โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เมื่อมนุษย์โดน "แฮก" - JPW

LINE TODAY SHOWCASE

เผยแพร่ 16 มิ.ย. 2565 เวลา 02.00 น. • JPW

การมาถึงของหนังเรื่อง จูราสสิค พาร์ค ภาคล่าสุด ทำให้โรงภาพยนตร์มีความคึกคักขึ้นมาสักหน่อย หลังจากเงียบเหงามานาน ผมจำได้ว่าจูราสสิค พาร์ค เริ่มฉายภาคแรกเมื่อปี พ.ศ. 2536 สร้างความตื่นตาตื่นใจจากเทคนิค CG (Computer Graphic) ที่สมจริงจนโด่งดังไปทั่วโลก อีกทั้งบทภาพยนตร์และเนื้อเรื่องก็มีความสมเหตุสมผลน่าเชื่อถือ จากการใช้ดีเอ็นเอ จากเลือดไดโนเสาร์ที่ติดอยู่ในยุงโบราณเพื่อนำกลับมาฟื้นคืนชีพให้ไดโนเสาร์เพื่อศึกษาอีกครั้ง

ยุคจูราสสิค อาจกล่าวได้ว่าเป็นยุคที่ไดโนเสาร์นั้นครอบครองดาวเคราะห์ดวงนี้อยู่ จนกระทั้งเมื่อขั้วอำนาจเปลี่ยนมาสู่ผู้ครอบครองรายใหม่ ที่เรียกกันว่า “โฮโมเซเปี้ยน” จากอดีตจนถึงปัจจุบันโฮโมเซเปี้ยน หรือมนุษย์ ได้สั่งสมประสบการณ์ องค์ความรู้ วิทยาการ และเรื่องเล่าขาน มาอย่างต่อเนื่อง

ถึงแม้นว่าสิ่งต่างๆจะพัฒนา มาอย่างต่อเนื่องและยาวนานทั้งอารยธรรม วัฒนธรรม และวิทยาการ แต่สิ่งที่ยังเป็นเหมือนกล่องดำ ตลอดช่วงประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา คือความรู้สึกนึกคิด การตัดสิน หรือเจตนาส่วนบุคคล หรือแม้แต่ความลับความรู้สึกลึกลับภายในจิตใจ ของเรา มี่สามารถส่งผล ออกมาเป็นลักษณะนิสัยใจคอ วิถีชีวิต บุคลิกภาพ หรือแนวทางในการดำรงชีวิตของแต่ละคน นั่นยังคงอยู่ภายในชีวเคมีส่วนบุคคลของเราอย่าง ปลอดภัย และแน่นหนา แต่ในเวลาอันใกล้นี้สิ่งเหล่านั้นจะไม่ได้เป็นเหมือนกล่องดำ ให้เราได้ค้นหาหรือคาดเดากันอีกต่อไป เมื่อเราจะเข้าไปสู่ยุคที่ มนุษย์สามารถถูก “แฮก” ลึกลงไปในระดับของจิตใจและอารมณ์ความรู้สึกได้

Yuval Noah Harari นักประวัติศาสตร์ - นักปรัชญาทางสังคมที่มีชื่อเสียงระดับโลกและผู้เขียนหนังสือขายดีเรื่อง "Sapiens" เป็นคนที่ผมติดตามแนวความคิดและงานเขียนของเขามาอย่างต่อเนื่อง และเขาถือได้ว่าเป็นนักคิดเชิงวิพากษ์ วิจารณ์ หรือ critical thinking ที่เสนอมุมมองความคิดต่อโลกในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างน่าสนใจ

Harari ได้เตือนอย่างจริงจัง ว่าเราต้องเริ่มควบคุม AI เพราะไม่เช่นนั้นบริษัทขนาดใหญ่และองค์กรของรัฐจะสามารถ "แฮก" มนุษย์ได้ !!!

"การแฮกมนุษย์คือ กระบวนการทำความรู้จักบุคคลนั้นได้ดีกว่า ที่พวกเขารู้จักตัวเอง" เขาบอกต่อว่า "และจากข้อมูลที่แฮกได้นั้น จะถูกนำมาใช้เพื่อจัดการกับเรามากขึ้น" Harari กล่าว หรือพูดง่ายๆคือตัวเราจะกลายมาเป็นสินค้าเสียเอง

