24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 5 มกราคม 2568
24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 5 มกราคม 2568
>> ไฟไหม้โรงงานเม็ดพลาสติก กระทุ่มแบน คาดเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
06.45 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นที่โรงงานประกอบกิจการประเภท ผลิตเม็ดพลาสติกสำเร็จรูปแห่งหนึ่ง ต.ท่าเสา อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร รถดับเพลิงของ อบต.ท่าเสา ทม.กระทุ่มแบน และพื้นที่ใกล้เคียง รวมกว่า 15 คัน เข้าระงับเหตุ
เจ้าหน้าที่ต้องระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังโรงงานใกล้เคียง เนื่องจากบริเวณพื้นที่ดังกล่าวเป็นย่านที่มีผู้เช่าโกดังผลิตเม็ดพลาสติกอยู่หลายแห่ง จึงมีการเก็บกองพลาสติกเก่าไว้เป็นจำนวนมาก โดยใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมงก็สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่ยังคงต้องคอยฉีดน้ำหล่อเลี้ยงต่อไปเพื่อป้องกันไม่ให้ไฟเกิดปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
จากการสอบถาม รปภ.ที่อยู่ใกล้กับโรงงานที่เกิดเหตุบอกว่า ตอนเกิดเหตุเพลิงไหม้นั้น มีคนงานทำงานอยู่ด้านใน พอเกิดไฟไหม้ก็เห็นคนงานวิ่งออกมาเอาถังดับเพลิงเข้าไปฉีด แต่เอาไม่อยู่ เพลิงได้โหมลุกไหม้อย่างรุนแรงและรวดเร็ว คนงานทั้งหมดจึงต้องรีบวิ่งหนีออกมา แล้วก็มีการประสานไปยังศูนย์ดับเพลิงฯ ให้เข้ามาช่วยระงับเหตุ
สำหรับโรงงานต้นเพลิงนั้น มีลักษณะเป็นอาคารโกดังชั้นเดียว ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 1 ไร่ ภายในเป็นสถานที่เก็บพลาสติกเก่าจำนวนมากเพื่อนำมารีไซเคิลแล้วเข้าสู่กระบวนการผลิตเม็ดพลาสติก โดยในช่วงที่เกิดเหตุมีคนงานทำงานอยู่ด้านในเกือบ 10 คน โชคดีที่หนีออกมาได้ทั้งหมด ส่วนเพลิงที่โหมลุกไหม้อย่างรุนแรงได้ส่งผลทำให้อาคารโรงงานถูกเผาวอดทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีโรงงานข้างเคียงอีก 2 แห่งที่ตั้งอยู่ติดกันได้รับความเสียหายบางส่วน จากการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต มูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดว่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
>> รถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์ เด็กชายวัย 13 ปีเจ็บสาหัส กู้ชีพ - กู้ภัยเร่งช่วยเหลือ ก่อนไปเสียชีวิตที่ รพ.
08.56 น. รับแจ้งจาก มูลนิธิเพชรเกษม สาขานครศรีธรรมราช มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถกระบะ และมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส บนถนน ใกล้เคียงโรงเรียนบ้านไสพลู ในพื้นที่ ม.8 ต.เปลี่ยน อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช
ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ อีซูซุ ดีแม็กซ์ สีทอง สภาพกันชนหน้ารถมีร่องรอยการเฉี่ยวชน และห่างออกไป พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สกูปปี้ สีฟ้า ล้มคว่ำ ใกล้กันพบผู้บาดเจ็บ 1 ราย มีอาการสาหัสและหมดสติ ทาางอาสากู้ชีพ - กู้ภัยเร่งช่วยเหลือด้วยการปั๊มหัวใจ ก่อนจะเคลื่อนย้ายนำส่งโรงพยาบาลสิชล และรับแจ้งว่าผู้บาดเจ็บ ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบเอกสาร เป็นเด็กชาย อายุ 13 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิชล
>> คนร้ายจ่อยิงหนุ่มขับแบ็คโฮเสียชีวิต ริมถนนติดสวนปาล์ม คาดคนร้ายอาจเป็นคนรู้จัก
