ชีวิตของเราในแต่ละช่วงเวลา ล้วนเป็นผลผลิตที่ประกอบขึ้นจากทุกการตัดสินใจของตัวเราเองเสมอ ปัจจัยหลักที่ทำให้เราเป็นยังไง ส่วนใหญ่มาจากตัวเราแทบทั้งนั้น แต่โดยส่วนใหญ่ มนุษย์เรามักมีเกราะกำบังทางจิตใจป้องกันความรู้สึกผิดด้วยกันทั้งนั้น เรามักมีแนวโน้มโทษสิ่งอื่นหรือคนอื่นก่อนที่จะพิจารณาตัวเอง
จึงมีคนเคยบอกไว้ว่า เวลาเราชี้นิ้วออกไปหาคนอื่นแล้วพูดว่า
“เพราะเธอนั่นแหละ ทำให้ฉันเป็นแบบนี้”
“เพราะพวกแกไง ชีวิตฉันถึงได้แย่อยู่ทุกวันนี้”
ในขณะที่มีหนึ่งนิ้วที่ชี้ออกไปหาคนอื่นนั้น อีกสี่นิ้วนั้นกำลังชี้วกกลับเข้ามาหาตัวเอง โดยไม่รู้ตัว
ไม่ว่าใครจะทำอะไรกับเรา ทำดีกับเรา ให้โอกาสเรา กลั่นแกล้งเรา ด่าเรา ใส่ร้ายเรา ทอดทิ้งเรา ยังไงก็ตาม พวกนี้คือปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้ แต่ปัจจัยภายในคือส่วนที่สำคัญที่สุด และมีผลต่อชีวิตตัวเราเองมากที่สุด มันคือนิ้วอีกสี่นิ้วนั่นแหละที่ชี้เข้าหาตัวเรา เพราะสุดท้ายแล้ว เราคือคนที่ตัดสินใจว่าจะเลือกตอบสนองต่อสิ่งที่เข้ามาหาชีวิตเราอย่างไร
ชีวิตเราล้วนต้องเลือกเสมอครับ และเรารับผิดชอบกับผลที่เราเลือกเองทั้งนั้น
พูดมาถึงตรงนี้ บางคนอาจจะบอกว่า “ฮัลโหลววว บางเรื่องก็ไม่ได้เลือกนะ มันเสือกมาเอง” (ขอโทษที่ใช้คำไม่สุภาพ พอดีมันคล้องจองกัน)
สมมติว่า มีคนหนึ่งถือแก้วน้ำไว้ในมือ แล้วมีใครสักคนเดินผ่านมา ไม่ระวัง เดินมาชนเขา ทำให้แก้วน้ำนั้นหกตกแตก เราลองมาดูกันว่า จะมีความเป็นไปได้สักกี่อย่างที่อาจจะเกิดขึ้นได้บ้าง
คนหนึ่งอาจจะด่าคนที่เดินมาชน ไม่ดูตาม้าตาเรือ พอด่าไป อีกฝ่ายก็ด่ากลับเป็นเรื่องเป็นราว
คนหนึ่งอาจจะบ่น หงุดหงิด อารมณ์เสีย ซวยจริง ๆ ยืนอยู่ดี ๆ ก็โดนชนแก้วแตก บ่นจนหงุดหงิด ไม่เป็นอันทำการทำงานอะไรต่อ
คนหนึ่งอาจจะก้มลงเก็บ ไม่เป็นไร ช่างมัน ไม่พอใจบ้าง แต่ก็ควบคุมอารมณ์ รู้ว่าเป็นอุบัติเหตุ
คนหนึ่งมองดูรอบ ๆ ว่ามีใครเจ็บด้วยไหม แก้วกระเด็นไปโดนใคร ช่วยเก็บแก้ว คนที่เดินมาชนบอกขอโทษ ก็ให้อภัย ไม่เป็นไร แม่บ้านมาช่วยเก็บเศษแก้ว ก็ขอบคุณเขา
มีความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นจากการเลือกตัดสินใจว่าจะตอบสนองต่อเรื่องที่เข้ามาในชีวิตเราได้หลายทางเลือก
ใช่..ตอนที่เขาเดินมาชนเรา เราไม่ได้เลือก มันเกิดขึ้นเอง แต่หลังจากที่มีเรื่องเกิดขึ้นกับเรา และกระทบจิตใจเรานั่นแหละ จากนั้นเป็นส่วนที่เราเลือกเองว่าจะให้เหตุการณ์นั้น มีผลต่อจิตใจเรายังไง มีผลต่อชีวิตเรายังไงต่อไป
