อระบบการเมืองและสถาบันการเมืองของเดนมาร์ก อย่างไรก็ตาม ในโลกแห่งละคร ถ้าซีรีส์การเมืองจะมาเล่าเรื่องแนวสวยๆ ความเป็นซีรีส์การเมืองก็คงจะไม่สนุก ไม่เข้มข้น เพราะขึ้นชื่อว่าการเมืองคือเกมแห่งอำนาจ การต่อรอง และการรักษาผลประโยชน์ของแต่ละกลุ่มเหล่าในสังคม ไปจนถึงความเชื่อของอุดมการณ์ทางการเมืองคนละรูปแบบ
ใน Borgen จึงดีไซน์ให้เรื่องราวทั้งบวกทั้งลบมาโคจรเข้าด้วยกัน โดยตัวละครนายกรัฐมนตรีหญิง “บิกิตเต้ นูบอร์ก” ที่ดูเหมือนจะโลกสวยไร้เดียงสาทางการเมือง มาทำงานการเมืองด้วยอุดมการณ์ เมื่อมานั่งหัวโต๊ะคุมทุกอย่างแล้ว หลายเรื่องก็ท้าทายจุดยืนของตัวเอง ต้องเรียนรู้ที่จะบลั๊ฟ และแบล๊กเมล์เพื่อต่อรองในบางประเด็น การเรียนรู้ชีวิตนายกรัฐมนตรีในโลกการเมืองจริงจึงทำให้นักอุดมการณ์อย่าง “บิกิตเต้” เอง ก็ต้องย้อนกลับมาคิดถึงการตัดสินใจของเธอหลายครั้งก็ต้องทำเพื่อรักษาสมดุลบางอย่าง แม้จะขัดใจคนใกล้ตัว หรือขัดกับหลักการของตัวเอง และหลายครั้งก็เผลอไผลไปกับการรักษาเก้าอี้จนกลายเป็นคนละคนกับจุดเริ่มต้นในบางห้วงเวลา
ในเรื่องเราจะได้เห็นความพยายามที่นายกรัฐมนตรีหญิงจะประคองให้พรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันพากันบริหารประเทศให้ลุล่วง ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตต่างๆ ที่จะมีเข้ามาให้ดูกันในแต่ละตอน ทั้งวิกฤตระดับประเทศ เช่น นโยบายต่างๆ ที่ล่อแหลม เรื่อยไปถึงปัญหาจุดยืนของพรรคการเมือง ข่าวฉาวต่างๆ ในโลกการเมือง และวิกฤตระดับครัวเรือนของชีวิตครอบครัวนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันที่น่าสนใจคือ การมองถึงบทบาทสื่อมวลชนในซีรีส์เรื่องนี้ ที่ตั้งคำถามไม่เพียงแค่คำถามมาตรฐานอย่าง “จริยธรรมสื่อ” แต่ยังตั้งคำถามเชิง ปรัชญาว่าสื่อควรจะตีข่าวบางข่าวหรือไม่หากแม้ว่าข่าวชิ้นนั้นจะอยู่ในมาตรฐานข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนชั้นดี แต่ข้อมูลความจริงนั้นหากนำเสนอออกไปอาจทำให้ภาพใหญ่ของความพยายามแก้ปัญหาทั้งระบบเสียหาย และสุดท้ายก็จะทำให้ความขัดแย้งนั้นยังคงดำรงอยู่ต่อไป
“Borgen” คือซีรีส์การเมือง ที่ทำให้คนดูเห็นว่าโลกของการสร้างสมดุลทางการเมืองก็อาจจะเป็นจริงได้บ้าง (บางครั้ง) กระนั้นบางคนอาจรู้สึกว่า เรื่องราวการเมืองในซีรีส์เรื่องนี้เป็นเพียงของหวานแสนอร่อยบนโต๊ะดินเนอร์ เพราะใครที่ชื่นชอบซีรีส์การเมืองแบบฮาร์ดคอร์ อาจจะรู้สึกว่า “Borgen” นั้นนุ่มนิ่มเกินไป ไม่สามารถเทียบความโหดให้กับซีรีส์ดังอย่าง “House of Cards” ที่เหมือนอาหารเมนคอร์สชุดใหญ่จัดหนัก ที่พูดถึงการเมืองอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะมิติ “นักการเมือง” และ “เกมการเมือง” แต่โดยรวมอยากแนะนำให้ชม “Borgen” กัน
เพราะซีรีส์เดนมาร์กเรื่องนี้พูดถึงการเมืองในมิติสร้างสรรค์ได้น่าติดตาม รวมทั้งตัวเรื่องยังผูกโยงกับประเด็นการเมืองร่วมสมัยที่ดูแล้วก็ใช้สำรวจการเมืองไทยได้ในระดับหนึ่ง