09.00 น. รับแจ้งจากกู้ภัยไชยา มีเหตุพบผู้เสียชีวิตถูกยิงด้วยอาวุธปืน ริมถนนติดสวนปาล์ม ซอยตาแส ในพื้นที่ อ.ไชยา จ.สุราษฏร์ธานี หลังเกิดเหตุ ร้อยเวรสืบสวน รุดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิตทราบชื่อ นายสมศักดิ์ อายุ 29 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนนอนเสียชีวิต ริมถนนติดสวนปาล์ม สภาพศพนอนคว่ำหน้าใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีเทา นุ่งกางเกงขายาว สีน้ำเงิน สะพายกระเป๋า และยังพบอุปกรณ์เสพยาในที่เกิดเหตุ ทราบว่าคนตายเป็นคนขับรถแบ็คโฮ
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไชยา พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่เก็บรวมรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นคาดว่าผู้ก่อเหตุ จะเป็นคนรู้จักกับผู้ตาย อาจมีการนัดเคลียร์ปัญหาบางอย่างแล้วตกลงกันไม่ได้ จึงชักอาวุธปืนจ่อยิงก่อนหลบหนีไป ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเร่งสอบสวนเพื่อติดตามจับกุมต่อไป
>> โค้งสุดท้าย เฝ้าระวังอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ 68 ยอดเมาขับนำโด่ง 7,301 คดี
11.18 น. พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยสถิติคดีคุมประพฤติช่วงปีใหม่ 2568 โดยวันที่ 4 มกราคม 2568 มีคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติรวมทั้งสิ้น 410 คดี โดยเป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 374 คดี และคดีขับเสพ 36 คดี
สรุปยอดสะสม 9 วันที่มีการควบคุมเข้มงวด ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2567 - 4 มกราคม 2568 มีคดีคุมประพฤติรวม 7,647 คดี ยอดติด EM สะสม 44 ราย
คดีขับรถขณะเมาสุรา 7,301 คดี (ร้อยละ 95.47) ติด EM 41 ราย, คดีขับเสพ 340 คดี (ร้อยละ 4.45) ติด EM 3 ราย, คดีขับรถประมาท 4 คดี (ร้อยละ 0.05) และ คดีขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 2 คดี (ร้อยละ 0.03) จังหวัดที่มียอดสะสมคดีขับรถขณะเมาสุราสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (605 คดี) เชียงใหม่ (441 คดี) และนนทบุรี (395 คดี)
>> คุณยายวัย 69 ปี ขับรถเก๋งชนท้ายรถกระบะ เสียชีวิตในยานพาหนะ ตร.คาดว่าอาการวูบ ก่อนเกิดอุบัติเหตุ
12.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามโคก รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถชนกันและมีผู้เสียชีวิต บริเวณถนนกาญจนาภิเษก ฝั่งตะวันตก ฝั่งมุ่งหน้า อ.บางปะอิน ช่วงหลัก กม.ที่ 69 ในพื้นนที่ คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี
ในที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล ฮอนด้า สีทอง ป้ายทะเบียน กทม. สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน ภายในรถที่เบาะคนขับพบร่างผู้เสียชีวิตทราบชื่อต่อมาคือนางสมบัติ อายุ 69 ปี ห่างไปด้านหน้าประมาณ 30 เมตรมีรถกระบะ โตโยต้า สีขาว บรรทุกจอดติดเครื่องอยู่ ที่ท้ายรถมีร่องรอยถูกชนจนเสียหาย
ต่อมา นางระเบียบ อายุ 68 ปี น้องสาวผู้เสียชีวิต เดินทางมาที่เกิดเหตุพร้อมกับร่ำไห้ โดยนางระเบียบ อินยืน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ พี่สาวตนได้ขับรถมาหาตนที่บ้าน เมื่อช่วง 11 โมง แต่ไม่เจอตน เพราะตนออกไปซื้อของข้างนอกพอตนขับรถกลับมาที่บ้านก็เห็นพี่สาวตนขับรถเก๋งคันดังกล่าวขับสวนออกไปตนได้พยายามบีบแตรเรียกแต่ก็ไม่ทันและเมื่อไปถึงบ้านก็พบว่าพี่สาวตนทำแกงมาฝากไว้ ตนจึงได้นั่งกิน ข้าวกับแกงของพี่สาวพร้อมกับส่งไลน์ไปบอกว่าขอบคุณมากที่เอาแกงมาฝาก หลังจากนั้นไม่นาน หลานชายก็โทรมาบอกว่า พี่สาวตนประสบอุบัติเหตุ รถชนเสียชีวิตจึงรีบ มาดู ไม่คิดว่า แกงถุงนี้จะเป็นถุงสุดท้าย ที่พี่สาวตอนเอามาให้ ก่อนจะเสียชีวิต
