ข้อมูลเบื้องต้น
เด็กหนุ่มสามัญชนคนธรรมดา ในหมู่บ้านที่ขาดแคลนเสบียงอาหาร จึงอาสา เข้าไปผจญภัยภายใน มิติ ลับ เพื่อหาสมุนไพรมาขายแลกเปลี่ยน เสบียงอาหารให้คนในหมู่บ้าน จนเขา ได้ประสบพบเจอ สมุนไพร ระดับ จักรพรรดิ ที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิต ของเขาไปอย่างสิ้นเชิง
***** นิยายเขียนโดย คนไทย ช่วงแรกๆ อาจยังมีข้อผิด พลาดอยู่มาก เนื่องด้วยเป็นมือใหม่ ค่อยๆปรับไปตามการเวลาของผู้เขียน ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนผลงาน ลงหนึ่งตอนเป็นอย่างต่ำต่อวัน
ลงครั้งแรก 22/12/2565 ****
ระดับขั้นพลัง
1ขั้นเปิดชีพจร ต้น-กลาง-ปลาย
2ขั้นสร้างรากฐาน ต้น-กลาง-ปลาย
3ขั้นรวมลมปราณ ต้น-กลาง-ปลาย
4ขั้นก่อกำเนิด ต้น-กลาง-ปลาย 10ประตูวิถี
5ขั้นนภา ต้น-กลาง-ปลาย
6ขั้นวีรชน ต้น-กลาง-ปลาย
7ขั้นกษัตริย์ ต้น-กลาง-ปลาย
8ขั้นเทวะ ต้น-กลาง-ปลาย
9ขั้นครึ่งก้าวขั้นเทพสวรรค์ กลืนกินไฟเทพ
10ขั้นเทพสวรรค์ ต้น-กลาง-ปลาย
11ขั้นครึ่งก้าวเซียนสวรรค์
12ขั้นเซียนสวรรค์ ต้น-กลาง-ปลาย
13ขั้นครึ่งก้าวราชันย์สวรรค์
14ขั้นราชันย์สวรรค์ ต้น-กลาง-ปลาย
15ขั้นครึ่งก้าวขั้นจักรพรรดิ
16ขั้นจักรพรรดิ ต้น-กลาง-ปลาย
17ขั้นเจ้าปรมายุทธ
************************************************************
ดินแดนเบื้องล่าง
โอสถ ระดับ สามัญ ศักดิ์สิทธิ์ จักรพรรดิ
วิชา ระดับ สามัญ ศักดิ์สิทธิ์ จักรพรรดิ
สมุนไพร ระดับ สามัญ ศักดิ์สิทธิ์ จักรพรรดิ
อาวุธ ระดับ สามัญ ศักดิ์สิทธิ์ จักรพรรดิ
เงินตรา ทองแดง เงิน ทอง หินวิญญาณ หินเซียน
***********************************************************
ดินแดนเทพ โอสถ 1-9
ขั้นกายา กายาสามัญ กายาทองแดง กายาทองคำ กายาศักดิ์สิทธิ์ กายาอมตะ กายาเซียน กายานิรันดร์
ระดับปราณจิต ผู้ยิดมั่น ผู้ถือมั่น หลอมรวมดวงวิญญาณ หลอมรวมปฐพี ผู้ไม่ดับสูญ
ระดับอาวุธ กับระดับสมุนไพร ดินแดนเทพ ระดับสามัญ ระดับศักดิ์สิทธิ์ ระดับเทพ ระดับเซียน ระดับจักรพรรดิ
บทที่1 ออกจากหมู่บ้าน แก้ไข
ณ ดินแดน 5 อาณาจักร
ภายในอาณาจักรเพลิง เป็นหนึ่งใน 5 อาณาจักร ที่กว้างใหญ่ไพศาล เป็นเพียงอาณาจักร 1 ใน 5 ดินแดน 5 อาณาจักร เท่านั้น
แต่ยามนี้ อาณาจักรเพลิง แห่งหุบเขาเพลิง ได้มี มิติลับได้เปิดขึ้น เป็นมิติแยกตัวที่ไม่รู้ว่าจะเปิดเมื่อไหร่ ผู้คนไม่สามารถคาดเดาได้ แต่ในยามนี้มันกับเปิดขึ้นเสียดื้อๆ ภายในมีของล้ำค่ามากมาย
ครั้นเมื่อ จอมยุทธ์หลายๆ คน รับรู้ข่าวว่า มิติรับถูกเปิด พวกเขาต่างพากันมาเยือนยังหุบเขาเพลิง ข่าวสารแพร่กระจายออกไปดั่งรองเท้าติดปีก อาณาจักรเพลิง ครึกครื้นอย่างมากดั่งงานเทศกาล ทุกครั้งที่ มิติลับเปิดภายในเต็มไปด้วย สมบัติล้ำค่า อาวุธต่างๆ สมุนไพร หรือแม้กระทั่งวิชาสืบทอดสมัยโบราณ ผู้คนจึงหลั่งไหลมาเยือนยัง มิติลับ แห่งนี้
แม้แต่สำนักน้อยใหญ่ก็ไม่เว้น พวกเขาหมายมั่น จะเข้าไปสำรวจภายในมิติลับแห่งนี้ หุบเขาเพลิงจึงเต็มไปด้วยอนุชนสำนักต่างๆ แม้แต่จอมยุทธไร้สังกัด ยังมารวมตัวกันยังพื้นที่แห่งนี้ ถึง มิติ ลับแห่งนี้จะไม่เสถียร ให้เหล่าจอมยุทธ์ระดับสูงเข้าไปก็ตาม พวกเขาก็หมายมั่นอยากได้ของล้ำค่ากันแทบทั้งสิ้น
