โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ย้อนบรรยากาศ ส่ง.ความ.สุข. ผ่านการเขียน “การ์ดอวยพร” สื่อแทนใจที่ไม่มีวันตกยุค

นิตยสารคิด

อัพเดต 05 ม.ค. เวลา 23.39 น. • เผยแพร่ 05 ม.ค. เวลา 23.39 น.
greeting-card-cover

หากพูดถึงช่วงเทศกาลและวันครบรอบนอกจากของขวัญและดอกไม้แล้ว สิ่งที่เป็นสื่อกลางแทนใจ ทั้งยังเป็นตัวแทนในการเชื่อมโยงความรู้สึกกับคนที่เรารักให้ได้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นก็คือ “การ์ดอวยพร” ที่จะขาดไปไม่ได้เช่นเดียวกัน…ชวนมาย้อนดูวิวัฒนาการของการ์ดอวยพร สื่อแทนใจที่มีมาตั้งแต่ยุคแอนาล็อกจนถึงยุคที่สื่อดิจิทัลครองเมือง กับการปรับเปลี่ยนและพัฒนาให้ยังคงเป็นสัญลักษณ์ประจำเทศกาลส่งความสุขที่ไม่เคยตกยุค ทั้งยังถือเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกของมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้งและเป็นรูปธรรม

“คิด” ชวนมาย้อนบรรยากาศ ส่ง.ความ.สุข. ผ่านการเขียน “การ์ดอวยพร” ด้วยการไปสำรวจความเป็นมาและการเติบโตของอุตสาหกรรมผลิตการ์ดอวยพรจากจุดเริ่มต้นมาจนถึงปัจจุบัน ที่ไม่เคยหยุดนิ่งและยังคงดำเนินต่อไป จากการ์ดแบบกระดาษธรรมดา ๆ ไปสู่การ์ดที่สามารถโต้ตอบได้อย่างรวดเร็วทันใจผู้คนยุคใหม่ในวันนี้

(Victoria and Albert Museum, London)

จุดกำเนิดการ์ดอวยพร…เมื่อลายมือสื่อถึงความในใจ
“การ์ดอวยพร” คือตัวแทนในการแสดงออกถึงความรู้สึกในแทบทุกโอกาส กระดาษใบเล็ก ๆ ที่บรรจุไว้ด้วยข้อความที่แสดงออกถึงความรัก ความปรารถนาดี ความกตัญญู ความเห็นอกเห็นใจ การขอโทษ หรือความรู้สึกที่อยากระบายออกจากใจอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกที่จริงจังหรือตลกขบขัน หวานซึ้งหรือโศกเศร้าเคล้าน้ำตา ล้วนถูกบันทึกและส่งต่อไปยังผู้รับเนื่องในโอกาสสุดแสนพิเศษหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับมนุษย์เรามาแล้วนานนับศตวรรษ

โดยทั่วไป เราแบ่งการ์ดอวยพรออกเป็น 2 ประเภท คือ การ์ดอวยพรตามฤดูกาล เช่น วันคริสต์มาส วันวาเลนไทน์ วันพ่อ วันแม่ วันสำเร็จการศึกษา ฯลฯ ส่วนอีกหนึ่งประเภท คือการ์ดอวยพรสำหรับวันพิเศษ เช่น การ์ดอวยพรวันเกิด วันครบรอบ การ์ดแสดงความยินดี การ์ดแสดงความเสียใจ หรือการ์ดเพื่อแสดงความขอบคุณ

หากย้อนกลับไปในจุดเริ่มต้นของการ์ดอวยพรในสมัยโบราณ ก็เกิดจากการที่ผู้คนมีปฏิสัมพันธ์กันผ่านลายลักษณ์อักษร มีการทักทายกันผ่านลายมือและจดหมายส่วนตัว สิ่งเหล่านี้ได้เป็นจุดเริ่มต้นในการวางรากฐานของศิลปะการ์ดอวยพรในเวลาต่อมา ชาวอียิปต์โบราณมักจะส่งข้อความแสดงความปรารถนาดีลงบนกระดาษปาปิรัส ขณะที่ชาวจีนก็จารึกข้อความลงบนไม้ไผ่ และตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 ชาวจีนก็เริ่มใช้ซองจดหมายสีแดงขนาดเล็กที่รู้จักกันในชื่อ “อั่งเปา” หรือ “หงเปา” พร้อมกับเงินเพื่อมอบให้เป็นของขวัญในเทศกาลตรุษจีน จะเห็นได้ว่าทั้งอียิปต์และจีนต่างใช้สิ่งของมีค่าเป็น “ข้อความ” ที่สามารถส่งคำอวยพรจากใจไปถึงผู้รับ นอกจากนี้การ์ดก็ยังสามารถบ่งบอกถึงสถานะทางสังคมของบุคคลนั้น ๆ ได้อีกด้วย

