โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

‘Fallen Angels’ นิยาม ‘ความเหงา’ กับหลากหลายการตีความที่ต่างกันออกไป

The Momentum

อัพเดต 29 พ.ย. 2563 เวลา 13.52 น. • เผยแพร่ 29 พ.ย. 2563 เวลา 05.30 น. • กิตตินันท์ วัฒนธิติกุล

In focus

  • ภาพยนตร์เรื่อง ‘Fallen Angels’ เป็นผลงานการกำกับของ ‘หว่อง กาไว’ ผู้กำกับชื่อดังชาวฮ่อง ในปี ค.ศ.1995 ว่าด้วยเรื่องราวความเหงา ผ่านมุมมองความสัมพันธ์ของหลากหลายตัวละครอย่าง คู่หูนักฆ่า หนุ่มใบ้กับหญิงสาวปริศนา
  • Fallen Angels ถูกยกย่องให้เป็นผลงานด้านภาพที่ล้ำสมัยแห่งยุค จากความพิเศษด้วยการถ่ายด้วยภาพมุมกว้างตลอดทั้งเรื่อง โดยมีรางวัล Hong Kong Film Awards เป็นรางวัลการันตีความสำเร็จ
  • การตีความนิยาม ‘ความเหงา’ ของภาพยนตร์เรื่องนี้ สามารถถ่ายทอดออกมาได้หลากหลายแง่มุมจากความสัมพันธ์ของแต่ละตัวละคร ที่ต่างมีความเหงาอยู่ภายในใจ

“ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นร้านค้า ที่เปิดประตูให้เธอเดินเข้ามาโดยไม่รู้ตัว

ผมไม่รู้ว่าเธอจะอยู่นานแค่ไหน รู้เพียงว่ายิ่งนานเท่าไหร่…ก็ยิ่งดี”

 

โลก ‘ยามค่ำคืน’ คงจะเป็นช่วงเวลาที่มนุษย์เข้าถึงห้วง ‘ความเหงา’ ภายในก้นบึ้งจิตใจตัวเองได้ดีที่สุด  เป็นความเหงาที่สามารถกัดกินจิตใจทุกคนได้ ไม่เว้นแม้แต่นักฆ่าผู้เลือดเย็น เพราะเมื่อเจอความเหงาที่ว่าแล้วมันกลับช่างไร้ความปราณียิ่งกว่า และเพียงได้ใครซักคนเข้ามาเติมเต็มห้วงเวลานี้คงจะเป็นสุขได้ไม่น้อย ถึงจะแค่ชั่วคราวก็ตามที

ภาพยนตร์เรื่อง Fallen Angels หรือชื่อภาษาไทย นักฆ่าตาชั้นเดียว เป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์โดย หว่อง การ์ไว ผู้กำกับชื่อดังชาวฮ่องกง ว่าด้วยเรื่องของการเล่นกับบรรยากาศอารมณ์ ‘ความเหงา’ โดยมีฉากหลังเป็นเมืองฮ่องกงยามค่ำคืน ดำเนินเรื่องผ่านมุมมองตัวละครหลักทั้ง 3 ตัว อย่าง หวังจื่อหมิง (หลี่หมิง) มือปืนสุดลึกลับ, มิเชล ไรส์ (หลี่เจียซิน) นางนกต่อ คู่หูประจำตัวหวังจื่อหมิง และ ห่อจื่อม่อ (ทาเคชิ คาเนชิโระ) หนุ่มใบ้ผู้ใช้ชีวิตอย่างเลื่อนลอย ที่ตกดึกมักกระทำการงัดแงะตามร้านค้าคนอื่น เพื่อสวมรอยเป็นเถ้าแก่ของร้าน

 

(หลี่หมิง กับบทบาท หวีงจื่อหมิง มือปืนสุดลึกลับ)

 

(ฉากหลังของฮ่องกงยามค่ำคืน ธีมหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้)

 

ด้านของงานภาพคงจะไม่ต้องสาธยายกันให้มากความ อย่างที่ทราบกันดีว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกการันตีขึ้นหิ้งด้วยรางวัลสาขาการกำกับภาพยอดเยี่ยมจาก Hong Kong Film Awards ด้วยความพิเศษคือตลอดการถ่ายทำใช้เพียงภาพมุมกว้างตลอดทั้งเรื่อง จนภาพที่ถูกถ่ายทอดออกมาแต่ละฉากสัมผัสได้ถึงทุกอิริยาบถ ตลอดจนความบิดเบี้ยวภายในใจของตัวละคร ประกอบกับแสงไฟสลัวในยามค่ำคืน ยิ่งทำให้เกิดความหน่วงในจิตใจยิ่งขึ้น หรือที่เด็กเรียนฟิล์มทั้งหลายมักจะเรียกเอกลักษณ์งานภาพลักษณะนี้ว่า ‘หนังหว่อง’  ผลงานมาสเตอร์พีซเรื่องนี้จะสมบูรณ์ไม่ได้แน่นอนถ้าหากขาด คริสโตเฟอร์ ดอยส์  ผู้กำกับภาพคู่บุญ ของมิสเตอร์หว่อง

