โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แจงวิธีตรวจ 'วิตามินซี' ในเครื่องดื่ม ข้องใจ 'อ.อ๊อด' แก้ต่างให้หรือไม่

MATICHON ONLINE

อัพเดต 16 ธ.ค. 2563 เวลา 11.40 น. • เผยแพร่ 16 ธ.ค. 2563 เวลา 11.40 น.

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แจงวิธีตรวจ ‘วิตามินซี’ ในเครื่องดื่ม ข้องใจ ‘อ.อ๊อด’ แก้ต่างให้หรือไม่

จากกรณีศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เผยผลตรวจปริมาณวิตามินซีในเครื่องดื่มผสมวิตามินซี จำนวน 47 ตัวอย่างที่วางจำหน่ายทั่วไปตามท้องตลาด พบมีปริมาณวิตามินซีไม่ตรงตามที่แจ้งบนฉลากสินค้า และมีถึง 8 ตัวอย่างที่ไม่พบปริมาณวิตามินซีนั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :ไม่ตรงปก! ฉลาดซื้อ เผยผลตรวจเครื่องดื่มผสมวิตามินซี อึ้ง 8 ตัวอย่างไม่พบปริมาณวิตามินซี)

โดย รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อ.อ๊อด อ.ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า วิตามินซี สลายตัวได้ง่ายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวต่อออกซิเจนมาก ซึ่งในน้ำดื่มมีออกซิเจน สามารถสลายตัวได้ง่ายในบรรยากาศที่มีความร้อน แสง ความชื้น และโลหะหนัก และว่า ขวดน้ำวิตามิน ขนส่งไม่ถึง 5 ชั่วโมงบนรถสิบล้อ วิตามินก็จะลดลงอย่างมาก แต่วิตามินซีจะกลายเป็นสารอื่นแทน ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์และช่วยให้มีสุขภาพที่ดี ดังนั้น การตรวจไม่เจอคือตรวจอะไร เอื้อธุรกิจบางยี่ห้อไหม? และที่ตรวจเจอเยอะ เจอเท่าเดิม เจอเยอะกว่าเดิม คือมั่วมาหรือไม่ มีเบื้องหลังอะไร สารวิตามินซีเหล่านี้ในน้ำ แต่ละยี่ห้อไม่มีวันลดลงจนเหลือศูนย์และไม่มีวันมีมากเท่าฉลากหรือมีเกิน (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง‘อ.อ๊อด’ ตั้งข้อพิรุธ สุ่มตรวจเครื่องดื่มผสมวิตามินซี เอื้อธุรกิจบางยี่ห้อไหม? )

กรณีดังกล่าวนี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ออกมาชี้แจงว่า

#นิตยสารฉลาดซื้อ #มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ตอบ Weerachai Phutdhawong
ตามที่อาจารย์ได้เขียนใน FB และเปิดเผยต่อสาธารณะ ว่า มีบางกลุ่มทดสอบแล้วไม่ให้ความเป็นธรรมกับการตรวจวิตามินซีบางยี่ห้อ หรือ การตรวจมีเบื้องหลังหรือไม่ ดูย้อนแย้งและมีพิรุธ ชอบกล หากใครอ่านก็จะทราบทันทีว่า เป็นการพูดถึงการทดสอบของนิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ที่เพิ่งเผยแพร่ผลการทดสอบไปเมื่อวานนี้
ถือเป็นการกล่าวหา ดูหมิ่น และไม่ให้ความเป็นธรรมกับนิตยสารฉลาดซื้อ และ มูลนิธิฯที่ทำงานทดสอบ เปรียบเทียบ(Rating Comparative Test) เพื่อเผยแพร่ข้อมูลให้ผู้บริโภคใช้ในการเลือกซื้อมาไม่น้อยกว่า 27 ปี
อยากให้อาจารย์กลับไปฟังการแถลงข่าวและอ่านรายละเอียดทั้งหมดก่อนกล่าวหาและใส่ร้ายมูลนิธิฯ
เบื้องต้นขออนุญาตให้ข้อมูลเรื่องกระบวนการทดสอบและการสุ่มตรวจทดสอบอาหารเครื่องดื่มผสมสิตามินซี ของฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคโดยสรุปดังนี้
เริ่มจากการสุ่มตัวอย่าง ทำพร้อมกันในเดือนพฤศจิกายนทั้ง 47 ตัวอย่าง
การสุ่มตัวอย่างโดยการซื้อทุกยี่ห้อเท่าที่จะหาซื้อได้ในท้องตลาดในช่วงเวลาที่กำหนด และมีหลักฐานจ่ายเงินเหมือนผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าเหล่านี้ ในล็อตการผลิตเดียวกันสำหรับการทดสอบจำนวน 3 ครั้ง
ทำรายละเอียดสินค้าทุกรายการ ว่า สินค้านั้นมีใครเป็นผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย รายละเอียดบนฉลาก วันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ เมื่อใด ราคาเท่าใด เป็นต้น
หลังจากนั้น จะนำส่งห้องทดลองที่ได้มาตรฐานด้านที่ส่งตรวจ และเป็นห้องทดลองที่มีมาตรฐาน ISO 17025
ขั้นตอนการเผยแพร่ผลการทดสอบเพื่อให้ข้อมูลกับผู้บริโภค ตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ
ขั้นตอนสุดท้าย ส่งผลการทดสอบให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเพื่อพิจารณาดำเนินการที่เกี่ยวข้อง
โดยมีหลักเกณฑ์ในการทำงานทดสอบทั้งสินค้าและบริการที่ผ่านมา ดังนี้