ทุกวันนี้หลายคน คงเห็นเหตุการณ์บนโลกโซเชียลหลายกรณีที่เกิดขึ้นกับบางคน แล้วคิดในใจว่า “ไม่น่าเลย” เช่น ขับรถแซงกันในที่คับขัน บีบแตร แล้วอีกฝ่ายไม่พอใจ ลงมาหาเรื่องกันเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต แล้วปรากฎออกมาในคลิปหน้ารถที่ถูกอัพโหลดให้คนเห็นกันทั้งประเทศ สุดท้ายต้องมายกมือไหว้ขอโทษออกสื่อ แล้วก็จบที่บางคนต้องเสียเงินค่าปรับ ชดใช้ โดนคดี ไปถึงติดคุก
“ไม่น่าเลย” ถ้าตอนนั้นใจเย็นกว่านี้ คงไม่กลายเป็นแบบนี้
ชีวิตของเรา เราเลือกเองครับ ว่าจะตอบสนองต่อเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไร
บางที ที่ทุกวันนี้เราไม่มีความสุขกับชีวิตมากเท่าไหร่ เพราะเราเอาแต่คิดว่า ที่เราเป็นอย่างนี้ เพราะคนนั้นทำ คนนี้เป็นต้นเหตุ ประเทศมันเป็นแบบนี้ บ้านเมืองมันเป็นแบบนี้ คนเห็นแก่ตัวมันทำกับเราแบบนี้ จนเราลืมไปว่า เรายังเลือกได้อยู่นะ ว่าเราจะตอบสนองต่อเรื่องที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรายังไง จะด่า จะบ่น หรือจะก้มลงไปเก็บเศษแก้วแล้วทำความสะอาดให้ดี ให้อภัยคนที่ทำผิดกับเรา ใจเราจะได้ไม่ขุ่นเคือง แล้วเอาพลังงานของการโทษสิ่งต่าง ๆ ไปแก้ไขปัญหา ที่มันเป็นการลงมือแก้ไขจริง ๆ เพื่อสุดท้ายเราจะได้ไม่ต้องพูดกับตัวเองว่า “ไม่น่าเลย” ไม่น่ามาเสียเวลาเสียใจ โทษใคร โกรธเกลียดเขา ผูกใจเจ็บ จนใจเศร้าหมอง ชีวิตไม่มีความสุข จมอยู่กับเรื่องที่มันผ่านมาแล้ว จนชีวิตไม่ก้าวต่อไป
เพราะชีวิตเราเลือกได้ครับ ต่อให้เป็นสิ่งที่เราไม่ได้เลือกเองในตอนแรก แต่เราก็ยังเลือกได้เสมอว่าเราจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร
ติดตามบทความจากบอร์นเก้าสาม (เพจเท่าที่รู้) ได้ทุกวันศุกร์ที่ 1 และ 3 ของทุกเดือน บน LINE TODAY เท่านั้น
ความเห็น 6
โทษตัวเราก่อน สังคมเราทุกวันนี้ จะไว้ใจใครได้ ครอบครัวเดียวกันยังทำกันได้ นี่แหละ โทสะ โมหะ โลภะ สามอย่างนี้ถ้าเว้นได้ ไม่มีเรื่องครับผม
18 ต.ค. 2562 เวลา 08.55 น.
.~★☆ PikaPiPi ☆★~.
ก็เข้าใจนะ
แต่ถ้าบางคน โดนชนแก้ว ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
จนเขาไม่สามารถกินน้ำแก้วแรกที่ถืออยู่ในมือได้
เขาต้องทำอย่างไร?...
18 ต.ค. 2562 เวลา 08.14 น.
ฝึกสติ สมาธิกันไว้เถิด เอาไว้คุ้มครองตัว บางเรื่อง อย่างบทความว่า แค่มีสติยับยั้งชั่งใจในตอนแรก ก็จะไม่ต้องเดือดร้อนกันในระยะยาวแล้ว
18 ต.ค. 2562 เวลา 09.28 น.
การพิจรณาให้รอบครอบคือสิ่งหนึ่งที่ช่วยในการตัดสินใจได้ดีที่สุด.
18 ต.ค. 2562 เวลา 05.00 น.
Ae456💰🗝️
บทความดีมากค่ะ😊
16 พ.ย. 2562 เวลา 02.00 น.
ดูทั้งหมด