(The British Museum)

ในช่วงศตวรรษที่ 15 นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวัฒนธรรมการส่งการ์ดอวงยพร อันเนื่องมาจากการถือกำเนิดของการ์ดอวยพรแบบพิมพ์ ในยุคนี้การ์ดอวยพรไม่ได้ถูกจำกัดการใช้งานอยู่เฉพาะในชนชั้นสูงอีกต่อไป แต่ยังเข้าถึงผู้คนในวงกล้างและทำให้ทุกคนสื่อถึงกันได้สะดวกสบายขึ้นแม้จะอยู่ห่างไกล ยิ่งเวลาดำเนินมาถึงช่วงศตวรรษที่ 19 ที่เป็นยุคแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม เทคนิคการผลิตในอุตสาหกรรมการ์ดอวยพรก็ยิ่งทวีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้สามารถผลิตการ์ดอวยพรได้เป็นจำนวนมาก และเป็นการบุกเบิกยุคแห่งการส่งการ์ดอวยพรที่แพร่หลายจนกลายเป็นกิจกรรมยอดนิยม

มาจนถึงในยุควิคตอเรีย การ์ดอวยพรก็ถูกพัฒนาให้มีความประณีตและสวยงามมากยิ่งขึ้น มีการนำของประดับต่าง ๆ ทั้งลูกไม้ ริบบิ้น และภาพประกอบที่ซับซ้อนอันเป็นเอกลักษณ์และจุดเด่นของยุคนี้มาใช้งาน การ์ดเหล่านี้กลายเป็นสิ่งที่ได้รับการยกย่องและมีคุณค่าทั้งในด้านงามและความรู้สึกที่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านความประณีตบรรจงของการ์ดแต่ละใบ

อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการพิมพ์ในยุควิคตอเรียยังมีบทบาทสำคัญต่อวิวัฒนาการของการออกแบบการ์ดด้านอื่น ๆ เช่น การนำเทคนิค “โครโมลิโทกราฟี” (Chromolithography) หรือวิธีการพิมพ์หลายสีเข้ามาใช้ ทำให้เกิดเป็นภาพประกอบที่มีชีวิตชีวาและมีรายละเอียดที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับการ์ดอวยพรในเวลานั้น

มาจนถึงการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 20 ด้วยความก้าวหน้าของนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มีผลต่ออุตสาหกรรมการ์ดอวยพร ทำให้ผู้คนสามารถปรับแต่งการ์ดอวยพรด้วยภาพถ่ายส่วนตัวพร้อมกับใส่ความรู้สึกของตัวเองลงไปได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้นตามความต้องการ และยังทำให้มีบริษัทใหญ่ ๆ ถือกำเนิดโดยมีบทบาทสำคัญในการกำหนดภูมิทัศน์เชิงพาณิชย์ของอุตสาหกรรมการ์ดอวยพร โดยพยายามบ่งบอกว่าการ์ดอวยพรไม่ได้เป็นวิธีแสดงออกถึงความรู้สึกเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกับโอกาสต่าง ๆ ในชีวิตของผู้คนอีกด้วย

(The British Museum)

การเติบโตของอุตสาหกรรมการ์ดอวยพร
การผลิตการ์ดอวยพรในเชิงพาณิชย์เริ่มต้นขึ้นในช่วงปี 1860 โดยเป็นการ์ดอวยพรในโอกาสวันวาเลนไทน์ ที่ต่อมาก็ได้มีการผลิตซองหลากหลายสีเพื่อให้เข้าชุดกับการ์ดที่ผลิตขึ้น หลุยส์ ปราง (Louis Prang) ผู้อพยพชาวเยอรมันที่ไปอยู่ในอเมริกา ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็น “บิดาแห่งการ์ดคริสต์มาสของสหรัฐอเมริกา” ได้เริ่มผลิตการ์ดอัลบั้มโดยสร้างสรรค์จากภาพฉากสงครามการเมืองของวินสโลว์ โฮเมอร์ (Winslow Homer) จิตรกรและนักวาดภาพประกอบชาวอเมริกัน นอกจากนี้ เขายังพิมพ์โฆษณาและการ์ดเชิญที่มีลายลวดดอกไม้ จนกระทั่งในปี 1875 ก็ได้เพิ่มคำอวยพรตามโอกาสต่าง ๆ เข้าไป ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในเวลาอันรวดเร็ว การ์ดของปรางถือเป็นการ์ดที่ดีที่สุดในตลาดและได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ ทำให้ธุรกิจการ์ดของปรางรุ่งเรืองมาจนถึงปี 1895 และนับตั้งแต่ปี 1900 จนถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ธุรกิจการ์ดอวยพรก็ได้กลายเป็นธุรกิจผูกขาดของประเทศเยอรมนี