Harari เชื่อว่าประสิทธิภาพ และความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของ AI อาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของประชากรที่เรียกว่า "มนุษย์ที่ถูกแฮก" เพื่อจัดการกับปัญหานี้ เขาเรียกร้องให้ผู้นำของโลกเริ่มควบคุม AI และควบคุมการรวบรวมข้อมูลโดยองค์กรขนาดใหญ่ทั้งจากองค์กรของรัฐและเอกชน และกระตุ้นให้ประเทศต่างๆ ตื่นตัวและตระหนักถึงการคุกคาม ของ AI ที่ทรงพลังอย่างจริงจัง โดยแนะนำให้วางรั้วกั้นที่ชัดเจนและเข้มงวดเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลจะไม่ถูกใช้เพื่อจัดการกับสาธารณะชน

ในปี 2050 หรืออีกประมาณแค่ 30 ปีข้างหน้า สิ่งเดียวที่เรารู้ได้แน่ชัดคือ โลกจะเปลี่ยนแปลงไปจากวันนี้อย่างมาก และสิ่งที่สำคัญอย่างมากของกระบวนการเปลี่ยนแปลงนั่นคือ ในไม่ช้ามนุษย์จะกลายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ สามารถแฮกได้!!!

ทุกวันนี้ไมมีอะไรแปลก หรือน่าตื่นเต้นเลยเมื่อเราพูดถึงการแฮกคอมพิวเตอร์ บัญชีอีเมล สมาร์ทโฟน หรือบัญชีธนาคารและบัตรเครดิต แต่ที่น่าตกใจคือเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่จะมีการแฮกมนุษย์กันอย่างมากมาย

เหมือนกับฝันร้าย เมื่อจินตนาการถึงการถูกควบคุมในระดับจิตใจในรูปแบบเฉพาะเจาะจงแบบรายบุคคล แต่มันก็มีความเป็นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้ ที่บริษัทเทคโนโลยีบางแห่งกำลังให้ผู้ใช้ปฏิเสธความเป็นจริงทางกายภาพจริงทั้งหมด และยอมรับสิ่งที่โลกเสมือนสร้างขึ้นมาตอบสนองพวกเขาภายใต้รูปแบบของอัลกอริธึมที่พวกเขากำหนดและควบคุมได้

อนาคตข้อมูลของมนุษย์จะส่งผ่านเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลและทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ พลังและการเข้าถึงของปัญญาประดิษฐ์อยู่ในมือของผู้มีอำนาจเพียงไม่กี่คน ทุกประเทศต้องเริ่มให้ความร่วมมือเพื่อป้องกันสิ่งนี้ด้วยการควบคุมปัญญาประดิษฐ์ และการรวบรวมข้อมูลในทุกประเทศ เพราะเมื่ออำนาจทางข้อมูลกระจุกตัวรวมอยู่แค่ในที่เดียว นั่นคือ “สูตรสำหรับเผด็จการ”

การเกิดขึ้นของโรคระบาด โควิด19 ยิ่งเป็นตัวเร่ง และ เปิดประตูไปสู่การรวบรวมข้อมูลของเราที่มากมายมหาศาล แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จากการต้องใช้ระบบออนไลน์ และโลกเสมือนเข้ามาใช้แก้ปัญหาในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าการทำงาน การท่องเที่ยว การสังสรรค์ พักผ่อน การแพทย์ การกิน และอื่นๆอีกมากมายเพื่อป้องกันจากโรคระบาดที่เกิดขึ้น

บริษัทและรัฐบาลต่างๆ กำลังรวบรวมข้อมูลว่าเราไปที่ไหน เราพบใคร กินอะไร ซื้อของแบบไหน หนังอะไรที่เราดู และสุขภาพเราเป็นอย่างไร ฯลฯ มนุษย์มีความเสี่ยงที่จะถูก 'แฮก" หากปัญญาประดิษฐ์ไม่ได้รับการควบคุมที่ดีขึ้น

การใช้ข้อมูลนั้น เพื่อหวังให้เกิดผลประโยชน์ด้านกำไรของเอกชน หรือผลประโยชน์ด้านการเมืองของภาครัฐ หรือเพื่อผลประโยชน์ที่แท้จริงต่อมนุษยชาติ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องช่วยกันคิด วิเคราะห์ สังเกต พร้อมกับเฝ้าระวังกันอย่างจริงจัง

“การแฮกมนุษย์” นั้นหมายถึง การสร้างระบบอัลกอริธึม ที่เข้าใจคุณดี กว่าที่คุณเข้าใจตนเอง และสามารถคาดเดาตัวเลือก ความต้องการ และตัดสินใจได้ในนามของคุณ เพื่อควบคุมและจัดการเราโดยตรงแบบเฉพาะเจาะจง