ทว่าเมื่อข่าว แพร่สะพัดออกไป สามัญชนที่อดอยากเองก็มีร่วมร้อยคน ที่มาแสวงโชค กับมิติลับแห่งนี้ หากได้ของล้ำค่ามาสักชิ้น พวกเขาอาจจะเปลี่ยนชะตาชีวิตของพวกเขาไปเลยก็ได้ แม้แต่ความอดอยาก ก็อาจจะถูกบรรเทา มิติลับ แห่งนี้ จึงเป็นเป้าหมายของสามัญชนผู้หิวโหย ผู้ไม่หวาดกลัวต่อความตาย
หลายๆ สำนักต่างพาอนุชนในสำนัก มาขัดเกลาฝีมือฝึกปรือภายใน มิติลับ แห่งนี้เช่นกัน หมายมั่นจะให้พวกเขาได้รับประสบการณ์ ราวกับปลาที่แหวกว่ายในน้ำรอคอยวันที่จะเติบใหญ่ ในภายภาคหน้า ของล้ำค่าภายในมิติลับเองก็ยั่วยวนใจพวกเขาไม่น้อย ถึงจะมีความเสี่ยงไม่น้อยก็ตาม
เหล่าชาวบ้านเองก็คิดเช่นนั้น ขอเพียงพวกเขาได้ สมุนไพรซักต้นก็ทำให้พวกเขา มีกินมีใช้ ไปอีกหลายปี คนพวกนี้หวังเพียงมีชีวิตรอดพ้นไปวันๆ ภายใน ดินแดนที่แร้นแค้นและยากจน แห่งนี้เท่านั้น ไร้ซึ่งจุดหมายปลายทาง
ภายในหมู่บ้านลมหวน ไม่ห่างจากหุบเขาเพลิงมากนัก ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขา น้อยใหญ่สลับซับซ้อน เต็มไปด้วยเสียงลมที่หวีดหวิว
อี้เฉิน เด็กน้อยอายุ 13ปี ใบหน้าขาวเปรอะเปื้อน มอมแมม ครั้นเมื่อมองดี ดี ผิวพรรณดูดีไม่น้อย ใบหน้าเรียวเล็กแฝงด้วยความหล่อเหลาไม่น้อย ถึงร่างจะผอมบางไปบ้างก็ตาม แต่แววตานั้น ดึงดันไม่ยอมแพ้
ครั้นเมื่อเขาได้ยิน ข่าวลือที่แพร่กระจายออกไปทั่วอาณาจักรเพลิง ว่ามีมิติลับถูกเปิดขึ้น เหล่าชาวบ้านเองก็ไปเสี่ยงโชค เพื่อหวังจะให้หมู่บ้านมีกินมีใช้ กันไม่น้อย หนึ่งในนั้น ที่คิดจะไปเสี่ยงโชคยังมิติลับ ก็มีเด็กชายนามว่า อี้เฉินผู้นี้อยู่ด้วย เด็กน้อยครุ่นคิด อยู่หลายตลบหมู่บ้านเองก็ขาดแคลน เสบียงอาหาร ไม่สามารถทำการเกษตร ได้น้ำแห้งแล้งในรอบหลายสิบปี
จึงทำได้เพียงออกไปล่าสัตว์อสูร หาเศษเนื้อมาประทังชีวิตให้คนในหมู่บ้านเท่านั้น ทว่ามันกลับไม่ง่ายดายอย่างที่คิด กลุ่มนักล่า ล้วนตายตกภายในคมเขี้ยวของสัตว์อสูรเป็นว่าเล่น เนื้อตากแห้งแทบหมดหมู่บ้าน หากปล่อยไว้เช่นนี้หมู่บ้านต้องพังพินาศเป็นแน่ เด็กน้อยอายุ 13ปี ที่ไม่รู้วรยุทธ์ นึกคิดอยากออกไปเสี่ยงโชคช่วยหมู่บ้านที่เขาเกิดดู
อี้เฉิน หมายมั่นอย่างแรงกล้า หวังเพียงได้สมุนไพรมาสักต้น ก็อาจจะช่วย หมู่บ้านแห่งนี้ให้รอดพ้น จากวิกฤตไปได้ เขาไม่รอช้า วิ่งออกไปด้วยความคล่องแคล่ว เข้าไปภายในที่พักของผู้นำหมู่บ้านในทันที
ปู่ของเขาที่ เป็นผู้นำหมู่บ้านลมหวนแห่งนี้ ครั้นเขาเห็น เด็กน้อยวิ่งมาด้วยความเร็วจี๋ ใบหน้าเปรอะเปื้อน อดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างออกมา ถึงตัวเขาจะไม่ใช่ปู่แท้ๆ ของเด็กน้อยก็ตาม แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ทว่าเมื่อชายวัยกลางคนได้ยินคำพูดจากเด็กน้อย เขาถึงกับหน้ามืดทะมึน แต่เมื่อเห็นความดื้อรั้นของหลานรัก อดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือนออกมา "เจ้าหนูน้อยเจ้ายังเด็กเกินไปที่จะออกไป ผจญโลกกว้าง มันมีความเสี่ยงมาก ที่เจ้าจะตายที่นั่น เจ้าควรคิดไตร่ตรองให้ดีๆเสียก่อน"