มาถึงในปี 1910 การผลิตการ์ดอวยพรกลับมาได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง และได้รับความนิยมอย่างล้นหลามภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 จนประเพณีการแลกการ์ดอวยพรทั้งในช่วงเทศกาลและวันธรรมดาได้กลายมาเป็นที่ยอมรับในสหรัฐอเมริกา และมีบริษัทผลิตการ์ดอวยพรอย่าง Hallmark ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำระดับโลกในช่วงเวลานั้น โดยชูจุดเด่นในการนำเสนอการ์ดหลากหลายรูปแบบสำหรับโอกาสต่าง ๆ ให้ผู้คนสามารถแสดงความรู้สึกของตัวเองได้โดยไม่ต้องประดิษฐ์การ์ดเอง และยังได้นำนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการออกแบบและผลิตการ์ดอวยพร ทั้งแอนิเมชัน ภาพเคลื่อนไหว เอฟเฟ็กต์ 3 มิติทั้งภาพและเสียงมาประยุกต์ใช้ ตลอดจนได้เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมนี้ด้วยการบรรจุการ์ดอวยพรในซองขนาดที่กำหนดเอง ซึ่งนับเป็นการเริ่มต้นของยุคโปสการ์ดเลยก็ว่าได้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปัจจุบันผู้คนจะนิยมใช้การ์ดอิเล็กทรอนิกส์และสื่อสังคมออนไลน์เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษและอวยพรให้แก่กัน แต่อุตสาหกรรมการ์ดอวยพรนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและพยายามตอบโจทย์ผู้บริโภค โดยในปี 2010 มีครอบครัวชาวอเมริกันเลือกซื้อการ์ดอวยพรกว่า 7 พันล้านใบต่อปี คิดเป็นมูลค่ายอดขายมากกว่า 7.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการ์ดในโอกาสวันคริสต์มาส ในขณะที่การ์ดอวยพรวันเกิดก็ยังครองอันดับหนึ่งสำหรับประเภทการ์ดรายวัน

(Annie Spratt / Unsplash)

ส่งใจให้กันในยุคดิจิทัล
ยุคดิจิทัลได้เปลี่ยนวิธีการที่เราจะส่งความรู้สึกดี ๆ ให้กัน จากการส่งการ์ดอวยพรมาเป็นการส่งข้อความ อีโมจิ หรือสติกเกอร์ผ่านหน้าจอ เนื่องจากสามารถส่งได้อย่างรวดเร็วทันใจผ่านทางออนไลน์ ซึ่งความสะดวกและรวดเร็วเช่นนี้ได้เปลี่ยนพลวัตของการแสดงความรู้สึกด้วยเทคโนโลยีที่ทำให้วัตถุทางกายภาพอย่างการ์ดอวยพร ถูกพัฒนาให้สามารถโต้ตอบและมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเทคโนโลยี AR ได้ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างการ์ดอวยพรแบบ Augmented Reality การ์ดเหล่านี้เป็นการ์ดอวยพรแบบดั้งเดิมที่ได้รับการปรับปรุงด้วยเทคโนโลยี AR โดยเมื่อผู้รับใช้สมาร์ตโฟนสแกนที่การ์ดอวยพร ก็จะทำให้เห็นความมีชีวิตชีวาของการ์ดอวยพรผ่านหน้าจอสมาร์ตโฟนของตนเอง และยังสามารถโต้ตอบกับการ์ดได้จริง ซึ่งช่วยเพิ่มความดึงดูดใจให้ผู้รับได้มากกว่าแบบดั้งเดิม

KORBLE บริษัทผู้บุกเบิกการ์ดอวยพรแบบใหม่ที่เน้นเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และความยั่งยืน มุ่งมั่นทมี่จะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการ์ดอวยพรแบบดั้งเดิม ด้วยการ์ดอวยพรอัจฉริยะที่ล้ำสมัยยิ่งกว่า โดยการฝังเทคโนโลยี NFC (Near Field Communication) หรือเทคโนโลยีการสื่อสารแบบไร้สาย ผสมผสานการปฏิสัมพันธ์ทางกายภาพและดิจิทัลเข้าด้วยกัน ในการแบ่งปันข้อความในทุกโอกาส พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับโลกของการ์ดอวยพรที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้น