อัลกอริธึม คือ ขั้นตอนหรือลำดับการนำข้อมูลที่มีมาประมวลผลในการแก้ปัญหาใดปัญหาหนึ่ง ยกตัวอย่างง่าย ง่ายๆ เช่น การทอดไข่เจียว สามารถแสดง อัลกอริธึมแบบลำดับ ได้ดังนี้

1.หยิบไข่ไก่ / 2.ตอกไข่ใส่ถ้วย / 3.ปรุงรส / 4.ตีไข่ด้วยช้อนส้อม/ 5.ตั้งกระทะบนเตา /6.เปิดแก๊สติดไฟ / 7.ใส่น้ำมันพืช / 8.นำไข่ลงทอดจนสุก/ 9.ตักไข่ใส่จานที่เตรียมไว้ / จบกระบวนการ

แล้วยิ่งในยุคนี้การพัฒนาของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ซับซ้อนและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแบบต่อเนื่อง ผนวกรวมกับข้อมูลที่มากมายมหาศาลท่วมโลก การประมวลผลและรูปแบบของอัลกอริธึมจึงทรงพลังและซับซ้อนอย่างมาก

อัลกอริธึม ไม่จำเป็นต้องรู้จักเราอย่างสมบูรณ์ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีบางสิ่งมารู้จักเราอย่างสมบูรณ์แบบ แต่พวกมันแค่ต้องการที่จะรู้จักตัวเรา มากกว่าที่เรารู้จักตัวเองแค่เพียงเล็กน้อย ก็เพียงพอแล้ว

ซึ่งเป็นที่น่าสนใจว่า สิ่งนี้เป็นไปได้ เพราะคนส่วนใหญ่นั้นไม่ได้รู้จักตัวเองดีนัก บ่อยครั้งที่ผู้คนไม่รู้สิ่งสำคัญที่สุดเกี่ยวกับตัวเอง อย่างเช่น ผู้ชายบางคนเพิ่งมาค้นพบตัวเองว่า เป็นเกย์ เมื่ออายุได้ 21ปี เขาได้สูญเสียเวลา ไปกับความสับสน ไม่เข้าใจตนเอง และค้นหาตัวเองอย่างมึนงง ในช่วงวัยรุ่นไปอย่างสูญเปล่า และใช้ชีวิตไปกับการปฎิเสธตัวตนทั้งที่เมื่อมองย้อนกลับไปมันมีสัญญานที่ชัดเจนมากหลายอย่าง แต่ทั้งหมดเกิดจากความที่พวกเขาเหล่านั้นไม่รู้จักตัวเองอย่างจริงจัง หรือลึกซึ้งมากพอที่จะทำความเข้าใจและยอมรับเพศสภาพที่ตัวเป็น ผู้ชายที่เป็นเกย์จำนวนมากใช้เวลาตลอดช่วงวัยรุ่นโดยไม่รู้สิ่งที่สำคัญมากเกี่ยวกับตัวพวกเขาเอง

แต่ลองนึกภาพในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าที่ AI ใช้อัลกอริทึมให้สามารถบอกวัยรุ่นคนใดได้อย่างแน่นอนว่า เขา หรือ เธอ อยู่ในกลุ่มรักร่วมเพศ LGBTQ เพียงแค่รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับตัวพวกเขา ยกตัวอย่างวิธีหนึ่งจากหลายร้อยวิธี เช่น การติดตามความเคลื่อนไหวของดวงตา จากคอมพิวเตอร์ หรือสามารถโฟน เมื่อเราท่องโลกอินเตอร์เนต หรือดู Youtube หรือ ขณะที่เดินไปตามถนน หรือแม้แต่การมองป้ายโฆษนาดิจิตอลตรงสถานีรถไฟฟ้า อัลกอริทึมจะเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ดวงตา ของเราว่ามีปฎิกิริยาอย่างไรเมื่อเห็นภาพที่มีผู้หญิงเซ็กซี่ เดินจูงมือกับผู้ชายเซ็กซี่ ริมชายหาด ว่าสายตาของเราจะโพกัสไปที่ใดและตำแหน่งไหน มองผู้หญิงหรือผู้ชาย ที่ก้นอันเว้างอน หรือกล้ามหน้าอกที่บึกบึน

เมื่อข้อมูลเหล่านี้ได้ถูกรวบรวม และวิเคราะห์โดยอัลกอริทึม เราไม่สามารถซ่อนตัวได้จาก อเมซอน ตำรวจลับ หน่วยความมั่นคงของชาติ หรือแม้แต่โคคา-โคล่า