อี้เฉินน้อยครั้นได้ยิน เขาค้านเสียงแข็งในทันที "ท่านปู่ แต่หมู่บ้านเรากำลังขาดแคลนอาหาร ภัยพิบัติเองก็ทำให้ข้าวสารแทบหมดคลังของหมู่บ้าน แถมคนในหมู่บ้านที่ไปล่าสัตว์ก็ถูกสัตว์อสูรในป่า โจมตีกลับมาบาดเจ็บอยู่เสมอทำให้เสบียงอาหารแทบไม่เหลือ ข้าจำเป็นต้องไปจริงๆ ท่านปู่"
เด็กน้อยกล่าวออกมาให้ ชายชราอีกครารับฟัง “ถ้าข้าได้สมุนไพรสักต้นหมู่บ้านจะไม่อดอยาก ไปอีกสักระยะท่านปู่โปรดวางใจ แล้วให้ข้าได้ไปผจญโลกกว้าง ด้วยเถิด”
ครั้นเมื่อชายชราได้ยินเขาอดที่จะส่ายหัวไม่ได้ เมื่อนึกถึงเรื่องในอดีตทีไรเขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกเสียใจ หากจุดตันเถียนเขาไม่บาดเจ็บเสียหาย หมู่บ้านก็คงไม่กลับกลายมาเป็นเช่นนี้ ใบหน้าที่แก่ชรา กลับกลายเป็น แก่ชราลงไปอีกหลายสิบปีในชั่วพริบตา ก่อนบอกกล่าวหลานรักออกไป แววตารู้สึกตัดพ้อตนเองอยู่ไม่น้อย
“เจ้าคิดถี่ถ้วนแล้ว ใช่หรือไม่ อี้เฉินการไปมิติลับ ครานี้ เจ้าอาจไม่ได้กลับมาเจอหน้าปู่ หรือแม้กระทั่งเพื่อนๆ ของเจ้าในวัยเด็ก ข้าจะไม่ห้ามเจ้าอีกต่อไป แต่เจ้าต้องระวังตัวให้ดีไม่ใช่เพียงแค่ในมิติ ลับ นั้นจะอันตราย แม้แต่จอมยุทธพวกนั้น เองก็อาจจะทำร้ายเจ้าได้"
อี้เฉินรับคำปู่ของเขาในทันที "ข้าเข้าใจแล้วท่านปู่ อย่างไรข้าก็จะกลับมา ยังหมู่บ้านแห่งนี้ให้ได้" ก่อนเด็กชายจะยกยิ้มทอประกาย ปล่อยให้ชายชรา ลูบคลำหัวอย่างเบามือ
ชายชรา นำสร้อยคอที่เป็นของหัวหน้ารุ่นก่อน ออกไปให้ อี้เฉินน้อยได้สวมใส่ "เจ้าระวังตัวด้วยข้ามีเพียงสิ่งนี้ที่จะให้เจ้าได้ เอาสร้อยกระดูกนี่ไป มันเหมือนเป็นเครื่องรางที่ปู่ ได้มาจากบรรพบุรุษของหมู่บ้าน หวังว่าเจ้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย"
…เมื่อผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม แปลงกายเบิกโพลงฉิน เขาก็เตรียมสัมภาระของเขาเสร็จสิ้น มาพร้อมกับตะกร้าสะพายหลังใบใหญ่
ทว่าเมื่อ ผู้คนภายในหมู่บ้านรับรู้ ว่าเด็กน้อยคนหนึ่งคิดอยากจะไป ผจญภายใน มิติลับ หมายจะช่วยหมู่บ้านแห่งนี้ให้พ้นจากวิกฤต พวกเขาต่างพากันมาส่งอี้เฉิน ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนๆ ของเขาที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่สมัยวัยเด็ก หลายๆ คนต่างดวงตาแดงก่ำ แต่ก็ไม่กล้าขัดความตั้งใจของเด็กน้อย พวกเขาต่างรู้ดี อี้เฉินนั้นเป็นเด็ก กำพร้า ที่ผู้นำหมู่บ้านรับเลี้ยง ราวกับเป็นลูกของเขาคนหนึ่ง ครั้นเห็นว่าเด็กน้อยผู้นี้ทำเพื่อหมู่บ้าน หลายๆ คนจึงอดไม่ได้ที่จะเสียใจ
"เจ้าต้องกลับมาให้ได้นะอี้เฉิน"เด็กน้อยตัวอ้วนกลม กล่าวออกมา ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนของเขา
เมื่ออี้เฉินโบกมือร่ำลา เสร็จสิ้น ก็ออกเดินทางไปเพียงลำพัง แววตาเต็มไปด้วยความยึดมั่นถือมั่นไม่น้อย การไปครั้งนี้มีความเสี่ยงที่จะตายสูงมากนัก แม้แต่ผู้เฒ่าชรา บางคนยังถอนหายใจออกมายาว ไม่คิดพวกเขาจะต้องมากลบฝังเด็กรุ่นหลังเฉกเช่นนี้ มองว่าเด็กน้อยแทบไม่มีโอกาสรอด
…มิติลับที่เปิดอยู่ใกล้มากกับที่หมู่บ้านลมหวนของเขา เพียง อี้เฉิน ใช้เวลาเพียง 7 วันก็ สามารถเดินเท้า มาถึงที่เขตหุบเขาเพลิงได้ด้วยตัวคนเดียว ในยามนี้หุบเขาเพลิงครึกครื้นเป็นอย่างมาก เหล่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์อายุ13-15เดินกันขวักไขว่ มีแม้กระทั่ง จอมยุทธ์ของอาณาจักรลม อาณาจักรดิน อาณาจักรสายฟ้า อาณาจักรธารน้ำ เข้ามาร่วมสำรวจอย่างไม่มีปิดบัง