ด้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ และแพทย์เวรร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก่อนมอบร่างให้ทางมูลนิธินำส่งชันสูตร ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรม ทางด้านสาเหตุ คาดว่า ผู้เสียชีวิตอาจจะหลับในหรือมีอาการวูบ เนื่องจากสอบถามทางญาติ บอกว่ามีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวาน อย่างไรก็ตามจะได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดและหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
>> พบร่างทารก ถูกห่อด้วยโสร่งยัดกระเป๋าจุดธูปเทียนสะกดวิญญาณ ถูกโยนทิ้งคลองระบายน้ำย่านบางโฉลง ตร.เร่งสอบสวน
14.00 น. สภ.บางพลี พร้อมด้วย ได้รับแจ้งว่า พบศพทารกแรกเกิด ที่ถูกห่อผ้าโสร่ง ยัดใส่กระเป่าสะพายสีเทาดำ นำมาโยนทิ้งในคลองระบายน้ำบางโฉลงบน ติดกับสนามบินสุวรรณภูมิ หมู่ที่ 5 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
ที่เกิดเหตุ พบกระเป๋า 1 ใบ ตรวจสอบภายในพบว่าทารกเพศหญิง รายนี้ถูกห่อด้วยผ้าโสร่งซึ่งมีเสื้อชุดนอนหญิง 1 ตัว เสื้อยืดสีดำ 1 ตัว เสื้อผ้าเด็กหญิงแรกเกิด 1 ชุด และมีธูปที่จุดแล้ว 1 ดอก เทียน 3 เล่ม ถูกปักที่กระเป๋าด้านของของกระเป๋าสะพายหลังใบดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะเป็นการสะกดวิญญาณทารกรายนี้ ส่วนสภาพทารก พบว่าร่างกายสมบูรณ์ดี อวัยวะครบ 32 มีสายสะดือและรกมารดาติดมาด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าเสียชีวิตไม่เกิน 24 ชั่วโมง เจ้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและพนักงานสอบสวนจึงทำการเก็บหลักฐานต่างๆและถ่ายรูปทำแผนที่เกิดเหตุเอาไว้เป็นหลักฐานก่อนจะมอบร่างทารกแรกเกิดรายนี้ส่งไปชันสูตรหาสาเหตุอย่างแท้จริง
ด้านผู้กำกับ สภ.บางพลี ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนไปเร่งหาเบาะแสแม่ใจยักษ์รายนี้มาสอบปากคำดำเนินคดีโดยเร็ว ส่วนทารกเพศหญิงรายนี้คาดว่าจะเป็นทารกสัญชาติพม่าเนื่องจากมีโสร่งพม่าและซองขนมภาษาพม่าอยู่ด้วย ส่วนเด็กจะเสียชีวิตหลังคลอดอกมาหรือเสียชีวิตจากการจมน้ำนั้นยังไม่สามารถระบุได้จะต้องรอผลการชันสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง
>> จับคนไทย พา ต่างด้าวซุกซ่อนในรถบรรทุก หลบหนีเข้าเมือง 24 คน ไม่หวันโรคระบาดในประเทศ
14.44 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค. หน่วยเฉพาะกิจราชมนู (ฉก.ราชมนู) โดย หมวดระวังป้องกัน หน่วยเฉพาะกิจราชมนู (มว.รวป.ฉก.ราชมนู) และ หมวดลาดตระเวนไกล (มว.ลว.ไกล) กองกำลังนเรศวร (กกล.นเรศวร) ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน ภูธรจังหวัดตาก ปฏิบัติหน้าที่ประจำด่านห้วยยะอุ หมู่ที่ 10 ต.ด่านแม่ละเมา อ.แม่สอด จังหวัดตาก
โดยขณะปฏิบัติหน้าที่ ได้เรียกตรวจค้นรถบรรทุกไม่ประจำทาง 22 ล้อ ยี่ห้อ ฮีโน่ สีขาว มีผ้าใบคลุมท้ายข้างหลังมุ่งหน้าไปทางอำเภอเมืองตาก จากการตรวจสอบภายในบรรทุกด้านหลัง พบบุคคลสัญชาติ เมียนมา ลักลอบเข้าเมืองซุกซ่อนอยู่ในภาย จำนวน 24 คน เป็นชาย 17 คน หญิง 7 คน หน่วยจึงได้ทำการจับกุมแรงงานต่างด้าว พร้อมผู้นำพา จำนวน 2 คน ทราบชื่อต่อมา นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 23 ปี คนขับรถ และ น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี
จากการซักถาม นายเอ และ นส.บี ให้การรับสารภาพตนและแฟนสาวได้รับแรงงานต่างด้าวกลุ่มนี้ จากป่าข้างทางบริเวรสะพานมิตรภาพไทย-พม่าแห่งที่ 2 อำเภอแม่สอด โดยกลุ่มแรงงานต่างด้าวได้เดินทางมาจาก จ.เมียวดี โดยมีนายกี ติดต่อให้ไปรับชาวเมียนมา ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 โดยกลุ่มแรงงานต่างด้าวมาขึ้นรถเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 4 มกราคม 2568 ซึ่งจะได้รับค่าจ้างในการดำเนินการ รายหัวละ 3,000 บาท ซึ่งจะได้รับเงิน เมื่อนำพาแรงงานไปส่งถึงจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อเดินทางต่อไปในเขตปริมณฑลชั้นใน ทางหน่วยจึงได้ แจ้งกับผู้นำพาไปว่าการนำพาต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองนั้นก็ผิดกฎหมาย และขนาดนี้มีโรคระบาด (อหิวาตกโรค) ต้องมีการระวังป้องกัน หากนำพาหลุดลอดอาจจะไประบาดในประเทศ ก่อนนำตัวมั้งหมดส่ง ตำรวจ สภ.พะวอ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
>> รถจักรยานยนต์ชนกับรถบรรทุก หนุ่มน้อยวัย 16 ปีดับ
15.50 น.รับแจ้งจาก หน่วยกู้ภัยชบา191จุดโพนพิสัย มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ชนกับรถบรรทุก และมีผู้เสียชีวิต บนถนนภายในหมู่บ้าน เส้นทางบ้านโนนภูทอง - บ้านโคกหัวภู ในพื้นที่ ต.เหล่าต่างคำ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า มีโอ สีดำ ป้ายทะเบียน หนองคาย ล้มคว่ำสภาพพังเสียหายทั้งคัน อยู่ท้ายรถ 6 ล้อ บรรทุกดิน ป้ายทะเบียน หนองคาย ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 16 ปี สภาพศพโดนรถเหยียบบริเวณศีรษะและแผลตามร่างกาย ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เหล่าต่างคำ
>> บุกยิงเจ้าของอู่ซ่อมรถ จยย.บาดเจ็บสาหัส ก่อนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ตร.ปิดล้อมก่อนรวบมือปืน คุมตัวไปสอบปากคำ
17.30 น. สภ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันมีผู้บาดเจ็บสาหัส ที่อู่ซ่อมรถจักรยานยนต์ หมู่ 3 ต.หรเทพ อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี
ที่เกิดเหตุพบเป็นอู่ซ่อมรถจยย. ลักษณะเป็นเพิงพักริมถนนในหมู่บ้าน พบกองเลือดจำนวนมากหยดเป็นทาง ส่วนผู้บาดเจ็บเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ได้นำส่ง รพ.บ้านหมอ ไปก่อนหน้านี้แล้ว ก่อนเสียชีวิตระหว่างทาง ทราบชื่อคือ นายธีรวัฒน์ อายุ 32 ปี เป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถจยย. ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่ลำคอ 1 นัด หน้าอกซ้าย 1 นัด และหน้าอกขวา 1 นัด ส่วนผู้ก่อเหตุ ทราบว่าคือ นายพจน์ อายุ 43 ปี เป็นเพื่อนบ้าน พักอาศัยที่บ้านห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร หลังจากก่อเหตุได้ขี่รถจยย.ฮอนด้าเวฟ 125ไอ สีขาว ทะเบียน สระบุรี หลบหนีไปพร้อมอาวุธปืน
ต่อมาตำรวจได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า นายพจน์ จอดรถจยย.ทิ้งไว้ที่กระต๊อบกลางทุ่งนา ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร ตำรวจจึงนำกำลังไปปิดล้อมจนสามารถจับตัว นายพจน์ ไว้ได้ในสภาพอิดโรย ก่อนจะควบคุมตัว นายพจน์ ไปสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อแจ้งข้อหาและจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> รถนั่งส่วนบุคคลชนเสาไฟเกาะกลาง คนขับเจ็บสาหัส อาสากู้ชีพ-กู้ภัยเร่งปั๊มหัวใจ แต่ไม่เป็นผล
