โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

"ดีแทค" ยืด "WFH" ห่วงใยพนักงานห่างไกลโควิด

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 05 มิ.ย. 2563 เวลา 08.08 น. • เผยแพร่ 05 มิ.ย. 2563 เวลา 09.02 น.

แม้ขณะนี้ “ดีแทค” จะประกาศให้พนักงานสามารถกลับเข้าทำงานได้ที่สำนักงานใหญ่, สำนักงานประจำภูมิภาค และศูนย์คอลเซ็นเตอร์รวมทั้ง 3 แห่งในกรุงเทพฯ และที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ทว่ายังคงคุมเข้มโดยกำหนดมาตรการการควบคุมดูแลความหนาแน่นในพื้นที่ทำงานให้มีจำนวนพนักงานเพียง 30% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด ทั้งนั้นเพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพอนามัย และความปลอดภัยของพนักงานเป็นสำคัญ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 ผ่านมา โดยมีพนักงานจำนวน 1,000 คน ยังคงทำงานที่บ้านต่อไป (work from home-WFH)

เพราะจากเดิมที่ดีแทคมีพนักงานทำงานที่บ้านในช่วงประกาศกักตัวประมาณ 59% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดของบริษัท ขณะที่ศูนย์บริการของดีแทคทั้งหมดสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ ภายใต้มาตรการการรักษาระยะห่างทางสังคมอย่างเข้มงวด

“นาฎฤดี อาจหาญวงศ์” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานบริหารทรัพยากรบุคคล บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่าการทำงานที่บ้านขนานใหญ่กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน แน่นอนว่ามีหลายตำแหน่งงานที่ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ที่บ้าน แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาบอกเราว่าหลายตำแหน่งงานในส่วนงานสนับสนุนและหน่วยงานคอลเซ็นเตอร์ พนักงานสามารถปฏิบัติหน้าที่ที่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่า ๆ กับที่สำนักงาน

“จากการตอบแบบสำรวจของพนักงานดีแทคเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา 84% บอกว่ารู้สึกมีแรงจูงใจในการทำงาน และ 82% รู้สึกสภาพแวดล้อมในการทำงานช่วยส่งเสริมให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ดีแทคเชื่อว่านั่นเป็นผลมาจากตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ดีแทคได้เตรียมพร้อมพนักงานทั้งทางด้านเทคโนโลยี และการพัฒนาเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นในการทำงาน ได้แก่ เทคโนโลยีระบบคลาวด์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกัน และการปลูกฝัง growth mindset พร้อมกับการพัฒนาให้พนักงานมีความสามารถในการบริหารภาระรับผิดชอบ (accountability) ในงานของตนตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดอย่างชัดเจน”

“หลายองค์กรที่ให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน ต้องปรับบทบาทของหัวหน้างานให้กลายเป็นโค้ช แทนที่จะเป็นนาย องค์กรเองควรใช้เวลานี้ปรับลดชั้นการบังคับบัญชา ขณะเดียวกัน ก็หันไปเพิ่มหน้าที่ความรับผิดชอบ ส่งเสริมศักยภาพในตัวของพนักงานแต่ละคน วัฒนธรรมการทำงานใหม่ดังกล่าวจะช่วยให้พนักงานสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ โดยไม่ต้องมีหัวหน้างานมาออกคำสั่ง หรือควบคุมใกล้ชิด และยังได้ประสิทธิภาพงานที่ดีขึ้นมากกว่าเดิมอีกด้วย”

นอกจากนั้น “นาฎฤดี” ยังบอกว่าการทำงานในความปกติใหม่ หรือ new normal จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นไป โดยดีแทคจะจัดแบ่งพนักงานออกเป็น 3 กลุ่มลักษณะงาน ได้แก่กลุ่มที่ 1 พนักงานที่ไม่สามารถทำงานจากที่บ้านได้, กลุ่มที่ 2 พนักงานที่สามารถทำงานได้จากที่บ้านได้บางช่วงเวลา และกลุ่มที่ 3 คือพนักงานที่สามารถทำงานได้จากที่บ้านตลอดเวลา

“ทั้งนี้ เพื่อควบคุมดูแลให้ความหนาแน่นของพนักงานในพื้นที่สำนักงานอยู่น้อยกว่า 30% เป็นการช่วยลดโอกาสของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะเราตระหนักในการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม ในการบรรลุเป้าหมายเพื่อสนับสนุนให้พนักงาน 70% จากจำนวนพนักงานทั้งหมดสามารถทำงานที่บ้านได้นั้น ดีแทคยังพบข้อจำกัดอีกหลายด้าน ได้แก่ กฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลระบุถึง การไม่นำข้อมูลที่สำคัญออกจากสำนักงานใหญ่ ทำให้พนักงานที่ทำงานเกี่ยวกับข้อมูลสำคัญไม่สามารถทำงานที่บ้านได้”

ที่ผ่านมาดีแทคกระตุ้นการมีส่วนร่วมของพนักงาน เพื่อสร้างทีมสปิริตในการทำงานเป็นทีม ผ่านแคมเปญ “ทำงานปลอดภัย สุขภาพดีอยู่ที่บ้าน” (a Healthy@Work) ที่ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของโซเชียลมีเดียให้พนักงานสร้างสรรค์คอนเทนต์ใน Tik Tok ในช่วงการพักเบรกรับประทานอาหารกลางวัน หรือช่วงพักจากการประชุมทางวิดีโอ มีพนักงานมากกว่า 600 คนเข้ามาร่วมกิจกรรม

นอกจากนี้ ดีแทคยังเพิ่มความถี่ในการประชุมของพนักงานผ่านการถ่ายทอดสดบน Workplace by Facebook เป็นประจำ 2 ครั้งต่อเดือน ทั้งยังจัดให้ทีมพนักงานที่ทำงานในหน่วยงานต่าง ๆ นอกสำนักงาน เช่น พนักงานที่ประจำศูนย์บริการ พนักงานคอลเซ็นเตอร์มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงานใน new normal ให้กับพนักงานคนอื่น ๆ ได้ทราบไปพร้อมกันอีกด้วย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...