มิติลับแห่งนี้ พวกเขาหลายคนหมายมั่นอยากได้ของมีค่าภายใน กันไม่น้อย แม้แต่สามัญชนเองก็ไม่ใช่น้อย ที่หลั่งไหลเข้ามาภายในหุบเขาเพลิงแห่งนี้ หากโชคดีก็คงได้อะไรติดไว้ติดมือกลับมาบ้าง
สำนักของอาณาจักรเพลิง ก็มีอยู่ด้วยกันหลายสำนัก พวกเขาเองก็ไม่พลาดงานนี้เช่นกัน โดยเฉพาะสำนักเพลิงผลาญเป็นสำนักอันดับ1ของอาณาจักรเพลิง พวกเขาเองก็หวังอยากได้ของล้ำค่า มาไว้ครอบครองด้วยเช่นกัน
ผู้อาวุโสชราส่วนใหญ่ต่างปรึกษาพวกเขาจะให้แต่อนุชนเข้าไปภายในเพื่อฝึกปรือ บวกกับมิติลับแห่งนี้แรงกดดัน
แข็งแกร่งอย่างมากถ้าขั้นพลังที่สูงมากเข้าไปจะถูกมิติลับทำลายร่างจนดับสลาย ผู้อาวุโสชราหลายคนเองไม่อยากเสี่ยงที่จะฝ่าเข้าไป พวกเขาไม่อยากล้อเล่นกับความตายของผู้คน
จอมยุทธส่วนใหญ่ที่เข้าไปสำรวจ มีแต่เหล่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ อายุ 14-16ปี ซะเป็นส่วนใหญ่ พวกเขาต่างลงความคิดว่าจะให้เป็นที่ฝึกฝนของเด็กรุ่นเยาว์ จอมยุทธ์รุ่นเยาว์ เหล่านั้นเองก็จองหองไม่น้อย มองดูถูกผู้อื่น อย่างหยิ่งผยอง ดั่งข้าเป็นหนึ่งไม่มีสอง
สำนักหยกที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันดับ2 และพวกเขารับเฉพาะศิษย์หญิงก็เข้าร่วมสำรวจมิติลับแห่งนี้ เหล่าผู้คนต่างจ้องมองศิษย์ที่นำหน้าของสำนักหยกอายุ15 สวมอาภรณ์สีฟ้าชายกระโปรงพลิ้วไสวใบหน้าโฉมสะคราญงามล่มเมือง ตาโต คิ้วโค้งเป็นคันศร ปากอวบอิ่มได้รูป เหมือนดั่งตุ๊กตากระเบื้อง มีขั้นพลังถึง รวมลมปราณ ถือว่าเป็นอัจฉริยะ รุ่นเยาว์ก็ว่าได้
ผู้คนที่เห็นอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึก "นั้นมัน เมิ่งอี้ไม่ใช่หรือ งดงามตั้งแต่วัยเยาว์"
ไหนจะสำนักมังกร รุ่นเยาว์ที่เดินนำมาก็ดู องอาจ หล่อเหลาทรงพลัง ปราณพลัง กดดันรอบทิศทางแม้แต่สำนัก อาณาจักร อื่นก็มาเข้าร่วม สำนักธารโลหิต สำนักโอสถ สำนักฟ้าคำราม สำนักจันทราสวรรค์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น
จอมยุทธ รุ่นเยาว์หลายคน ล้วนอยู่ขั้นพลัง สร้างรากฐาน ซะเป็นส่วนใหญ่ พวกเขาหลายคนโอหังและ
จองหอง หลายคนพูดคุยกันสนุกสนาน บางคนก็เงียบขรึม แต่สิ่งที่พวกเขาคิดเหมือนๆ กันคือ อยากเข้าไปสำรวจมิติลับใจจะขาด อยากจะรู้ด้านในมีของล้ำค่าอย่างที่หลายๆ คนร่ำลือจริงหรือไม่ มิติลับ ส่วนใหญ่จะอันตรายมาก แต่ก็ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ มากด้วยเหมือนกัน
เหล่าจอมยุทธผู้อาวุโสชราสำนักต่างๆ ที่ทำหน้าที่คุ้มกัน ทางเข้ามิติลับ เปิดปากประกาศกร้าว น้ำเสียงนั้น แพร่กระจายไปด้วยปราณพลัง ประหนึ่งเป็นการบีบบังคับ กลายๆ
"ทุกคนสามารถ เข้าไปค้นหาของล้ำค่าได้ แต่ไม่ให้ขั้นพลังสูงกว่าขั้นรวมลมปราณ ส่วนชาวบ้านหรือยอดยุทธ์ ไร้สำนักหากได้ของล้ำค่ากลับมา ต้องขายให้กับตัวแทนของสำนักทั้งหมด โดยไม่มีข้อยกเว้น"
