นายกฯ แถลง นโยบายปี 2568 ดัน 5 นโยบายหลัก “ดิจิทัลวอลเล็ต-บ้านเพื่อคนไทย-แก้หนี้ครัวเรือน” สร้างปีแห่งโอกาสของไทย
นายกฯ แถลง นโยบายปี 2568 ดัน 5 นโยบายหลัก "ดิจิทัลวอลเล็ต-บ้านเพื่อคนไทย-แก้หนี้ครัวเรือน" รวมถึงผลักดันทุนสำหรับอำเภอ-หมู่บ้าน หนุนการศึกษา สร้างปีแห่งโอกาสของไทย
วันที่ 12 ธันวาคม 2567 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ 3 เดือน และการกำหนดทิศทางของประเทศไทยในปี 68 เพื่อให้สามารถแข่งขันกับทุกประเทศในโลกได้ ภายใต้ชื่อ "2568 โอกาสไทย ทำได้จริง" พร้อมมอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี ณ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) กรมประชาสัมพันธ์ โดยมีคณะรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุม
นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า 90 วันที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาของการปรับตัว ปรับการทำาน ทั้งตัวเอง คณะรัฐญมนตรี และข้าราชการ ได้เริ่มหาแนวทางว่าการทำงานแบบไหนที่สามารถอำนวยควาสะดวกตอบโจทย์ประชาชนได้จริง เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น
นายกฯ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่รับตำแน่งนายกรัฐมนตรี ตั้งคำถามว่าอยากให้อะไรเกิดขึ้นกับประเทศไทย และคิดว่าอยากสร้างนโยบายดีๆ ให้กับประเทศไทย โดยไม่ว่านายกฯจะเป็นใคร รัฐบาลจะเป็นชุดไหน แต่นโยบายดีๆ ยังต้องอยู่กับประชาชน
โดยทุกนโยบายที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 ได้แก่
1. ODOS หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน
การที่มีทุนการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญมากต่อพื้นที่การสร้างคน การสร้างทรัพยากรบุคคลให้มีคุณภาพเพื่อพัฒนาประเทศต่อไป ดังนั้นจึงต้องสร้างคนคุณภาพไว้เพื่ออนาคตข้างหน้า รัฐบาลจะมีการจัดทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียนที่เรียนดีไปต่างประเทศ แระจายไปทั่วโลก เพื่อให้เด็กเหล่านี้ได้มีโอกาสและนำโอกาสดีๆ เหล่านี้มาสู่ประเทศไทย โดยโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุนจะใช้เงินจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลส่งเด็กเก่งไปต่อปริญญาตรีมหาวิทยาลัยต่างประเทศ
2. 1 อำเภอ 1 Summer Camp
โครงการ 1 อำเภอ 1 Summer Camp จะส่งเด็กไปซัมเมอร์แคมป์ต่างประเทศ โดยอยากให้เด็กไทยออกต่างประเทศ เรียนซัมเมอร์แคมป์ระยะเวลาสั้นๆ ช่วงปิดเทอม ทำให้ได้เห็นวัฒนธรรม การเติบโต วิถีชีวิตของต่างชาติ รวมถึงช่วยเปิดโลก อยากให้เด็กไทยจำนวนมากได้ออกนอกประเทศ ได้เรียนรู้ และแชร์ในครออบครัวและเพื่อนฟัง
3. สร้างโรงเรียนต้นแบบประจำอำเภอ
โครงการสร้างโรงเรียนต้นแบบประจำอำเภอ เป็นการอัปเกรดโรงเรียนประจำอำเภอให้มีคุณภาพมากขึ้น เป็นโรงเรียนต้นแบบของแต่ละอำเภอ ทั้งโรงเรียนระบบ 2 ภาษา (bilingual) หรือการสอน AI โดยเป็นการซื้อลิขสิทธิ์หลักสูตรเพื่อให้การเรียนการสอนถูกต้อง แม่นยำ และเข้มข้นขึ้น ซึ่งนำงบประมาณมาจากสำนักงานสลากฯ โดยจะเริ่มดำเนินการให้ลงทะเบียนในปี 2568 สำหรับโครงการนี้มอบหมายให้ให้รองนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล, ประเสริฐ จันทรรวงทอง และสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
