คณะแพทย์ฯ มช. ทุ่ม 1.2 พันล้าน ปั้น “Medical Hub”
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทุ่ม 1.2 พันล้าน ปั้น “Medical Hub”
วันนี้ (21 ธันวาคม 2563) คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แถลงผลงานประจำปี 2563 ณ อาคารเฉลิมพระบารมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมี ศ.นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นประธาน
ศ.นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า คณะแพทยศาสตร์ มหาวิยาลัยเชียงใหม่ มีเป้าหมายสำคัญที่จะนำเทคโนโลยีชั้นสูง พัฒนานวัตกรรมและการบริการทางการแพทย์แบบบูรณาการ ล่าสุด ได้ลงนาม MOU กับ บริษัท ซิสโก้ ซีสเต็มส์ จำกัด ผู้นำด้านเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตระดับโลก ภายใต้โครงการร่วมพัฒนานวัตกรรมด้านสาธารณสุขและเทคโนโลยีทางการแพทย์ พร้อมยกระดับใช้ระบบไอทีเป็นแกนกลางบริการทางการแพทย์ (Digital Health Care) มุ่งสู่การเป็นโรงเรียนแพทย์ดิจิทัลแห่งอนาคตอย่างแท้จริง ซึ่งความร่วมมือดังกล่าว มุ่งพัฒนาการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ครอบคลุมบริการของโรงพยาบาลศูนย์ทั้งหมด เพื่อรองรับผู้ป่วยจาก 17 จังหวัดภาคเหนือ
ทั้งนี้ ดิจิทัลเฮลท์แคร์เป็นสิ่งที่หลายประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ โดยเฉพาะหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับความสามารถทางการแพทย์และการให้บริการด้านสาธารณสุข จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำของการเข้าถึงบริการสาธารณสุขของประชาชนในประเทศ
ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า โครงการสำคัญของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่กำลังเร่งดำเนินการอยู่ในขณะนี้คือ โครงการก่อสร้างศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) มูลค่าโครงการ 1,209 ล้านบาท ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จราวเดือนมิถุนายน 2566 โดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้รับงบประมาณจากรัฐบาลส่วนหนึ่งราว 50% และอีก 50% เป็นงบประมาณของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทั้งนี้ เมื่อโครงการนี้เกิดขึ้นจะผลักดันให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของอาเซียน หรือ Medical Hub & Wellness Center
สำหรับโครงการ Medical Hub ดังกล่าว เป็นอาคาร 9 ชั้น ขนาด 450 เตียง มีที่จอดรถกว่า 500 คัน ถือเป็นศูนย์กลางบริการทางการแพทย์และศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในอาเซียน ในด้านการรักษาพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับสากล ทั้งการรักษาโรคทั่วไป โรคเฉพาะทาง การรักษาทางทันตกรรม การให้บริการด้านสุขภาพแบบครบวงจร
ผศ.นพ.ธนินนิตย์ กล่าวว่า โครงการ Medical Hub มีกลุ่มเป้าหมายหลักคือ รองรับการให้บริการของกลุ่มคนไทยสัดส่วน 80% และต่างชาติในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง อาทิ จีน (สิบสองปันนา) พม่า รวมถึงประเทศในกลุ่มอาเซียน ซึ่งพบว่าหลาย ๆ ประเทศในกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูงและต้องการเดินทางมารักษาพยาบาลหรือใช้บริการทางการแพทย์ในประเทศไทย ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่เป็นเป้าหมายสำคัญ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวนอกจากจะยกระดับเมืองเชียงใหม่ให้เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์แล้ว ยังจะเชื่อมโยงเรื่องของการท่องเที่ยวด้วยในอนาคต