ออซคาน ออซ (Ozkan Oz) ผู้หลงใหลในการผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับศิลปะแห่งการส่งความรู้สึกอย่างการ์ดอวยพร และเป็นผู้คิดค้นผลิตภัณฑ์ Smart Greeting Card ที่รองรับ NFC อันเป็นวิธีการใหม่ในการส่งข้อความจากหัวใจให้ผู้รับในโอกาสต่าง ๆ เช่น วันเกิด วันครบรอบ และเทศกาลอื่น ๆ อธิบายว่า เพียงแค่มีสมาร์ตโฟนกับการ์ด ผู้รับก็สามารถรับชมวิดีโอความยาว 15 วินาที โดยไม่จำเป็นต้องมีแอปพลิเคชันหรือสมัครสมาชิกใด ๆ เพิ่มเติม โดยการ์ดอวยพรแต่ละใบจะมีชิป NFC อยู่ในตัว เพื่อช่วยให้ผู้รับสามารถอัปโหลดหรือแบ่งปันวิดีโอได้ เทคโนโลยีนี้ยังช่วยเพิ่มมิติให้กับการ์ดอวยพรแบบดั้งเดิมและเพิ่มความตื่นเต้นสำหรับทุก ๆ วันสำคัญให้น่าจดจำมากยิ่งขึ้น

และเนื่องจากในปัจจุบันที่ทุก ๆ ภาคส่วนจำเป็นต้องให้ความสำคัญและใส่ใจกับความยั่งยืนและการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แนวโน้มการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนเหล่านี้ก็ส่งผลต่ออุตสาหกรรมการ์ดอวยพรด้วยเช่นเดียวกัน ปัจจุบัน บริษัทผู้ผลิตการ์ดอวยพรต่าง ๆ จึงพากันนำเสนอการ์ดอวยพรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในมิติต่าง ๆ เช่น กระบวนการผลิตการ์ดที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล กระบวนการพิมพ์ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือการเปลี่ยนมาใช้การ์ดแบบดิจิทัลที่สามารถส่งถึงกันได้โดยปราศจากรอยเท้าคาร์บอน ก็ได้รับการส่งเสริมให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการ์ดอวยพรที่ทั้งดีต่อใจและดีต่อโลก

“การ์ดอวยพร” ยังคงเป็นสื่อแทนใจที่ไม่มีวันตกยุค ตราบใดที่การสื่อสารแบบข้อความยังคงได้รับความนิยม ด้วยลักษณะที่จับต้องได้ของการ์ด การโต้ตอบได้ของนวัตกรรมที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ ประกอบกับความรู้สึกจากใจที่ถูกบรรจงร้อยเรียงใส่ลงไปในการ์ด สิ่งเหล่านี้ยังคงทำให้การเฉลิมฉลองเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง อบอุ่น และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบที่ของขวัญชิ้นไหน ๆ ก็ไม่อาจเทียบได้

ที่มา : บทความ “The History of the Greeting Card and Its Evolution Over Time” จาก artificialink.co.uk
บทความ “greeting card” จาก britannica.com
บทความ “The Evolution and History of Greeting Cards: A Journey Through Time” จาก leanintree.com
บทความ “Innovative AR greeting CARDS” จาก zerodegreezdesign.com
บทความ “KORBLE is Revolutionizing Greetings with Innovative NFC-Embedded Smart Greeting Cards” จาก newsfilecorp.com

เรื่อง : ณัฐนิธิ ประเสริฐแท่น

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

วิดีโอแนะนำ

ข่าว ไลฟ์สไตล์ อื่น ๆ

พบกับ ZOAFUL Winter POP-UP การเดินทางในฤดูหนาวที่แสนอบอุ่นจาก ZO&FRIENDS 25-28 ธ.ค. นี้!

LINE ประเทศไทย

ดูสด "โปรจีโน่" ลุย LPGA 2026 ครบทุกทัวร์ ที่เดียวบน AIS PLAY

PostToday

7 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ "วันคริสต์มาส" ทำไมตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

คนรุ่นใหม่ 63 เปอร์เซ็นต์ แห่เปย์ “ของขวัญดิจิทัล” สตรีมมิง-เกม-คอร์สเรียน มากที่สุด

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

กล้องฮับเบิลเผยโฉม “Dracula’s Chivito” แหล่งกำเนิดดาวเคราะห์ที่ใหญ่และปั่นป่วนที่สุดเท่าที่เคยพบ

SPACEMAN

สยามพารากอน เนรมิตความสุข “Siam Paragon The Magical Celebration 2026” ยกทัพเวิลด์คลาสอีเวนต์ฉลองคริสต์มาส–เคานต์ดาวน์สุดยิ่งใหญ่

สยามรัฐ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...