อี้เฉินที่ได้ยินเขา ตกตะลึงไม่น้อย"มีการค้นตัวด้วยงั้นหรือ" แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไร ถึงอย่างไรเขาก็คิดจะขายนำมาแลกเปลี่ยนเป็นอาหารอยู่แล้ว
ผู้อาวุโสชรา ที่ทำหน้าที่คุมค่ายกลเคลื่อนย้าย กล่าวคำพูดออกมาในทันที หลังจากผู้อาวุโสประกาศเสร็จสิ้น "พวกเจ้าทุกคน อย่างลืม มีเวลา20วันก่อน ที่ผู้อาวุโสชราค่ายกลเคลื่อนย้ายอย่างข้า จะเรียกตัวพวกเจ้ากลับมา เมื่อครบกำหนด"
จอมยุทธที่มีอายุหลายๆ คน ต่างถอนหายใจออกมายาว ไม่คิดว่าพวกเขาจะมาเสียเที่ยว ไม่คิดว่า มิติแห่งนี้จะกลายเป็นสถานที่เที่ยวของเด็กน้อยไปเสียนี่ ทว่าเมื่อเห็นมิติลับไม่เสถียร พวกเขาจึงเก็บคำพูดเหล่านั้นกลับไป
ไม่กี่ชั่วอึดใจ สำนักใหญ่ๆ ต่างทยอยเข้าไปภายใน มิติลับ อี้เฉินที่ เข้าไป ถึงกับตาโตเท่าไข่ห่าน ครั้นเห็นภาพเบื้องหน้าของเขา มันเป็นมิติลับที่กว้างมาก มองออกไปไกล สุดลูกหูลูกตา เหมือนเป็นอีกอาณาจักรหนึ่งเลยก็ว่าได้ สีท้องฟ้าแดงฉาน มีแต่ความร้อนอบอ้าว พสุธาแข็งราวกับหินผา แตกระแหงไม่มีชิ้นดี มองไกลๆ เห็นภูเขาไฟตระหง่าน ไฟ คุกรุ่น ลาวาไหลออกมาเป็นทางยาวหลายสาย ไม่ห่างไกลมากนัก เห็นวังวิหารใหญ่โต ถูกค่ายกลป้องกันปิดล้อมรอบไว้ อย่างดี
อี้เฉินอดไม่ได้ที่จะตาลุกวาว ทุกๆ อย่างภายในนี้ช่างดูแปลกตา สำหรับเด็กน้อยอย่างเขาเสียเหลือเกิน
เหล่าชาวบ้านที่ เห็นต่างถอนหายใจ ครั้นเห็นสภาพพื้นดิน "แล้วอย่างนี้จะเจอสมุนไพร ได้หรือ หญ้าซักต้นยังไม่มีขึ้น"
เหล่า จอมยุทธรุ่นเยาว์ได้ยินก็พากันหัวเราะ “สมุนไพร นะไม่ใช่หัวไชเท้า จะได้กลัวไฟ สมุนไพรบางชนิดถึงกับก่อกำเนิดในลาวาไฟ พวกเจ้านี่ช่างโง่เสียจริง” เด็กชายคนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยความโอหัง
ชายหนุ่มคนหนึ่ง ชี้นิ้วมาที่เหล่าชาวบ้านในทันที “เจ้า เจ้า แล้วก็เจ้า มากับพวกข้า เดียวสำนักเพลิงผลาญ จะพาพวกเจ้าไปหาสมุนไพรเอง"
หนึ่งในคนที่ถูกชี้ก็มี อี้เฉินด้วย ครั้นเมื่ออี้เฉินได้ยิน ดวงตาเขาก็ลุกวาว ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ คนอื่นๆ เองก็เป็นเช่นกัน ตะกร้าที่หลังใบใหญ่เตรียมพร้อมที่จะใส่สมุนไพรเข้าไป
ชายหนุ่มหัวหน้ากลุ่มกล่าวออกมาในทันที "เดินไปคงหมดเวลา20วันพอดี เจ้ามีสายเลือดนกฟ้าใช่หรือไม่ แปลงกายเป็น นกฟ้าโบราณ พาพวกเราเข้าไปบริเวณภูเขาไฟเสีย"
เทียนอิง กล่าวออกมาอีกครั้ง "พวกเจ้าจะยืนบื้ออะไรอยู่ ขึ้นมาได้แล้ว"
กลุ่มชาวบ้านที่ได้ยินตกตะลึงอยู่ไม่น้อย แม้แต่อี้เฉินเองก็เป็นเช่นนั้น ครั้นเมื่อเขาเห็นการแปลงกายเป็นสัตว์อสูร เขาตื่นเต้นและชอบมันเป็นอย่างมาก มองเหล่าจอมยุทธ์พวกนี้ ด้วยความตื่นตะลึงตา เมื่อคิดจะเป็นเฉกเช่นคนพวกนี้ ก็คงจะยากที่จะอาจเอื้อมมัน แม้แต่จุดชีพจรยังไม่ถูกเปิดไร้ซึ่งพรสวรรค์ในการบ่มเพราะ
หลายสำนักต่างๆ ก็ทำเช่นเดียวกัน เพื่อเร่งเดินทาง แต่ส่วนใหญ่จะไปที่วิหารโบราณเพื่อชิง วิชาหรือไม่ก็อาวุธล้ำค่า ที่นั่นดูมีค่ามากที่สุดเหมือนดั่งวังทองใหญ่ยักษ์ หลายคนมุ่งไปที่นั่นเพื่อจะทำลายค่ายกลเข้าไปภายในวังวิหาร