19.15 น. ศูนย์วิทยุมูลนิธิสัจจพุทธธรรมแห่งประเทศไทย อ.กบินทร์บุรี รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถนั่งส่วนบุคคลชนเสาไฟฟ้า และมีผู้บาดเจ็บสาหัส ถนนสุวรรณศร บริเวณใกล้เคียงหมูกระทะ ในพื้นที่ ตำบลนาแขม อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี
ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล ฮอนด้า ซีวิค สีทอง ป้ายทะเบียน 618 กรุงเทพมหานคร ลักษณะชนกับเสาไฟส่องแสงสว่างบริเวณเกาะกลางถนน ตรวจสอบมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นชาย 1 ราย ยังอยู่ในยานพาหนะ เบื้องต้นผู้บาดเจ็บไม่มีชีพจร
อาสาสมัครกู้ภัย ได้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บออกมาจากระยะพาหนะ และได้ทำการปั๊ม CPR ให้ผู้บาดเจ็บในจุดเกิดเหตุ เพื่อรอทีมกู้ชีพโรงพยาบาลกบินทร์บุรีสนับสนุนในจุดเกิดเหตุ และในเวลาต่อมาทีมกู้ชีพฯ ได้ยืนยันผู้บาดเจ็บได้เสียชีวิตลงในที่เกิดเหตุ ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 57 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กบินทร์บุรี
>> เพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ซอยบางแค 14 เสียหายวอดหลายหลัง จนท.นำผู้ประสบภัย 9 ครอบครัวเข้าพักที่ศูนย์พักพิง
20.05 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ ซอยบางแค 14 ถนนบางแค แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่บ้านเลขที่ 19/8 เพลิงลุกไหม้บ้านเลขที่ 19/8 , 14/7 และไม่ทราบบ้านเลขที่, เสียหายหมดทั้งหลังจำนวน 3 หลังคาเรือน ลุกลามบ้านข้างเคียงเสียหายบางส่วนจำนวน 4 หลังคาเรือน พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 300 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากเพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งหมด ที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เป็นเพศชาย อายุประมาณ 74 ปี ได้รับบาดเจ็บไฟคลอกที่มือทั้งสองข้างและต้นขาทั้งสองข้าง อาสาสมัครมูลนิธินำส่งโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ ที่เกิดเหตุมีผู้ประสบภัยจำนวน 9 ครอบครัว รวม 28 ราย เข้าพักที่ศูนย์พักพิงโรงเรียนคลองหนองใหญ่ พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางแค ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่าวการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เพชรเกษม
>> ไฟไหม้ในโรงงาน บริเวณนิคมอุตสาหกรรมย่านบางปู เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำเข้าสกัด ก่อนเพลิงสงบลงในเวลาต่อมา
22.00 น. รับแจ้งจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีเหตุไฟไหม้โรงงานแห่งหนึ่ง ภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมย่านบางปู ในพื้นที่ ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
ที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นโรงงานประกอบธุรกิจการเคลือบโลหะ พบเพลิงลุกไหม้บริเวณเครื่องจักร เจ้าหน้าที่อาสาบรรทาสาธารณภัย พร้อมด้วยรถดับเพลิง เร่งระดมใช้หัวฉีดน้ำเข้าสกัดเพลิง จนสามารถควบคุมและเพลิงสงบลงในเวลาต่อมา ตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต สาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปู
>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา
03.21 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 2.1 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณ 126 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย