อัมพาตใบหน้าครึ่งซีก โรคใกล้ตัวที่ใครก็เป็นได้
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมา สืบเนื่องจากอาการป่วยของนักร้องดัง จัสติน บีเบอร์ ที่ออกมาอัพเดตอาการบนอินสตราแกรมส่วนตัวว่า เขาเกิดอาการ หน้าอัมพาตครึ่งซีก “ไวรัสเข้าจู่โจมเส้นประสาทใบหน้า และหู ทำให้หน้าของผมเป็นอัมพาตไปครึ่งซีก ” จึงจำเป็นต้องขอเลื่อนการทัวร์คอนเสิร์ตที่เตรียมจัดแสดงทั้งหมดออกไปก่อน โดยยังให้สัญญากับแฟนๆ ที่รอดูคอนเสิร์ตว่า หากรักษาตัวจนหายดี เขาจะกลับไปโชว์คอนเสิร์ตแบบพลังเต็มร้อย
อัมพาตใบหน้าครึ่งซีก (bell's palsy)
โรค bell's palsy คือโรคที่เส้นประสาทใบหน้าสูญเสียการทำงานไปบางส่วน ( อัมพฤกษ์ ) หรือทั้งหมด (อัมพาต) ผลมาจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ซึ่งควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อแสดงสีหน้าเกิดการอักเสบ ซึ่งมีหลักฐานพบว่ามักมาจากเชื้อเริม (HSV) และจากเชื้อไวรัสอื่นๆ เช่น งูสวัด (HZV) ซึ่งเมื่อเกิดการอักเสบแล้วจะทำให้เส้นประสาทบวม ทำให้เส้นเลือดขนาดเล็กส่งเลือดไปเลี่ยงเส้นประสาทไม่ได้ จนไม่สามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้
สาเหตุของ bell's palsy
ในปัจจุบันนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากเชื้อโรคอะไร ได้แต่สันนิจฐานว่าเกิดจากการติดเชื้อเริม เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัสอื่นๆ หรืออาจเกิดจากภูมิคุ้มกันทำงานบกพร่องไปทำลายเส้นประสาทสมองเส้นที่ 7 ชั่วคราว ซึ่งทำหน้าที่รับความรู้สึกและสั่งการกล้ามเนื้อใบหน้าซีกนั้นๆ ทำให้เกิดภาวะ nerve shock หรือเส้นประสาทช็อกจนหยุดการทำงานชั่วคราว เมื่อไม่มีสัญญาณประสาทมาเลี้ยงกล้ามเนื้อใบหน้า ผลก็คือกล้ามเนื้อใบหน้าขาดการกระตุ้นความรู้สึก กล้ามเนื้ออ่อนแรง ความตึงตัวลดลง เราจึงเห็นว่าผู้ที่เป็นโรคนี้มีใบหน้าที่เหี่ยวลงข้างนึง และที่แปลกก็คือ มักพบในเพศหญิงที่ตั้งครรภ์หรือเป็นโรคเบาหวานอีกด้วย
อาการของผู้ป่วย bell's palsy
ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้จะไม่มีอาการปวดใดๆหรอกครับ แต่จะอาการทางกายครึ่งใบหน้าที่เด่นชัดดังนี้
- คิ้วตก ไม่สามารถยักคิ้วขึ้นได้
- หลับตาไม่สนิท ตาแห้ง มีนํ้าตาไหลอยู่ตลอดเวลา หนังตาตกเหมือนคนลืมตาไม่ขึ้น
- แก้มหย่อน แก้มตก ไม่สามารถยิ้มยิงฟันได้ ขณะที่ยิ้มมุมปากไม่ยกตาม
- ดูดนํ้าจากหลอดแล้วนํ้าจะไหลออกจากมุมปาก
- ทำแก้มป่อง หรือทำปากจู่ไม่ได้
- ขณะเคี้ยวข้าวจะมีนํ้าลายไหลออกจากมุมปาก เนื่องจากปิดปากไม่สนิท
- บางรายอาจมีอาการหูอื้อ หรือลิ้นชาร่วมด้วย
การดูแลรักษาสำหรับโรค bell's palsy
อัมพาตใบหน้าครึ่งซีก หรือโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก สามารถหายเองได้ แต่ควรป้องกัน และหากมีอาการให้ไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย
วิธีการรักษา มีตั้งแต่การรักษาด้วยการใช้ยาแก้อักเสบกลุ่มสเตียรอยด์ การให้ยาฆ่าเชื้อไวรัส การกายภาพบำบัด โดยการฝึกหรือกระตุ้นให้กล้ามเนื้อใบหน้าที่อ่อนแรงได้ทำงาน เพื่อรอการฟื้นตัวของเส้นประสาท
โดยการกายภาพบำบัดสามารถทำได้ดังนี้
1. การบริหารกล้ามเนื้อใบหน้า เพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อใบหน้าที่ยังอ่อนแรง บริหารท่านละ 10 – 20 ครั้งต่อรอบ โดยควรทำอย่างน้อย
2. ประคบร้อนบริเวณใบหน้าซีกที่มีอาการ ใช้เวลาประมาณ 15 – 20 นาทีต่อครั้ง วันละ 1 – 2 ครั้ง เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และลดการตึงตัวของกล้ามเนื้อใบหน้า แต่ควรระวังการประคบร้อนในรายที่มีอาการชาของใบหน้า
3.กระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าที่มีอาการอ่อนแรงด้วยไฟฟ้า เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อมีการหดคลายตัวเป็นการชะลอการฝ่อลีบของกล้ามเนื้อ มักใช้ในรายที่กล้ามเนื้ออ่อนแรงทั้งหมด หรือเกือบทั้งหมด
4.การนวดใบหน้า เป็นการใช้ปลายนิ้วนวดคลึง ใบหน้าเบาๆ ช้าๆ ตามแนวกล้ามเนื้อใบหน้าแต่ละมัด เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและลดการตึงตัวของกล้ามเนื้อใบหน้า