อัลกอริทึมจะคอยจับตาดูเราและแฮกเรา เพื่อหวังผลในบริการของรัฐบาล หรือองค์กรบางองค์กร บางทีคุณอาจยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าคุณเป็นเกย์ แต่ โคคา-โคล่า รู้ดีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นในครั้งต่อไป พวกเขาจะแสดงโฆษนาให้คุณเห็นแบบจำเพาะเจาะจงในระดับบุคคล โดยพวกเขาเลือกที่จะใช้เวอร์ชั่นภาพเป็นผู้ชายที่ไม่มีเสื้อ ซึ่งไม่ใช่เวอร์ชั่นผู้หญิงในชุดบิกินี่ และอีกหลายเวอร์ชั่นที่เขาได้เตรียมพร้อมไว้ส่งให้คุณอย่างต่อเนื่องผ่านสายตาคุณทางสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์เชื่อมต่อแบบเสมือนจริงอีกหลายต่อหลายชิ้นที่จะเกิดขึ้นมาในอนาคตอันใกล้

และวันต่อไปเมื่อคุณเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ คุณจะหยิบโค้ก แทนที่จะเป็นเป็ปซี่ โดยที่อาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเพราะอะไร ซึ่งถ้าเกิดมีคนถาม คุณอาจตอบว่าเพราะมันซ่ากว่า หรือเพราะมันหวานน้อยกว่า แต่เหตุผลลึกๆที่ระบบประสาททางชีวเคมีประมวลผลออกมาในการตัดสินใจซื้อจริงๆอาจไม่ใช่เรื่องนั่น แต่คุณไม่รู้ แต่พวกเขารู้ !! และลองจินตนาการดูว่าข้อมูลที่มีพลังขนาดนี้จะมีมูลค่ามากมายมหาศาลขนาดไหน

แน่นอนไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นเกย์ แต่ทุกคนย่อมมีความลับบางอย่างที่ควรค่าแก่การ “แฮก”

การที่จะแฮกมนุษย์ได้นั้น ปัจจัยหลัก สำคัญ มี สองอย่างคือ ความเข้าใจมนุษย์ด้านชีววิทยาโดยเฉพาะในวิทยาศาสตร์สมอง และ อย่างที่สองคือ ต้องการพลังในการคำนวนและประมวลผลขั้นสูง ในประวัติศาสตร์มนุษยชาตินับพันๆปี เราไม่เคยมีสองอย่างนี้เพียงพออย่างพร้อมเพรียงกัน ในไม่ช้า บริษัทและรัฐบาลจะมีความเข้าใจด้านชีววิทยาเพียงพอ และมีพลังในการคำนวณมากพอที่พวกเขาจะแฮกมนุษย์ได้

สิ่งเหล่านี้เริ่มปรากฎให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆในสาขาต่างๆ เราเต็มใจมอบข้อมูลส่วนตัวให้อัลกอริทึมของ Facebook มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อบอกเราว่าเพื่อนเรา หรือสังคมมีอะไรใหม่ๆ เราวางใจให้้อัลกอริทึมของ Google Maps เพื่อบอกเราว่าเราต้องการไปที่ไหนในช่วงเวลาใด และควรใช้เส้นทางใด เราวางใจให้้อัลกอริทึมของ Netflix บอกเราว่าเราควรดูอะไรดี และไว้วางใจให้อัลกอริทึมของ Amazon Lazada หรือ Shopee เพื่อบอกเราว่าเราควรซื้ออะไร และพวกมันมักเสนอสิ่งที่ใกล้เคียงกับความต้องการของเรา ณ ขณะนั่นมากขึ้นทุกที ถึงแม้นปัจจุบันจะไม่ถูกเผงตรงตัว 100% แต่การพัฒนาของ AI และการเก็บข้อมูลที่มากขึ้นแบบเท่าทวีทุกๆวินาที อีกไม่ช้าความแม่นยำของมันจะเกินระดับ 90% อย่างแน่นอน

ในที่สุดภายใน 10-30 ปี อัลกอริทึมจะบอกเราว่าควรจะเรียนอะไรในมหาวิทยาลัย ทำงานที่ไหน หรือ แม้กระทั้งแต่งงานกับใคร หรือแม้แต่จะโหวตให้ใครเวลามีการเลือกตั้งใหญ่ และเมื่ออัลกอริทึมดีขึ้นเข็มแข็งขึ้น มันจะไม่เพียงแต่นำทางและควบคุมมนุษย์เท่านั้น แต่อาจจะแทนที่มนุษย์ด้านการทำงานมากขึ้นเรื่อยๆในทุกสาขา ไม่ว่าจะพนักงานขับรถ พนักงานธนาคาร หรือแม้แต่แพทย์

