โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

อุปทานโลกตึงตัว ดันราคา น้ำมันพืช เฉลี่ยทั้งปี 2565 อยู่ที่ 65-68 บาท/ขวด

เส้นทางเศรษฐี

อัพเดต 18 พ.ค. 2565 เวลา 11.15 น. • เผยแพร่ 18 พ.ค. 2565 เวลา 10.35 น.

อุปทานโลกตึงตัว ดันราคา น้ำมันพืช เฉลี่ยทั้งปี 2565 อยู่ที่ 65-68 บาท/ขวด

ราคาน้ำมันพืชในตลาดโลกปี 2565 ยังมีแนวโน้มขยับขึ้น จากปัญหาอุปทานตึงตัวจากความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน การระงับการส่งออกน้ำมันปาล์มของผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ของโลกอย่างอินโดนีเซีย ท่ามกลางสถานการณ์สินค้าทดแทนที่มีจำกัด และอุปสงค์ในตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะความต้องการจากผู้ซื้อรายใหญ่อย่างอินเดียและจีน

ซึ่งนอกจากปัจจัยเหล่านี้ที่กดดันราคาน้ำมันพืชในตลาดโลกและไทยแล้ว ยังมีปัจจัยในประเทศ ได้แก่ ความต้องการน้ำมันพืชหลักในไทยยังอยู่ในระดับสูง ปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันของไทยที่ใกล้จะหมดฤดูกาลเก็บเกี่ยว สต๊อกปริมาณน้ำมันปาล์มดิบคงเหลืออยู่ในระดับต่ำกว่า Safety Stock และต้นทุนการผลิตที่ขยับสูงขึ้น ซึ่งกดดันราคานำมันพืชในไทยด้วย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาด ในช่วงที่เหลือปี 2565 ราคาน้ำมันพืชหลักในไทยอย่าง น้ำมันปาล์ม ยังมีโอกาสขยับสูงขึ้น เมื่อเทียบกับช่วง 4 เดือนแรกปี 2565 และทำให้ราคาน้ำมันปาล์ม (สำเร็จรูปบรรจุขวด) เฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 65-68 บาท/ขวด (1 ลิตร) เพิ่มขึ้น 35-41% (YoY) จากปี 2564 ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 48.12 บาท/ขวด ภายใต้สมมติฐานที่ว่าอินโดนีเซียอาจจะกลับมาส่งออกน้ำมันปาล์มโอเลอีนได้อีกครั้ง ผลผลิตปาล์มน้ำมันของมาเลเซียจะทยอยออกมาเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 และรัสเซียน่าจะส่งออกน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวันได้ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวครึ่งหลังปี 2565

ส่วนราคาน้ำมันพืชในไทย แม้จะยืนสูงแต่อาจไม่ได้เร่งตามต้นทุนที่แท้จริง เพราะภาครัฐขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ช่วยตรึงราคาน้ำมันพืชสำเร็จรูปบรรจุขวดไว้หรืออยู่ในโครงสร้างราคาที่กรมการค้าภายในกำหนด

ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากราคาน้ำมันพืชสูงขึ้น คือ ครัวเรือน ร้านอาหาร และอุตสาหกรรมอาหารที่ใช้น้ำมันพืชในสัดส่วนสูง อาทิ ขนมขบเคี้ยว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไอศกรีม นมข้นหวาน ครีมเทียม และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบางอย่าง ซึ่งทำให้ราคาสินค้าในหมวดดังกล่าวมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น

สำหรับประเด็นต้องจับตาในช่วงที่เหลือของปีนี้ คือ วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ที่จะส่งผลต่อสถานการณ์พลังงาน ธัญพืชและน้ำมันพืชในตลาดโลก ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ระยะเวลาการกลับมาส่งออกของอินโดนีเซีย การเร่งเพิ่มกำลังการผลิตของมาเลเซียหลังเปิดประเทศ สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบคงเหลือของไทย และมาตรการแก้ปัญหาด้านอุปทานในตลาดของภาครัฐ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...