4. โครงการ SML Wmpowering Thais กระจายอำนาจสู่ชุมชน
โครงการ SML ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่จะกระจายโอกาสและเงินลงไปในทุกหมู่บ้าน โดยในแต่ละพื้นที่จะรู้ว่าปัญหาคืออะไร และอยากทำอาชีพอะไร โดยจะเริ่มดำเนินการในปี 2568 และจะเพิ่มเงินขึ้นทุกปีในปีถัดไป ซึ่งดูจากผลการดำเนินงาน นอกจากนี้จะมีโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ให้กลุ่ม SMEs ซึ่งในประเทศไทยมี SMEs ถึง 75% นับเป็นส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย
5. โครงการบ้านเพื่อคนไทย
คนไทยในเมืองไม่สามารถหาบ้านดีๆ ได้ เด็กจบใหม่ที่คิดอยากจะเก็บเงินไปซื้อบ้านก็ไม่สามารถซื้อได้ รัฐบาลจึงจะดำเนินโครงการบ้านเพื่อคนไทย ใช้พื้นที่ของรัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ โดยเป็นพื้นที่ที่มีทำเลที่ดี เดินสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ตัวเมือง และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งโครงการนี้จะเริ่มจากพื้นที่การรถไฟฯในกรุงเทพ เป็นโครงการคอนโดมิเนียม พื้นที่เริ่มต้น 30 ตร.ม. ไม่มีการจ่ายเงินดาวน์ จ่ายเป็นระบบค่าเช่าเริ่มต้น 4,000 บาท ผ่อนยาว 30 ปี มีสิทธิ์อยู่ได้ถึง 99 ปี และเป็นคนที่ไม่เคยมีบ้าน ที่สำคัญต้องเป็นบ้านเพื่อคนไทยเท่านั้น โดยปี 2568 จะเริ่มมีตัวอย่างโครงการให้ดู สำหรับโครงการนี้มอบหมายให้รองนายกฯ พิชัย ชุณหวชิร และสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ดำเนินการ
6. โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ขณะนี้ดำเนินการแล้วในรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วง โดยหัวใจของโครงการนี้คือ อยากให้ประชาชนเข้าถึงรถไฟฟ้า ต้องการลดรายจ่ายให้ประชาชน ทั้งนี้จะเกิดขึ้นแน่นอนในปี 2568
7. โครงการดิจิทัลวอลเล็ต
สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต รัฐบาลเชื่อมั่นอย่างมากว่าจะต้องเติมเงินเข้าระบบ เนื่องจากเศรษฐกิจที่แย่หลายปีที่ผ่านมาเพราะเงินในระบบไม่พอ รัฐบาลจึงได้เติมเงินไปแล้ว 14 ล้านคน ทำให้จีดีพีไทยในไตรมาส 4 เกิน 3% ซึ่งเฟสต่อไปจะเติมเงินในกลุ่มผู้สูงอายุ 4 ล้านคน สามารถรับเงิน 10,000 บาทได้ไม่เกินตรุษจีนปี 2568 โดยเป็นในรูปแบบเงินสด และเฟสที่ 3 สำหรับบุคคลทั่วไป รับบาลวางแผนจ่ายเงินในรูปแบบดิจิทัลวอลเล็ตภายในปี 2568
8. การแก้หนี้ครัวเรือน
การแก้หนี้ครัวเรือน ทั้งรถและบ้าน ถือเป็นวาระแห่งชาติ โดยรัฐบาลได้สร้างความร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารพาณิชย์ของไทย โดยให้ทั้งสองฝ่ายตกลงกันที่จะลดการส่งเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ ลง 0.23% จำนวนเงิน 39,000 ล้านบาทต่อปี และธนาคารพาณิชย์สมทบเพิ่มอีก 39,000 ล้านบาทต่อปี รวมเป็น 78,000 ล้านบาทต่อปี กองทุนนี้จะช่วยประชาชน โดยพักการจ่ายดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 ปี และเงินทุกบาทที่จ่ายจะเป็นการลดเงินต้น เมื่อประชาชนกลับมาจ่ายดอกเบี้ยหรือมีดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ก็จะถูกลง
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มหนี้ NPL ต่ำกว่า 5,000 บาท มีประมาณ 335,000 บัญชี รัฐบาลได้ประนีประนอมหนี้เหล่านี้เพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน สำหรับโครงการนี้มอบหมายให้รองนายกฯ พิชัย ชุณหวชิร ดำเนินการ
นายกฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า "นโยบายที่กล่าวมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของนโยบายที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 เราได้เห็นความหวังและการช่วยเหลือต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ืเป็นรูปธรรมและจับต้องได้อย่างแน่นอน วันนี้คณะรัฐมนตรี ข้าราชการ และประชาชน คือทีมเดียวกัน เราทุกคนต่างมีหัวใจเดียวกัน รักประเทศไทย เราจะลดอำนาจรัฐลงเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนมากยิ่งขึ้น เชิญชวนทุกภาคส่วนมาร่วมกันวางที่เข้มแข็งให้ลูกหลานของเรา สร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับประเทศไทย"
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีแถลงผลงาน 90 วันที่ผ่านมาว่า ผลงานของรัฐบาลแพทองธาร เป็นผลงานที่ต่อเนื่องมาจากการบริหารงานของอดีตนายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา วันนี้รัฐบาลแพทองธารได้ทำงานผ่านความร่วมมือของคณะรัฐมนตรีและพี่น้องข้าราชการ เพื่อพี่น้องประชาชนมาแล้ว 90 วันเต็ม ทำให้วันนี้ “ทุกคนคือทีมเดียวกัน” และจะร่วมกันเดินไปข้างหน้าอย่างเต็มที่ วางรากฐานของประเทศไทยในทศวรรษหน้า ให้คนไทยมีกิน-มีใช้-มีเกียรติ-มีศักดิ์ศรี ประเทศไทยในปี 2568 จะเป็นปีแห่งโอกาส รัฐบาลจะสร้างผลงานที่เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างอนาคตที่เป็นจริง
นโยบายแรก คือการแก้ไขปัญหา “น้ำท่วม-น้ำแล้ง” น้ำต้องเพียงพอสำหรับการอุปโภค บริโภค เกษตร และอุตสาหกรรม ซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรการทั้งระยะสั้น-กลาง-ระยะยาว รวมทั้งการศึกษาแนวทางที่จะอนุญาตให้ประชาชนขุดลอกคูคลองแล้วนำดินไปใช้หรือขายได้ และให้มีการศึกษาโครงการ Floodway และโครงสร้างขนาดใหญ่ที่จะแก้ปัญหาน้ำท่วมได้อย่างยั่งยืนด้วย
นโยบายต่อมาคือเรื่องปัญหา“หมอกควัน” นายกรัฐมนตรีประกาศ KPI ว่า PM 2.5 จะต้องลดน้อยลง ทั้งในแง่ปริมาณฝุ่นและตัวเลขประชาชนที่ป่วยจากฝุ่น ต้องลดลงทุกปี โดยปัจจุบันรัฐบาลควบคุมการเผาในประเทศ การเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านให้ลดการเผา และการออกกฎหมาย พ.ร.บ. อากาศสะอาด เช่นเดียวกับเรื่องยาเสพติด ที่จะต้องมีมาตรการที่เข้มงวดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “การผูกขาดทุกชนิด เป็นการเพิ่มต้นทุนให้ประชาชน และทำให้พี่น้องประชาชนยากจนลง” รัฐบาลจะเร่งดำเนินการปลดล็อคการผูกขาด โดยเฉพาะ เรื่องข้าว ที่ตั้งเป้าให้เกษตรกรทุกคนสามารถส่งออกข้าวไปทั่วโลกได้เอง หรือการปลดล็อคการผูกขาดราคาพลังงานด้วยเงื่อนไขทางกฎหมาย เพื่อปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้า ค่าพลังงานให้ถูกลงให้ได้
ประเด็นต่อมา รัฐบาลจะนำธุรกิจใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดินและกำกับให้ถูกกฎหมาย คาดว่าธุรกิจใต้ดินมีมูลค่ากว่า 49% ของ GDP ไทย การแก้ปัญหานี้จะทำให้รัฐบาลปกป้องประชาชนได้และยังเป็นรายได้ของรัฐบาลด้วย
ในเรื่องเทคโนโลยี และ AI รัฐบาลไทยตั้งเป้าจะเป็น AI Hub ของภูมิภาค เนื่องจากในปัจจุบัน มีบริษัทใหญ่มาลงทุนทำศูนย์ข้อมูล (Data center) เป็นเงินลงทุนมากกว่าล้านล้านบาทแล้ว