บางสำนัก ถึงกับแปลงกาย เป็นหงส์แดง ถือเป็นสัตว์โบราณ มีแม้กระทั่งมังกรคะนองน้ำ เทาเที่ย กิเลน พวกที่แปลงกายได้ส่วนใหญ่จะต้องมีสายเลือดที่ตรงกับ วิชาแปลงกายของสัตว์ตัวนั้นๆ มีข้อเสียคือ หากคนธรรมดาไม่มีสายเลือด จะไม่สามารถฝึกวิชาแปลงกายเป็นสัตว์อสูรตัวนั้นได้ สายเลือดจึงต้องสอดคล้องกับวิชาที่ฝึกฝน
…ครั้นเมื่อกลุ่มคน สำนักเพลิงผลาญ แปลงกายเป็นนกฟ้า มาถึงสันเขา ภูเขาไฟลูกใหญ่ได้ พวกเขาก็ให้เหล่าชาวบ้านที่พวกเขาพามา 3คนเดินทางหาทางเข้า หนึ่งในนั้นก็คืออี้เฉิน
สำนักเพลิงผลาญ พวกเขากลับไม่คิดช่วยค้นหา ตั้งค่ายนอนตีพุง อย่างสบายใจ ผู้นำรุ่นเยาว์สำนักเพลิงผลาญ เทียนอิง ตัวเขาสั่งให้ กลุ่มของเขาเพียงเฝ้าระวัง แถวนี้มีสัตว์อสูร อยู่ไม่น้อย หากผลีผลาม คงได้กลายเป็นเหยื่อของสัตว์อสูรเหล่านี้เป็นแน่
มีเพียงหมาป่าสีน้ำตาล บางตัวคิดไม่ซื่อ พวกมันหมายมั่นจะขย้ำ พวกที่ตั้งค่าย ดวงตาแดงก่ำ หิวโหย อยากกินเนื้ออัน อ่อนนุ่ม ของเหล่าอนุชนเหล่านั้น ทว่าเมื่อเจอกับจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ ที่เปิดชีพจร สำนักเพลิงผลาญ ก็รับมือได้สบาย ไร้ความเสียหายใดๆ จากหมาป่าสีน้ำตาล เหล่านั้น
“เทียนอิงท่านทำไมต้องเอา พวกชาวบ้านมาด้วยล่ะ แล้วยังจะแบ่ง สมุนไพรให้พวกเขาอีก” เด็กชายกล่าวออกมาด้วยความสงสัย
"ข้าต้องการแค่คนเปิดทางสำรวจ ก็เท่านั้น เพราะเราไม่รู้ข้างหน้าจะมีอะไรอยู่บ้าง เราต้องการให้พวกมัน
เปิดทางให้เรา แล้วสมุนไพรก็ไม่ได้หาเจอกันง่ายๆ พวกเจ้าไม่ต้องเป็นเดือดเป็นร้อนไป" เทียนอิงกล่าวคำพูดออกมาด้วยความเยือกเย็น ผิดวิสัยเด็กอายุ15
ก่อนเขาจะกล่าวคำพูดออกมาอีกครั้งให้คนในกลุ่มรับฟัง "วังวิหารใหญ่ยังไม่เปิดตอนนี้หรอกยังมีค่ายกลคุ้มกันอยู่กว่าค่ายกลจะถูกทำลายคงอีกหลายวัน เราไปหาสมุนไพรก่อน มันจะไม่ดีกว่าหรือ"
เมื่อคนในกลุ่มของพวกเขาได้ยินต่างก็พยักหน้ารับคำในทันที
…ผ่านไป 1 วันเต็ม กว่าที่พวกอี้เฉิน จะหาทางเข้าไปภายในภูเขาไฟได้ เหมือนว่ามันจะเป็นทางเหมืองเก่า ภายในร้อนระอุ ประหนึ่งเตาไฟเผา ครั้นเมื่อกลุ่มสำนักเพลิงผลาญ รับรู้ว่าเหล่าชาวบ้านหา ทางเหมืองเก่าเจอ พวกเขาต่างเอ่ยคำพูดเชยชมไปที่เหล่าชาวบ้านผู้โง่เขลา ไม่มีผู้ใด เอะใจแม้แต่น้อย
พวกเขาหมายมั่นจะพุ่งเข้าไปใจกลางภูเขาไฟ หวังว่าจะเจอของล้ำค่าภายในบ้าง เทียนอิงเอ่ยสั่งการในทันที คิดให้เหล่าชาวบ้าน เปิดเส้นทาง ภายในถ้ำเองก็ค่อนข้างแคบ บางส่วนถึงกับถล่มลงมา แถมภายในยังมีเส้นทางสายแร่หลายทิศทาง หากไม่ระวัง พลัดหลงกันได้ง่ายๆ
บริเวณพื้นเองก็มีหลุมลาวา ที่ยังเดือดปุดๆ ไม่น้อย ชาวบ้านคนหนึ่งร่วงลงไป ตกตายแบบไม่รู้ตัว แม้กระทั่ง จอมยุทธสำนักเพลิงผลาญ ยังเผลอตกไปตาย ภายในหลุมลาวาเหล่านั้น หลายๆ คนที่เดินฝ่าเข้าไปต่างใบหน้าบิดเบี้ยวไม่สู้ดีนัก เมื่อได้ยินเสียงร้องโหยหวนของผู้คนที่ตายตก
การเดินทางยากลำบากเป็นอย่างมาก พื้นที่หลายๆ ส่วน แคบเกินไป บวกกับความร้อนที่สูง ทำให้อี้เฉินกับชาวบ้านอีกคน หอบเหนื่อยไม่เบา กายาเริ่มแดง น้อยๆ ขึ้นมา จากความร้อนที่สูงขึ้น
ชายหนุ่มไต่ถามหัวหน้ากลุ่มของพวกเขาในทันที ครั้นรู้สึกหวาดกลัว "พี่เทียนอิงพวกเราก็เข้ามาตั้งนานแล้วนะ ข้าก็ยังไม่เห็นสิ่งใดเลย หรือเราจะถอยกลับไปตั้งหลักก่อนดี"
เทียนอิงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน "เจ้าหุบปากแล้วเดินต่อไป นี่เรายังเดินไปไม่ถึงครึ่งทางเลยนะ อย่าทำตัวปอดแหกไปหน่อยเลย"
คนอื่นๆ เองก็กล่าวสมทบเช่นกัน "หากเจ้าคิดจะกลับไปดูดนมแม่เจ้า ตัวเจ้าก็กลับไปเสีย"
"เจ้า เจ้า!!" ชายหนุ่มหน้าบูดบึ้งในทันที ครั้นเห็นเพื่อนๆ ของเขาว่ากล่าวตักเตือน ทว่าเมื่อดวงตาของเขาเห็นแสงบางอย่าง อดไม่ได้ที่จะกล่าวคำพูดออกมา "นั้นมันแสงอะไรด้านในนั้น"
พวกเขาเดินทาง อยู่นาน เกือบจะ1ชั่วยาม จู่ๆ ก็เห็นแสงประหลาดภายในถ้ำ ครั้นเมื่อกรูกันเข้าไปดู ใกล้ๆ ดวงตาทั้งสองข้างกลับเบิกโพลง เห็นสมุนไพร สีแดงเพลิง สว่างไสว หลายสิบต้นอยู่รวมกัน มันมากจนรอบๆ ทอแสงประกายออกมาเด่นชัด
"พี่เทียนอิงคิดถูกจริงๆ ด้วย"
เทียนอิง กับพวกสำนักเพลิงผลาญ ต่างยกยิ้มเป็นปีติ ครั้นเห็นสมุนไพรหลายสิบต้นอยู่ตรงหน้า "นั้นมันสมุนไพรดอกหม่อนไฟระดับ สามัญ มีเยอะขนาดนี้ ช่วยในการตระหนักรู้พวกเราได้เป็นอย่างดี"ชายหนุ่มกล่าวออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ทว่า เทียนอิงเขากลับรู้สึกว่ามันไม่ชอบมาพากล จึงกล่าวคำพูดให้พวกชาวบ้านเข้าไปเก็บสมุนไพร
อี้เฉิน กับชายหนุ่มอายุ15อีก2คน ที่เห็น พวกเขาดีใจเป็นอย่างมาก นี่แหละคือเป้าหมายของพวกเขา รีบวิ่งกรูเข้าไปหมายมั่นจะเก็บใส่ไว้ในตะกร้า ดวงหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
ทว่าเหตุการณ์ ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ครั้นเมื่อชายหนุ่ม ที่วิ่งนำหน้าอี้เฉินไปหมายจะเก็บสมุนไพรเหล่านั้น กลับถูกอะไรบางอย่างตรึงร่างไว้ เลือดเองก็ไหลซึมออกมาไม่น้อย กล่าวคำพูดออกมาในทันที "ช่วยด้วยๆๆ!!!"
ครั้นเมื่ออี้เฉินน้อย ถอยหนีออกมาได้ เขาเองก็ขอร้องด้วยเช่นกัน "พวกท่านทั้งหลายช่วยเขาเร็วเข้า"
ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวคำพูดออกมา ให้อี้เฉินใบหน้ายกยิ้มราวกับเป็นเรื่องสนุก "เจ้าสิต้องเข้าไปช่วยเขา มัวยืนบื้อทำซากอะไร"
อี้เฉินน้อย ครั้นได้ยินถึงกับหน้ามืดทะมึน ทว่าเมื่อรับรู้ถึงแรงสั่นไหว อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอไปคำใหญ่ เมื่อเห็นแมงมุมพุ่งโจมตีใส่ชายที่ถูกใยแมงมุมพันร่าง ตวัดอุ้มเท้าอันแหลมคม ตัดผ่าร่างชายหนุ่มจนตาย เลือดอาบนองพื้น
อี้เฉินน้อย ถึงกับตัวสั่นเทิ้ม ครั้นเห็นเลือดที่พุ่งกระฉูดออกมาเป็นครั้งแรก ส่งกลิ่นคาวเลือด ความตายลอยคละคลุ้ง แขนขาอ่อนแรงลงไปไม่น้อย ใจสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว …ชายหนุ่มที่เหลือรอดอีกคนเองก็หวาดกลัวเป็นอย่างมาก แขนขาสั่นเทิ้มยิ่งกว่าอี้เฉินเสียอีก ล้มกองกับพื้นในทันใด
เทียนอิงเอ่ยเสียงเรียบออกมา "บริเวณแห่งนี้ มันน่าจะเป็นเขตรังของมัน สมุนไพรที่เติบโต คงจะมาจากซากสัตว์อสูรพวกนี้ทำให้มันเติบโตอย่างรวดเร็วสินะ"
อี้เฉินน้อย ได้ยินเขากำหมัดไว้จนแน่น 'เหมือนว่าเขาจะติดตาม กลุ่มคนมาผิดเสียแล้ว ไม่คิดกลุ่มคนพวกนี้จะยืนดูเสียอย่างนั้นไม่คิดเข้ามาช่วยพวกเขาแม้แต่น้อย'
เทียนอิงกับพวก พุ่งเข้าโจมตี แมงมุมพวกนั้นอยู่แค่ขั้น สร้างรากฐาน แต่ด้วยความที่มีหลายตัวทำให้ เทียนอิงที่อยู่
