โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

แบงก์ชาติเปิดตัว ‘หมอหนี้เพื่อประชาชน’ ให้คำปรึกษาลูกหนี้รายย่อย-เอสเอ็มอี ครบวงจร

MATICHON ONLINE

อัพเดต 30 ส.ค. 2564 เวลา 11.23 น. • เผยแพร่ 30 ส.ค. 2564 เวลา 11.23 น.

แบงก์ชาติเปิดตัว ‘หมอหนี้เพื่อประชาชน’ ให้คำปรึกษาลูกหนี้รายย่อย-เอสเอ็มอี ครบวงจร

นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ร่วมกับกระทรวงการคลัง บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และสมาคมธนาคารไทย เปิดตัว ‘โครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน’ อย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นช่องทางในการให้คำแนะนำ ความรู้ และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างครบวงจรแก่ลูกหนี้รายย่อยและธุรกิจเอสเอ็มอี

นางธัญญนิตย์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ธปท. นำร่องโครงการหมอหนี้เพื่อประชาชนมาตั้งแต่ต้นปี 2564 ซึ่งล่าสุด ณ เดือน ก.ค.2564 มีลูกหนี้เข้าร่วมโครงการแล้ว 940 ราย โดยทั้งหมดเป็นธุรกิจเอสเอ็มอี ในสาขาการค้า เช่น เครื่องเงิน รถบรรทุก อาหาร วัสดุก่อสร้าง เป็นต้น ,สาขาการบริการ เช่น ขนส่งผู้โดยสาร ท่องเที่ยว โรงแรม นวด เป็นต้น และสาขาการผลิต เช่น รถแทรกเตอร์ และโรงงานผลิตอาหาร เป็นต้น

ส่วนการดำเนินการระยะต่อไป ธปท.จะประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนให้ช่วยประชาสัมพันธ์โครงการให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้าง การนำแชทบอทมาช่วยตอบคำถามลูกหนี้ ซึ่งจะเริ่มได้ในช่วงปลายปีนี้ หากลูกหนี้รายย่อย และลูกหนี้เอสเอ็มอี เห็นว่ายังต้องการได้รับคำปรึกษาจากหมอหนี้ ก็สามารถลงทะเบียนเข้ามาขอรับคำปรึกษาได้ และจะแจ้งผลการนัดหมอหนี้ภายใน 5 วัน

“ลูกหนี้รายย่อยและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จะได้รับความรู้และความเข้าใจในการแก้ไขปัญหาหนี้ ได้แก่ วิธีการเตรียมข้อมูลสำหรับเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ อาทิ การจัดทำแผนธุรกิจ ข้อมูลทรัพย์สินและหนี้สิน ข้อมูลรายรับรายจ่าย เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ความสามารถในการชำระหนี้ รวมทั้งแนวทางการพูดคุยกับเจ้าหนี้ ตลอดจนข้อมูลมาตรการช่วยเหลือของสถาบันการเงินต่างๆที่เหมาะสมกับตนเอง” นางธัญญนิตย์ กล่าว

นางธัญญนิตย์ กล่าวว่า สำหรับความพิเศษของโครงการหมอหนี้ฯ คือ ลูกหนี้ที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สามารถติดต่อขอคำแนะนำเชิงลึกเพิ่มเติมจากทีมหมอหนี้ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs บสย. (บสย. FA Center) สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และสมาคมธนาคารไทย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งขณะนี้มีทีมหมอหนี้ที่จะให้คำปรึกษาแก่ลูกหนี้เอสเอ็มอีเป็นการเฉพาะกว่า 200 คน

ขณะเดียวกัน นางวสุกานต์ วิศาลสวัสดิ์ รองผู้จัดการทั่วไปอาวุโส สายงานการเงิน รักษาการผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวว่า บสย. F.A. Center มีทีมที่ปรึกษาทางการเงินที่มีประสบการณ์สูง และคร่ำหวอดในแวดวงการเงินการธนาคารมานานกว่า 30 ปี ซึ่งล้วนแต่เป็นอดีตผู้บริหารระดับสูงจากสถาบันการเงินชั้นนำ ที่พร้อมให้บริการปรึกษาเชิงลึกในโครงการหมอหนี้เพื่อประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทุกประเภทธุรกิจ ทุกสถาบันการเงิน ที่กำลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 ทั้งเรื่องการกู้เงิน การปรับโครงสร้างหนี้ การแก้โจทย์ธุรกิจ เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืน

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะประธานกรรมการ สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ กล่าวว่า สถาบันการเงินของรัฐทั้ง 8 แห่ง พร้อมให้ความร่วมมือกับ ธปท. ในการส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากแต่ละสถาบันการเงินของรัฐเข้าร่วมทีมหมอหนี้เพื่อประชาชน เพื่อให้คำปรึกษา แนะนำแนวทาง รวมถึงให้ข้อมูลการแก้ไขปัญหาหนี้ในรูปแบบต่าง ๆ แก่ลูกหนี้ทุกรายอย่างเต็มที่ เพื่อมุ่งช่วยเหลือประชาชน และกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 ให้สามารถแก้ไขปัญหาหนี้ด้วยวิธีที่ถูกต้อง ไม่กลายเป็นหนี้เสีย (NPL) หรือช่วยให้ลูกหนี้ NPL ที่มีการค้างชำระหนี้ สามารถกลับมาผ่อนชำระได้ตามปกติต่อไป

ขณะที่ นายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า สมาคมธนาคารไทยได้ส่งบุคลากรผู้เชี่ยวชาญร่วมให้คำปรึกษาการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างครบวงจรในโครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน ตั้งแต่การประเมินและสำรวจภาระหนี้ การเตรียมตัวเจรจาแก้ไขหนี้ การวางแผนชำระคืนหนี้ รวมถึงแนวทางการปรับตัวในอนาคต เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและรายย่อย โดยจะเริ่มจากลูกค้าของแต่ละธนาคาร ซึ่งนับเป็นหนึ่งในการช่วยเหลือของภาคธนาคารนอกจากมาตรการทางการเงินต่าง ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อบรรเทาภาระหนี้สินของลูกหนี้

ปัจจุบันมีสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน 13 แห่ง ประกอบด้วย 1.บสย. 2.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 3.ธนาคารออมสิน 4.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 5.ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 6.ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 7.ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย 8.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 9.ธนาคารยูโอบี 10.ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย 11.ธนาคารกสิกรไทย 12.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ 13.ธนาคารกรุงเทพ ขณะที่ธนาคารพาณิชย์อื่นๆ อยู่ระหว่างทยอยเข้าร่วมโครงการฯ

สำหรับลูกหนี้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับคำปรึกษากับหมอหนี้ ผ่านเว็บไซต์โครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน (www.bot.or.th/app/doctordebt/) ซึ่งจะมีคำแนะนำในการแก้ปัญหาหนี้รายย่อย หนี้ธุรกิจเอสเอ็มอี และข้อแนะนำในการเพิ่มรายได้ของธุรกิจ หรือลูกหนี้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) โทร 1213 ธปท. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพ และสำนักงานภาคของ ธปท. ทั้ง 3 แห่ง ที่เชียงใหม่ ขอนแก่น และสงขลา

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...