BEC เทขายหุ้น ‘BEC-TERO’ ให้ ‘ไบรอัน ลินด์เซ มาร์การ์’ เกลี้ยงพอร์ต 59.99% มูลค่า 15 ล้านบาท
BEC แจ้งตลาดฯ เทขายหุ้น ‘BEC-TERO’ ให้ ‘ไบรอัน ลินด์เซ มาร์การ์’ กรรมการผู้จัดการบริษัทคนปัจจุบัน เกลี้ยงพอร์ต 59.99% มูลค่า 15 ล้านบาท แยกขาดจากธุรกิจตัวแทนจำหน่ายบัตร-การจัดการแสดง-วิทยุ ด้าน BEC-TERO ปี 62 แจ้งขาดทุน 211 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทะลุ 400%
วันที่ 9 ธ.ค. 2563 บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทฯ ได้ขายเงินลงทุนทั้งหมดที่บริษัทฯ ถืออยู่ใน ‘บริษัท บีอีซี-เท-โร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน)’ ซึ่งมีอยู่ที่จำนวน 119,999,950 หุ้น หรือคิดเป็น 59.99% ของทุนจดทะเบียน ให้กับ ‘นายไบรอัน ลินด์เซ มาร์การ์’ ในราคารวมทั้งสิ้น 15 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ามูลค่าเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียที่แสดงในงบการเงินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยฯ วันที่ 30 กันยายน 2563 โดยระบุว่าการขายหุ้นดังกล่าวเป็นไปตามแผนบริหารการลงทุนของบริษัท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา นายไบรอัน ลินด์เซ มาร์การ์ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการและกรรมการ บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ทุนจดทะเบียน 250,000,000 บาท ที่แปรสภาพจากบริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ซึ่งก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2541 โดยมีชื่อเดิมว่า บริษัท เวิลด์ มีเดีย ซัพพลายส์ จำกัด ก่อนเปลี่ยนชื่อและเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นเป็นการร่วมทุนกันระหว่าง บริษัท บีซีอี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) และนายไบรอัน ลินด์เซ มาร์การ์ในภายหลังจนมาถึงการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นอีกครั้งในคราวนี้
ด้านรายละเอียดการดำเนินธุรกิจของ บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เน้นดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายบัตรเข้าชมการแสดง ธุรกิจการจัดการแสดง ธุรกิจผลิตรายการ และธุรกิจวิทยุ โดยมีบริษัทลูกหลายบริษัท ได้แก่ บริษัท ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ จำกัด, บริษัท บีอีซี-เทโร ซีเนริโอ จำกัด, บริษัท บีอีซี-เทโร เรดิโอ จำกัด, บริษัท บีอีซี-เทโร เมียนมาร์ จำกัด และบริษัท ไลฟ์ เนชั่น บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด
โดยปี 2562 บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) รายงานต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,610.34 ล้านบาท ลดลง 12.40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีผลขาดทุน 211.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 406.77% โดยผลตอบแทนจากกำไรสุทธิต่อรายได้รวมลดลง 13% และอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 10.44%