ขั้นรวมลมปราณ ระดับต้น ก็สามารถจัดการได้อย่างสบาย ด้วยขั้นพลังที่สูงกว่าหนึ่งขั้น เพียงระเบิดปราณพลัง
สร้างปราณพลังไฟห่อหุ้มกาย เข้าโจมตีไม่กี่สิบกระบวนท่า แมงมุมอสูรเหล่านั้นก็พลันดับสลาย กลายเป็นหมอกเลือด ไร้ทางต่อต้าน
เทียนอิง เอ่ยสั่งการให้ อี้เฉินกับ ชาวบ้านที่เหลืออีกคนให้ไปเก็บสมุนไพร ประหนึ่งชายหนุ่มเอ่ยสั่งการบ่าวไพร่
อี้เฉิน กับชาวบ้านอีกคนไม่รอช้า เข้าไปนำสมุนไพรทั้งหมดที่เก็บกลับมา มอบให้ เทียนอิง แต่ทั้ง2กลับไม่ได้อะไรตอบแทนเลย นั่งมองดู เทียนอิงแจกจ่ายสมุนไพรล้ำค่า ให้เหล่าศิษย์ในสำนัก ไม่แม้จะแบ่งให้พวกชาวบ้านแม้แต่ต้นเดียวก็ตาม
อี้เฉิน ถึงกับไม่พอใจ "แล้วสมุนไพร พวกข้าละ”
“ใจเย็นเจ้าหนู นี่ยังแค่ ปากทางเท่านั้น" เทียนอิง กล่าวออกมาน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่เต็มไปด้วยความเย็นชา ก่อนเขาแสยะยิ้ม อย่างเจ้าเล่ห์
“ใครจะไปรู้ข้างในอาจมี สมุนไพร ระดับ จักรพรรดิ อยู่ก็เป็นได้” ชายหนุ่มอีกคนกล่าวสมทบขึ้นมาในทันที เมื่อหลายคนได้ยินก็ต่างพากันหัวเราะขำขัน
ก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทางต่อไป ครั้นเมื่อพวกเขายิ่งเดินเข้าไปก็รับรู้ ถึงแรงกดดันที่มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังจะฝ่ากันเข้าไปเมื่อพวกเขา ได้สมุนไพร ระดับ ศักดิ์สิทธิ์ มาอีกต้น ทำให้พวกเขายิ่งปีติยินดี แรงกดดันที่น่าคร้ามเกรงด้านหน้าถูก ของล้ำค่าบดบังไว้จนมืดมิด ไม่หวาดกลัวอีกต่อไป
"พี่เทียนอิง ดูสิ นี่มันสมุนไพร ระดับ ศักดิ์สิทธิ์ เลยนะหาได้ไม่ง่ายเลย"ชายหนุ่มกล่าวออกมา พร้อมเดินเอาสมุนไพรไปมอบให้ หัวหน้ากลุ่มของพวกเขา
แต่ อี้เฉิน ที่เห็นเขาเริ่มไม่สบอารมณ์ 'ยิ่งเดินเข้าไปภายในยิ่งไม่เข้าท่า จะตายเมื่อใดก็คงขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น โชคของเขาไม่ได้มีมากมาย ให้ฝ่าบ่อลาวาพวกนี้ไปได้ทุกครา แถมดูท่าพวกมันก็คงไม่ให้สมุนไพร พวกเขาแน่ๆ'
ชายหนุ่มอายุ15ปี เขาเริ่มทนต่อไปไม่ไหว ยิ่งเดินเข้าไปความร้อนยิ่งสูง จนทำให้ผิวหนังหลุดลอก ความหวังจะได้สมุนไพรเองก็ริบหรี่ ตัวเขาเริ่มที่จะยอมแพ้ จึงขอถอนตัวออกไป
เทียนอิงที่เห็นเขา มองค้อน ตะโกนออกไปดังลั่น เบิกโพลงเจ้าเดินถอย ทำซากอะไร เดินต่อไปด้านหน้าสิโวย" แต่ชาวบ้าน ผู้นั้นไม่ฟัง เขาถอยหลังคิดหนีออกไปจากที่นี่เขาไม่สนอะไรอีกต่อไป อยากจะมีชีวิตรอดกลับไปให้ได้
เทียนอิง เขาส่ายหัวน้อยๆ ออกมาในทันที ก่อนเอื้อมฝ่ามือ ดึงดาบ ตวัดฟาดคอชายผู้นั้นจนขาดวิ่น เลือดพุ่งเป็นสายโลหิต
อี้เฉินที่เห็นถึงกับ ยืนตัวแข็งทื่อ ดวงตาเบิกโพลง หัวใจเต้นโครมครามอย่างรุนแรง เขาคิดในใจ 'ดันมากับพวกคนเหี้ยมซะได้ มันฆ่าพวกเราเป็นผักเป็นปลาแน่หากคิดหนี'
'แล้วจะทำไงถึงจะรอดไปได้ ต้องทำตัวเป็นหมารับคำสั่งพวกมันอย่างนั้นหรือ แบบนี้ก็มีแต่ตายกับตาย'หัวสมองของเด็กน้อยครุ่นคิดจวนจะระเบิด ก็ไม่อาจหาทางรอดได้
“เจ้าเดินต่อไป หรือจะถอนตัวเลือกเอา” เทียนอิง กล่าวออกมาเสียงแข็ง มือพร้อมจะปั่นคอเด็กน้อยลง
อี้เฉินมองด้วยดวงตาที่โกรธเคือง แต่ก็ไร้หนทางหนี เหมือนในยามนี้เขา ราวกับเป็นหนูติดจั่น จนหนทางที่จะหนี