อีกสิ่งหนึ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำออกมาได้ดีควบคู่กับงานภาพ คือตัวบทที่ถ่ายทอดนิยามความเหงา ออกมาได้หลากหลายรูปแบบ ชนิดที่ว่าก่อนชม ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์ตรงกับเรื่องราวความรักที่ไม่สมหวัง ทำอย่างไรก็ไม่ลงล็อกเสียที ก็คงกระแทกเข้ากลางใจได้ไม่ใช่น้อย

แล้วเรื่องของการตีความที่หลากหลายล่ะคืออะไร? ถ้ามองเพียงตามเส้นเรื่อง เราจะเห็นแค่เพียงความเหงาอันผิวเผิน ไม่ว่าจะความรักที่เป็นไปไม่ได้ระหว่างมือปืนกับนางนกต่อคู่หู  หรือหนุ่มใบ้ผู้บังเอิญพบรักข้างเดียวกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกคนรักทอดทิ้ง  ซึ่งถ้ามองให้ลึกกว่านั้นอีก เราจะเห็นเส้นโครงเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่ยั่งยืน ทั้งความรักแบบวันไนท์แสตนด์ของมือปืนกับสาวผมทอง, ความรักของหนุ่มใบ้กับพ่อ ผู้เป็นที่ยึดเหนี่ยวหนึ่งเดียวในชีวิต ทุกองค์ประกอบการปรากฏตัวของตัวละครต่างมีความหมายทั้งสิ้น แต่เมื่อสุดท้ายแล้ว ถึงนิยามความเหงาของทุกตัวละครจะแตกต่างกันอย่างไร แต่กลับมีจุดจบในแบบคล้ายกัน นั่นคือ การจากลาอันหนักหน่วงหัวใจ

 

 

(ซีนขี่จักรยานยนต์ในอุโมงค์ใต้ดิน ที่เป็นภาพจดจำของภาพยนตร์เรื่องนี้)

 

ผลงานชิ้นนี้ของ หว่อง การ์ไว ถ้าเปรียบเป็นเรื่องจริงในชีวิตของหลายคน คงจะเป็นเหมือน ‘ตลกร้าย’ ที่พร้อมมอบความสุขให้ชั่วครู่ อีกด้านหนึ่งก็มอบความทุกข์ให้จดจำไปตลอดชีวิต อันเกิดจากความผิดหวังของการวิ่งไล่ไขว่คว้า แต่ถึงอย่างไร เราก็ยังยอมปล่อยให้ความสัมพันธ์ไม่ยั่งยืนนี้เข้ามาทำร้ายหัวใจอีกครั้ง

หากคุณได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ คงจะเกิดความรู้สึกที่ต่างกันไป ถ้าชอบกลิ่นอายงานกำกับของ หว่อง การ์ไว อยู่แล้ว น่าจะเข้าถึงได้ไม่ยาก  แต่หากเป็นครั้งแรกที่ได้ชมผลงานของผู้กำกับชาวฮ่องกงท่านนี้ คงอาจทำให้คุณเบื่อได้ไม่ใช่น้อย เพราะแต่ละซีนเน้นบทที่สื่อถึงอารมณ์ความรู้สึก และบทพูดในหัวของตัวละครมากกว่า  เหนือสิ่งอื่นได้การได้ชมผลงานยุคฟิล์มอุตสาหกรรมภาพยนต์ฮ่องกงรุ่งเรืองบนจอหนังอีกครั้ง ช่างทำให้รู้สึกหวนถึงวันวานได้ดีเหลือเกิน

สุดท้ายถ้าจะตีความชื่อเรื่องให้มีความหมายล่ะก็ คงจะหมายถึง ‘‘ความรักที่ฉาบฉวยเหมือนขึ้นสวรรค์ ที่พร้อมเสียมันไปได้ทุกเมื่อ เหมือนเทวดาที่ร่วงหล่นลงมา’’

 

 

Fact Box

ภาพยนตร์เรื่อง Fallen Angels เป็นหนึ่งใน 1 ใน 5 เรื่อง จากเทศกาลภาพยนตร์ ‘The World of Wong Kar-Wai’s Retrospective’ ที่จัดขึ้นโดยทางสหมงคลฟิล์ม เพื่อนำสุดยอดผลงานการกำกับของ ‘หว่อง กาไว’ ผู้กำกับชาวฮ่องกง  กลับขึ้นมาฉายบนจอภาพยนตร์อีกครั้งในระบบ 4K

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...