สิ่งที่ต้องเตรียมตัวสำหรับตัวเองหรือลูกหลานคือ ในอนาคตอันใกล้ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ และรวดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นที่น่าสังเกตว่ายุคปฏิวัติเกษตกรรม เป็นยุคที่เปลี่ยนจากเก็บของป่าและล่าสัตว์ มาเป็นการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ เกิดขึ้นเมื่อราว 3,000 ปีก่อน และเมื่อผ่านไป ราวเกือบ 2,600 ปี หรือราว 400ปี ที่แล้ว ก็เกิด ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม คือการเปลี่ยนมาใช้เครื่องจักรกลเพื่อทำงานแทนแรงงานคนและสัตว์ จนเวลาผ่านเพียงแค่ราว 70 ปี ก็เกิดยุคที่เรียกได้ว่าการปฏิวัติข้อมูลข่าวสาร หรือก็คือยุคคอมพิวเตอร์ที่เราคุ้นเคย และเวลาผ่านมาแค่เพียงประมาณ 50 ปี ปัจจุบันเราก็ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการปฏิวัติทางเทคโนโลยี ยุคที่เราอยู่ร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI และอยู่ร่วมกับระบบอัตโนมัติที่หลากหลาย

ถ้าลองสังเกตดูดีๆ จะเห็นได้ว่าอัตราเร่งแห่งการเปลี่ยนแปลงและปฏิวัติยุคสมัยนั่นเร็วขึ้นตามลำดับ และใช้เวลาน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด และสิ่งที่มีแนวโน้มอย่างสูงที่จะเป็นไปได้ในอนาคตคือการปฏิวัติและการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัยจะมีอัตราเร่งขึ้นและใช้เวลาน้อยลงอีก อาจจะเป็นทุกๆ 10 ปี หรือ 5 ปี ก็เป็นได้ แล้วเราใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ตลอดเวลาได้อย่างไร?

เมื่อต้องปรับตัวในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ สิ่งที่จำเป็นอย่างมากคือความเข้าใจตัวเอง ความเข้มแข็งในจิตใจ และความยืดหยุ่นต่อความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นตลอดเวลาในหนึ่งช่วงของชีวิต และบททดสอบที่ยิ่งใหญ่อาจเป็นเรื่องทางจิตใจมากกว่าทางเศรษฐกิจ หรือเทคโนโลยที่พัฒนาอย่างไร้ขอบเขต การพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ และ การฝึกสร้างสมดุลทางจิตใจเป็นทักษะที่จะสำคัญมากในศตวรรษที่ 21 เพื่อรับมือกับโลกที่วุ่นวาย และอยู่ในโลกที่ต้องเรียนรู้ไปตลอดชีวิตอย่างแท้จริง

ในอีก 10,000 ปีข้างหน้า อาจมีสิ่งมีชีวิตสักประเภทค้นพบ เลือดของผมในยุงลายที่โดยน้ำยางพาราห่อหุ้มไว้จนตกผลึกเป็นอำพันสีขาวขุ่น ติดอยู่กับซากไม้ยางพาราที่กลายเป็นหิน ฝังลึกลงไปในเปลือกโลก ณ แผ่นดินแถบยูเรเซียที่ไหนสักแห่งหนึ่ง

แต่จะมีประโยชน์อะไรที่จะฟื้นชีวิตผมขึ้นมาใหม่เพื่อนำมาศึกษา แบบไดโนเสาร์ในเรื่องจูราสสิค พาร์ค ในเมื่อชีวเคมี ความรู้สึก ความต้องการ และความลับส่วนตัวที่เป็นดั่งกล่องดำลึกๆในใจผมคงโดน แฮกจนหมดสิ้นเสียแล้ว ก่อนที่จะสิ้นใจตายไปเสียอีก / JPW

------------------------------------------------

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ

- ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ อัลกอริทึม(Algorithm) โดย Patiphan Phengpao จาก milerdev.medium.com

- World Leader จากYou Tube

Yuval Noah Harari : Human can be hacke

TONY HOTRAN : EXPERT WARNS THAT HUMAN BEINGS ARE GOING TO START GETTING HACKED

60 Minutes : Warns Humans Will Be “Hacked” If Artificial Intelligence Is Not Globally Regulated

ภาพโดย : h heyerlein , Joan Gamell , christy jacob , Andrea De Santis จาก Unsplash

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 0

ยังไม่มีความเห็น