“การทดสอบสินค้าที่มีมาตรฐานกำกับจะดำเนินการทดสอบตามมาตรฐาน โดยใช้ห้องทดสอบของมหาวิทยาลัย ที่ได้มาตรฐานตามด้านนั้นๆ หรือ ห้องทดสอบเอกชนระดับมาตรฐาน ISO 17025 กรณีสินค้าที่ยังไม่มีมาตรฐานกำกับจะทดสอบโดยใช้มาตรฐานของต่างประเทศที่ได้รับความน่าเชื่อถือ ตัวอย่างเช่น กรณีการทดสอบเครื่องฟอกอากาศ การทดสอบเปรียบเทียบมีส่วนช่วยผลักดันให้เกิดมาตรฐานอุตสาหกรรมของไทยที่จะเข้าไปกำกับมาตรฐานของเครื่องฟอกอากาศในอนาคต เป็นต้น”

โดยมีขั้นตอนดังนี้
1.ประชุมวางแผนทดสอบสินค้าและบริการ โดยวางแผน 1 ปี และทุกๆ เดือน โดยมีคณะทำงาน ดังนี้
1.1 เครือข่ายนักวิชาการในการเฝ้าระวังทดสอบสินค้าและบริการตลอดโครงการตามแผนปฏิบัติงาน ในด้านต่าง ๆ อาทิ
-ด้านอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ ได้แก่ ศ.ดร.วิสิต จะวะสิฐ , ดร.แก้ว กังสดาล อำไพ, รศ.ดร.จันทร์เพ็ญ วิวัฒน์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล, ผศ.ดร.ยุพดี สิริสินสุข, รศ.ดร.จิราพร ลิ้มปานานนท์, ผศ.ดร.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี จากคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
-ด้านเทคโนโลยีและสื่อโทรคมนาคม จากเครือข่ายนักวิชาการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ได้แก่ ดร.วีระพันธ์ รังสีวิจิตรประภา จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ดร.ไพบูลย์ ช่วงทอง คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
-ด้านที่อยู่อาศัย ได้แก่ อ.เทิดทูน ดำรงค์ฤทธามาตย์ จากภาควิชาวิทยาศาสตร์ประยุกต์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
-ด้านสินค้าและบริการทั่วไป ได้แก่ ดร.ศราวุธ เลิศพลังสันติ จาก ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) ความปลอดภัยของยานยนต์ (สถาบันยานยนต์ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ)
-ด้านเกษตรและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ คุณกิ่งกร นรินทรกุล ณ อยุธยา จากมูลนิธิชีววิถี และคุณเพ็ญโฉม ตั้ง จากมูลนิธิบูรณะนิเวศ เป็นต้น
-ด้านสินค้าเด็กและความปลอดภัยในเด็ก รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล และศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก รพ.รามาธิบดี
-ด้านสินค้าจากเครือข่ายผู้บริโภคจาก 7 ภูมิภาค ในพื้นที่ทั่วประเทศ ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคใต้ และกรุงเทพฯ ที่จากการเฝ้าระวังสินค้าและบริการเพื่อยกระดับมาตรฐานในชุมชน
-สินค้าเฝ้าระวังตามสถานการณ์ในประเทศ เช่น เจลแอลกอฮอล์ล้างมือเนื่องในสภานการณ์โควิด19, สารเคมีเกษตรพาราควอตในปูนา, สารทาเลตในของเล่นเด็ก, ไขมันทรานส์ในโดนัท, และมาตรฐานเครื่องฟอกอากาศในช่วง PM2.5 เป็นต้น
-ผลทดสอบจากองค์กรผู้บริโภคระหว่างประเทศ International Consumer Product Research and Testing (ICRT) ที่มูลนิธิฯ เป็นสมาชิก
2.ออกแบบวิธีการทดสอบ เน้นหลักความเป็นกลาง ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ใช้การสุ่มซื้อสินค้าที่มีการจำหน่ายจากร้านค้าจริงทั่วไปและออนไลน์เหมือนผู้บริโภคซื้อสินค้า
3.ดำเนินการทดสอบตามมาตรฐานสากล โดยใช้ห้องทดสอบของมหาวิทยาลัย หรือ ห้องทดสอบเอกชนระดับมาตรฐาน ISO 17025
4.เผยแพร่ผลการทดสอบผ่านนิตยสารฉลาดซื้อ ซึ่งเป็นสื่อสาธารณะที่ไม่รับโฆษณาจากบริษัทต่าง ๆ เพื่อทำให้สามารถรักษาผลประโยชน์สาธารณะได้อย่างตรงไปตรงมา
5.ส่งผลทดสอบและข้อเสนอ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องกระทะ อาจารย์คงยังไม่ทราบว่า มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้ฟ้องคดีนี้ และขณะนี้ศาลรับพิจารณาคดี เป็นคดีแบบกลุ่มแล้ว (Class Action) และให้จำเลยอุทธรณ์ภายใน 20 วัน ซึ่งครบกำหนดอุทธรณ์วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา แต่จำเลยขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่ 2 โดยขยายถึงวันที่ 25 ธันวาคม 63 นี้”

นอกจากนี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ยังได้นำภาพการโพสต์เฟซบุ๊กของ อ.อ๊อด ที่มักมีการโพสต์ประชาสัมพันธ์ น้ำดื่มวิตามินซียี่ห้อหนึ่งอยู่บ่อยครั้ง ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยว่า เปิดตัวอาทิตย์แรก ผลิตไปล้านขวด และเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงกล่าวว่า ตลาดเครื่องดื่มวิตามินซียังเติบโตได้อีก 20% ต่อเนื่อง ช่วงนี้ในประเทศไทย ถือว่าพีคที่สุดแล้ว ทำให้มูลนิธิตั้งคำถามว่า เป็นเหตุผลให้ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้หรือไม่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...